เวลาของการใช้ทุนของแพทย์เป็นช่วงเวลาหนึ่งที่สำคัญของชีวิตแพทย์..... บทความนี้จึงมีวัตถุประสงค์เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการไปใช้ทุนในชนบทของนักศึกษาแพทย์ และเป็นกำลังใจแก่แพทย์จบใหม่ที่กำลังทำงานอย่างหนัก ในโรงพยาบาลชุมชน
ชีวิตที่อยู่คนละมุม
สมัยที่ไปใช้ทุน ผมเคยนั่งรถที่เพื่อนผมคนหนึ่งซึ่งเป็นหมอ เป็นคนขับเพื่อผ่านหลายร้อยโค้งไปสู่อำเภอที่กันดารที่สุดในจังหวัดน่าน เพื่อให้ไปทำงานที่นั่นอย่างปลอดภัย. เพื่อนผมต้องพยายามจำทุกโค้งให้ได้ เพื่อจะรู้ว่าโค้งไหนจะชะลอรถด้วยความเร็วเท่าไหร่เพื่อให้ไปถึงได้โดยสวัสดิภาพ. นับเป็นหลายร้อยรอบที่เขาได้ขับบนเส้นทางนี้ในช่วงเวลา 3 ปีที่ผ่านมา เมื่อผ่านโค้งอันตรายโค้งหนึ่ง เขาได้พูดประโยคหนึ่งที่น่าสนใจว่า "แต่ละโค้งเนี่ย ขาไปกับขากลับแทบจะจำไม่ได้ว่าเป็นโค้งเดียวกัน มองไม่เหมือนกันเลย เราคนเดียวมองโค้งเดียวกัน คนละมุม ก็ยังต่างกันเลย อย่าว่าแต่คนละคนเลย". เขาคุยราวกับว่าได้เรียนรู้ปรัชญาอะไรบางอย่าง หลังจากขับผ่านโค้งที่วกวนนี้หลายร้อยรอบ ผมไม่ได้สนใจอะไรนัก นอกจากคิดว่า ไม่เห็นแปลกเลย ใครๆก็รู้เรื่องที่เขากำลังพูดอยู่นี้.
ผมจำได้ว่าช่วงที่ไปทำงานที่อำเภอทุ่งช้าง ในช่วงแรกเวลาราวน์เช้า จะมีชาวเขามาคลอดที่โรงพยาบาล บางคนท้องลูกคนที่ 8 พยาบาลก็จะมาฟ้องว่า หมอคนนี้ลูก 8 คนแล้ว หมอช่วยไปคุยให้ทำหมันหน่อยซิ พี่คุยแล้วเขาไม่ยอมทำเลย ด้วยความเชื่อมั่นในฝีมือการเกลี่ยกล่อมของตัวเอง ทำให้คิดว่าพยาบาลทำไม่ได้ แต่หมอใหญ่ต้องทำได้ซิ ผ่านไป 20 นาที ด้วยเหตุผลทั้งหมดที่ผมพอจะขุดออกมาได้ ได้พบคำตอบกลับเพียงว่าไม่ คำตอบตรงกันทั้งสามีภรรยา. ผมฉุนที่ต้องเสียเวลาตั้งนาน พร้อมกับโกรธที่รู้สึกขายหน้าต่อหน้าพยาบาล ที่หมอใหญ่ก็ทำไม่สำเร็จเช่นกัน หลังจากหลายครั้งที่ไม่สำเร็จ ผมก็ไม่เคยพยายามลองอีกเลย พร้อมกับความเชื่อที่ว่า ชาวเขาพวกนี้ก็แย่อย่างนี้แหละ ดูแลลูกก็ไม่ค่อยดี ลูกๆแต่ละคนก็เนื้อตัวมอมแมม ขี้มูกเกรอะกรัง ป่วยเป็นปอดบวมบ่อยๆ กว่าจะพามาก็อาการหนักแล้ว จนดูเหมือนพวกเขาจะไม่ค่อยรักลูก. บางทีมีลูกอายุ 1 ขวบก็เป็นมาลาเรียซะแล้ว ไปติดมาจากไหน เอาลูกๆเข้าไปอยู่ในป่าเหรอ ซ้ำหลายคนบอกว่า ทีเราบังคับให้มีลูกสองคน แต่ชาวเขาพวกนี้มีลูกเป็น 10 คน อีก 20 ปี ก็พากันยึดประเทศไทยหมด. พวกนี้ชอบทำลายป่า ทำไร่เลื่อนลอยด้วย ค้ายาบ้าอีก. บางทีก็ซ่อนยาบ้าในผักกระหล่ำปลีตั้งแต่เล็กๆ พอต้นโตขึ้นเป็นหลายชั้น ยาบ้าก็ซ่อนอยู่ในด้านในแล้วอย่างแนบเนียน ถ้าไม่ผ่าออกก็ไม่เห็นหรอก.
แม้จะสงสารที่พวกเขาลำบาก แต่ภาพของชาวเขาในสายตาผมคือพวกที่ไร้การศึกษา ดื้อ เห็นแก่ตัว เอาแต่ได้. โครงการคุมกำเนิดหลายโครงการที่เข้าไปอบรม ประชุมกลุ่มอย่างมีส่วนร่วมกลับประสบความล้มเหลว ยิ่งส่งเสริมให้ดูไม่มีความหวังกับคนกลุ่มนี้ พวกเขาคงแย่แต่กำเนิด.
แม้จะมองพวกเขาไม่ค่อยดีนัก แต่ในฐานะแพทย์ ผู้ทำการรักษาผมก็ยังคงทำหน้าที่ของผมเต็มที่. ในวันหนึ่งที่ผมได้นั่งรถไปออกหน่วยแพทย์เคลื่อนที่บนหมู่บ้านปางแก ระหว่างทางทิวทัศน์อันสวยงามท่าม กลางหุบเขาที่โอบล้อม ผมเห็นภาพหญิงชาวเขากำลังฟันหญ้าเพื่อเตรียมพื้นที่ทำไร่เลื่อนลอยต่อไป คงไม่แปลกอะไร ถ้ากลางหลังเธอไม่ได้มีเด็กหน้าตาน่ารักอายุประมาณ 1 ขวบกว่า ลืมตามองอยู่พร้อมผ้าที่พันไว้อย่างแน่นหนา "มิน่าเล่า ถึงมีเด็กเล็กป่วยเป็นมาลาเรีย" ผมนึกในใจ. แต่ก็นึกถึงความลำบากของการแบกเด็กไว้บนหลังขณะทำงาน ถ้าไม่จำเป็นจริงๆเขาคงไม่แบกไว้หรอก.
คงมีความจำเป็นที่แม่ต้องแบกลูกไว้บนหลังขณะทำงาน
เพิงเล็กๆที่เป็นทั้ง ที่หุงหาอาหาร ที่พัก ในฤดูกาลของการทำไร่นา
ชีวิตที่ลำบากของเด็กชาวเขา ที่ดูจะทำให้พวกเขาเข้มแข็งขึ้น
ห่างออกไปไม่ไกล มีเพิงเล็กๆที่พวกเขานั่งเล่นอยู่ ต่อมาผมจึงรู้ว่าพวกเขาก็นอนกันที่นั่นแหละ เพราะถ้าจะกลับไปบ้านต้องเดินหลายชั่วโมง คงไม่คุ้มถ้าพรุ่งนี้ต้องเดินกลับมาอีก และไม่มีใครดูแลถ้าจะให้เด็กอยู่ที่บ้าน. เพิงเล็กๆนั้นเป็นเพิงที่แทบไม่มีอะไรเลย ถ้าผมจำเป็นต้องนอนที่นั่น คงไม่แปลกหรอก ที่ผมจะเป็นปอดบวมบ่อยๆเหมือนเด็กพวกนั้น และกว่าพ่อแม่ของเขาจะอุ้มลูกๆออกมายังโรงพยาบาลได้ ก็คงอาการหนักไม่น้อย จนอาจจะมีน้ำในช่องเยื่อหุ้มปอด ซึ่งทำให้ดูเหมือนพวกเขาไม่ได้ใส่ใจเด็กๆเลย.
ระหว่างที่ขับรถไปตามถนน ภาพของเด็กอายุ 4-5 ขวบ เดินตามพี่ชายอายุ 7-8 ขวบที่เดินนำเพื่อขนของต่างๆจากไร่กลับไปที่บ้าน ยิ่งตอกย้ำให้เห็นถึงความแตกต่างกับชีวิตเด็กที่อยู่พื้นราบ เปรียบกับสมัยที่ผมยังเด็กอายุ 4-5 ขวบ หรือยิ่งเด็กสมัยนี้ก็ตาม. อายุขนาดนี้คงกำลังร้องไห้งอแงอยากได้โน้น อยากได้นี่ ไม่เคยช่วยงานบ้านอะไร เรียกร้องแต่สิ่งที่อยากได้. แต่ที่นี่ทุกคนทุกแรงงานต้องนำมาใช้ประโยชน์อย่างคุ้มค่า นั่นคงเป็นอีกเหตุผลหนึ่งว่าทำไมพวกเขาถึงไม่ยอมคุมกำเนิด ต้องมีลูกมากๆ แรงงานที่นั่นคงหาได้ไม่ง่ายนัก และไม่มีเครื่องจักร ไม่มีน้ำมัน ที่จะช่วยทุ่นแรงเหมือนคนที่อยู่ข้างล่าง.
คงไม่มีใครอยากมีลูกเยอะๆหรอก เพราะความทรมานในช่วงคลอดลูกนั้น พวกหมอเราก็รู้อยู่ว่าเป็นอย่างไร. คงไม่มีใครอยากให้ลูกทำงานหนักตั้งแต่เด็ก ถ้าไม่ใช่เพราะความจำเป็นบังคับ. คงไม่มีใครอยากลำบาก ทำไร่บนภูเขาที่ทั้งเอียงทั้งชัน แล้วย้ายไปเรื่อยๆ ให้ไกลจากบ้านออกไปจนเดินไปกลับไม่ไหว ถ้าไม่ใช่เพราะไม่มีที่ราบ ไม่มีปุ๋ย การย้ายไปสู่ดินที่อุดม ก็ยังคงช่วยให้ชีวิตเขาอยู่ได้อีกชั่วคราว อย่างน้อยก็ในชั่วอายุของเขา ไม่มีใครคิดถึงอนาคตหรอก ถ้าแม้ปัจจุบันก็ยังไม่มี.
ผมเคยไปเยี่ยมบ้านชาวเขาหลายครั้ง ถือว่าชาวเขาเป็นกลุ่มที่แทบไม่ค่อยเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตพวกเขาเท่าใดนัก เขายังคงอยู่ในบ้านที่พื้นเป็นดิน มีการจุดไฟเพื่อไล่ความหนาวที่กลางบ้าน ไม่มีทีวี ไม่มีตู้เย็น. แต่กระนั้นก็ตามทำไมพวกเขาต้องพยายามหาเงิน ในเมื่อดูเหมือนพวกเขาจะไม่ได้ใช้เงิน ในบรรดาปัจจัยสี่ทั้งอาหาร ที่อยู่อาศัย เครื่องนุ่งห่มนั้น เขาก็มีเพียงพอที่นั่นที่จะอยู่แบบเศรษฐกิจพอเพียงได้ แต่ขาดแต่ยาและการรักษาโรค. สำหรับเขาคงโชคดีที่มีโครงการหลักประกันสุขภาพ เพราะไม่เช่นนั้นเขาคงต้องหาเงินมากกว่านี้เพื่อใช้ในการรักษา แค่ค่ารถเหมาเดินทางลงมาที่โรงพยาบาลก็ไม่น้อยกว่า 500 บาท นั่นอาจจะเป็นอีกเหตุผลหนึ่งว่าทำไมเขาต้องขายสิ่งต่างๆ เพื่อให้ได้เงินมา รวมถึงยาบ้า แม้จะไม่ใช่เหตุผลอันสมควรสำหรับเรา แต่ก็เป็นเหตุผลสำคัญอย่างหนึ่งสำหรับเขา.
ความแตกต่างในสังคมไทยยังคงมีอยู่ และจะดำเนินต่อไปด้วยช่องว่างที่ห่างไปเรื่อยๆ เราจะดำรงอยู่ในสังคมแห่งช่องว่างนี้ได้อย่างสงบสุขได้นานแค่ไหน. อาชญากรรมและยาเสพติดยังคงขยายไปเรื่อยๆ ตราบใดที่คนข้างบนยังคงกอบโกย คนข้างล่างต้องทรมานเพื่อส่งอาหารไปยังผู้ปกครองเบื้องบน. ในยุคสมัยที่เลิกทาสแล้ว แต่ทาสทางเศรษฐกิจ ยังกระจายอยู่ทั่วทุกหัวระแหง แม้ณ.วันนี้ สิ่งเหล่านี้จะยังคงอยู่โดยไม่มีทางแก้. แต่สำหรับผมแล้ว ช่วงเวลาใช้ทุนทำให้ผมได้เรียนรู้ว่า สิ่งที่ชาวเขาเป็น และชาวเขาทำ.....นั่นไม่ใช่เพราะความดื้อ การไร้การศึกษา เห็นแก่ตัว แต่ความเป็นจริงของชีวิต บีบคั้น เร่งเร้าให้พวกเขาต้องทำเช่นนั้น ดั่งแส้ที่เฆี่ยนโคให้เดินสู่โรงเชือด ทั้งที่รู้ว่าทางข้างหน้าที่เดินจะเจออะไร แต่ยังคงต้องเดินไป.
ในเวชปฏิบัติ เมื่อเกิดความเข้าใจการให้เกียรติ และเห็นถึงศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ ย่อมเกิดทุกครั้งที่ผมเห็นพวกเขามารับการรักษา. ผมจะดูแลพวกเขาอย่างดีขึ้น ยอมรับในสิ่งที่พวกเขาเป็น พยายามแนะนำเพื่อความเปลี่ยนแปลงด้วยความปรารถนาดีและเข้าใจถ้าเขาทำไม่ได้อย่างเราหวัง. ผมไม่โกรธและโมโหพวกเขาอีก ดูเหมือนความเข้าใจ จะช่วยเยียวยาจิตใจผมได้ คงเป็นเพราะว่าเมื่อเราได้เรียนรู้จากผู้อื่น ตัวเราจะเล็กลง จักรวาลที่เคยหมุนรอบตัวเรา กลับไปอยู่ที่เดิม และเราคงหมุนรอบจักรวาล รอบผู้คน ผ่านกาลเวลาไป เช่นเม็ดกรวดเม็ดทรายที่เคยปลิวผ่านไปในโลกนี้.
จนถึงทุกวันนี้ ผมเลิกตั้งคำถามว่า ทำไมผู้ป่วยคนนั้นจึงเป็นอย่างนี้ ผู้ป่วยคนนี้เป็นอย่างนั้น แต่ถ้าบางครั้งคำถามนี้แวะเวียนมากวนใจผม ผมจะนึกถึงคำพูดของเพื่อนผมคนหนึ่งที่บอกว่า "เรื่องเดียว กัน ตัวเราคนเดียวกัน มองคนละมุม ยังต่างกันเลย นับประสาอะไรกับคนละคน".
พงศ์เทพ วงศ์วัชรไพบูลย์ พ.บ.
ทีมงานวิชาการชมรมแพทย์ชนบท
- อ่าน 1 ครั้ง
- พิมพ์หน้านี้