• ขนาดตัวอักษร  Normal size text | Increase text size by 10% | Increase text size by 20% | Increase text size by 30%

คิดมาก

ปวดศีรษะเหมือนมีอะไรมาบีบขมับ 2 ข้าง นอนตื่นขึ้นมาตอนเช้าก็ยังปวดอีก หมอบอกว่าไม่มีเวลาพัก สมองเครียด ให้ยามากิน แต่ไม่หายขาด ผมเป็นโรคประสาทหรือเปล่า

ถาม

ผมอายุ 20 ปี ชอบอ่านหนังสือมากครับ อ่านทุกอย่างที่ขวางหน้า อ่านเล่มนี้จบเล่มอื่นก็ต่อเลย ธรรมดาอ่านหนังสือแล้วก็ต้องคิด บวกกับตนเองเป็นคนคิดมากอยู่แล้ว จึงทำให้ปวดศีรษะเหมือนมีอะไรมาบีบขมับทั้ง 2 ข้าง ปวดทั้งวัน นอนแล้วตื่นขึ้นมาตอนเช้าก็ยังปวดอีก วันที่ 25 มิ.ย.29 ไปหาหมอ ท่านบอกว่าดูท่องหนังสือมาก ไม่มีเวลาพัก สมองเครียด แล้วจัดยาให้กิน อาการก็ดีขึ้น แต่ไม่หายขาด พออ่านหนังสือ (เรียน-ทั่วไป) ไม่ถึงชั่วโมงก็ปวดอีก ช่วงเดือนเม.ย.นี้ รู้สึกว่าจะอ่านอะไรไม่ได้เลย หรือทำอะไรที่ต้องเอาใจจดจ่อก็จะปวด และขณะนี้ถึงแม้ไม่ได้ทำอะไรก็ปวดครับ ปวดข้างซ้ายมากกว่าข้างขวา แต่ก็มิได้กินยาแก้ปวด

ขอเรียนถามว่า
1. ผมเป็นโรคประสาทใช่ไหมครับ
2. ผมเป็นคนผอมสูง ไม่ค่อยแข็งแรง ท้องผูก ท้องเสียบ่อย ขี้โรค ขี้หลงลืม ตกใจง่าย หงุดหงิด โกรธง่าย และเป็นโรคตาอักเสบ รักษาหายแล้ว แต่ยังมีอาการพร่ามัว ถ้าเพ่งมองมาก จึงหยอดตาอยู่เรื่อย ผมเป็นคนกินจุ แต่ไม่อ้วน เหล่านี้จะเป็นสาเหตุของโรคปวดศีรษะหรือไม่ครับ
วิสิทธิ์/อ่างทอง

ตอบ

ความจริงคำว่า โรคประสาทนี้ ผมไม่อยากจะใช้กับใครง่ายๆ เพราะหมิ่นเหม่ต่อความผิดพลาด
อาการของโรคประสาทมีอยู่ 3-4 อย่าง แต่ที่พบมากที่สุดคือ อาการหวาดกังวล หรือ anxiety ซึ่งเป็นอาการที่พบอยู่ในคนทั่วไปที่เรียกว่า ปกติ ต่อเมื่อมันมีมากเกินสมควร หรือไม่สัมพันธ์กับสิ่งที่เป็นต้นเหตุ และกินเวลานานกว่าปกติ จึงเรียกว่า Anxiety Reaction รีแอ็กชั่น หมายถึง ปฏิกิริยาโต้ตอบ มิใช่เป็นโรค ในความหมายของวัณโรค หรือกามโรค

อาการของคุณที่ชอบ “อ่านทุกอย่างที่ขวางหน้า” นับว่าเป็นอาการที่แปลกและผมเพิ่งเคยเห็น แสดงว่าคุณเป็นคนเอาจริงกับชีวิตมากเกินไปพยายามจะแบกโลก (หนังสือ) เอาไว้คนเดียว การปล่อยวางจากหนังสือคงจะไม่ยากอะไรนักถ้าคุณจะเลือกอ่านที่จำเป็นต้องอ่าน เช่น เกี่ยวกับการเรียน การสอบ นอกนั้นปล่อยมันไป ไปสนใจกับธรรมชาติเสียบ้าง บางคนถึงกับกล่าวว่า ไปนั่งดูต้นหญ้ามันงอกเสียบ้าง ไปคุยกับเพื่อนเสียบ้าง ฯลฯ

คุณบอกว่า คุณเป็นคนคิดมาก แสดงว่าคุณกังวลกับสิ่งเร้ารอบๆตัวของคุณมากเกินไป ปล่อยมันไป คือฟังเพลงของฝรั่งที่ว่า Sara Sara whatever will be will be อะไรมันจะเกิดขึ้นมันก็ต้องเกิดเราไม่สามารถรู้อนาคตได้ ฯลฯ

ความปวดของคุณ เป็นอย่างที่คุณหมอผู้ตรวจว่า เครียดเกินไป การรักษาก็คือ ตัดความเครียดออกไปเสียบ้าง หัดมองโลกในแง่ดีเสียบ้าง ผู้เชี่ยวชาญคนหนึ่งถึงกับกล่าวว่า หัวเราะ หัวเราะ ให้มากๆ จะทำให้อายุยืนไปนานอย่างมีความสุข เขาถึงกับพูดว่า แทนที่จะใช้ Psycho therapy (จิตบำบัด) เรามาใช้ (Laugh therapy) จะได้ผลดีกว่า สรุปสั้นๆว่า วันหนึ่งๆหาเรื่องหัวเราะให้มาก แม้กระทั่งหัวเราะเยาะตัวเอง อาการน่าสนใจของคุณมีอีกอย่างคือ ขณะนี้ไม่ได้ทำอะไรก็ปวด ปวดข้างซ้ายมากกว่าข้างขวา ซึ่งผมเห็นว่าไม่น่าตกใจนักเมื่อรักษาตามที่แนะนำแล้วก็จะหายไปได้

คุณบรรยายสรรพคุณของตนเองว่า ไม่ค่อยแข็งแรง ท้องผูก ท้องเสียบ่อยๆ ขี้โรค หลงลืม ฯลฯ ผมคิดว่าเหล่านี้มิใช่ต้นเหตุของปวดศีรษะหรอกครับ

ความจริง อายุ 20 ปี เป็นอายุที่อยู่ในวัยรุ่นที่น่าจะแข็งแรงมาก อาการท้องผูก แก้ได้ด้วยการกินอาหารที่มีกาก (FIBER) มากๆหน่อย เช่น ถ้ากินส้ม ก็ไม่ควรคายกาก ดื่มน้ำมากๆ ออกกำลังกายให้เหมาะสมกับสถานภาพ และให้สม่ำเสมอ อาการท้องเสียบ่อย น่าจะค้นต้นเหตุว่า การเสียแต่ละครั้งเกิดจากต้นเหตุอะไร และแก้ที่ต้นเหตุนั้น อาการหลงลืม ตกใจง่าย หงุดหงิด เหล่านี้ อาจเป็นอาการทางสมอง ซึ่งเมื่อปฏิบัติตามคำแนะนำทั่วไปข้างต้นนี้แล้วยังไม่หาย ควรปรึกษาแพทย์ทางประสาทอีกครั้งหนึ่ง คุณควรได้รับการตรวจสายตาสักครั้ง

กินจุแต่ไม่อ้วน คนทั่วไปมักจะนึกไปถึงพยาธิในท้องที่แย่งอาหารกิน แต่สาเหตุอื่นยังมีอีกมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งสุขภาพจิต คุณมีความสัมพันธ์ดีอยู่แล้วหรือกับบุคคลใกล้ชิด เช่น พ่อแม่ พี่น้อง ผู้ร่วมงาน และหญิงคนรัก

ลองทำตามคำแนะนำข้างบนนี้ แล้วอีก 2-3 เดือน เล่าอาการอีกทีคงจะดีนะครับ ถ้าอยากจะหายจริงๆ
นพ.สุพจน์ ขวัญมิตร