คำอธิบายเกี่ยวกับข้อเท็จจริง (ต่อ)
ข้อเท็จจริงทางการแพทย์ที่ร่างนี้อาจอธิบายได้ดังต่อไปนี้
ข้อ 7. บางสภาวะหรือบางโรคอาจดำเนินการโดยมาตรฐานทางการแพทย์ได้หลายแนวทาง
อธิบาย
ในการดำเนินการทางการแพทย์แผนปัจจุบันนั้นอาจมีได้หลายแนวทาง ซึ่งแต่ละแนวทางจะถือว่าได้มาตรฐานด้วยกันทั้งสิ้น ทั้งนี้อาจขึ้นอยู่กับ อายุ เพศ โรคประจำตัว สภาวะของร่างกายของผู้ป่วย ความรุนแรงของโรคหรืออาการเครื่องมือเครื่องใช้ที่มีอยู่ บุคลากรที่มีอยู่ปัจจัยอื่นๆตามภาวะวิสัยและพฤติการณ์.
ตัวอย่าง
การเกิดสภาวะเลือดออกในทางเดินอาหารบางกรณี เช่น ในกระเพาะอาหารอาจให้การรักษาโดยการผ่าตัดหรือรักษาด้วยยาก็ได้.
ข้อ 8. ในการดำเนินการทางการแพทย์บางอย่างนั้นผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมเพียงคนเดียวอาจไม่สามารถดำเนินการให้ลุล่วงไปได้ จึงจำเป็นต้องปรึกษาผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมอื่นเพื่อประโยชน์ต่อผู้ป่วย
อธิบาย
ในการดำเนินการทางการแพทย์นั้นผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมเพียงคนเดียวอาจไม่สามารถดำเนินการทางการแพทย์ให้ครอบคลุมถึงสภาวะการป่วยเจ็บ สภาวะของโรคหรือสภาวะอันเกี่ยวเนื่องได้ทั้งหมด. กรณีเช่นนี้ผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมอาจปรึกษาผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมท่านอื่นเพื่อประโยชน์ในการดำเนินการทางการแพทย์ให้ดีขึ้นหรือประโยชน์อื่นใดได้ทั้งนี้เพื่อประโยชน์ของผู้ป่วยทั้งสิ้น ซึ่งประโยชน์ดังกล่าวอาจเป็นเรื่องในปัจจุบันหรือคาดว่าจะเกิดขึ้นในภายภาคหน้าอาจแบ่งออกได้ดังนี้
ก. การดำเนินการทางการแพทย์ไม่อาจกระทำเพียงคนเดียวได้
หมายถึง การดำเนินการทางการแพทย์ต่อผู้ป่วยไม่อาจกระทำได้เพียงแพทย์หรือผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมเพียงคนเดียวเท่านั้นเพราะการดำเนินการนั้นอาจซับซ้อนหรือเกี่ยวข้องกับระบบต่างๆ ของร่างกายมากกว่าหนึ่งระบบ หรือคาบเกี่ยวกับระบบต่างๆ มากมาย. การที่จะให้การดำเนินการไม่ว่าจะเป็นการรักษา บำบัด ฯลฯ จึงจำเป็นต้องให้แพทย์ท่านอื่นเข้าร่วมในการดำเนินการด้วย.
ข. การปรึกษาผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมท่านอื่นเพื่อประโยชน์กับผู้ป่วยทั้งสิ้น
หมายความว่า การปรึกษาแพทย์ท่านอื่นนั้นจะต้องเพื่อประโยชน์ในการดำเนินการทางการแพทย์ต่อผู้ป่วย หรือเพื่อประโยชน์ต่อผู้ป่วยนั่นเอง มิใช่ต่อตัวแพทย์หรือต่อบุคคลที่ 3 ทั้งนี้ผู้ป่วยอาจไม่เข้าใจและไม่เห็นถึงความสำคัญในขณะนี้.
ค. ประโยชน์นั้นอาจเป็นเรื่องในปัจจุบันหรือคาดว่าจะเกิดในภายภาคหน้า
ในประการนี้หมายความว่า ประโยชน์ที่เกิดขึ้นนี้อาจไม่เห็นได้ชัดเจนในขณะนี้แต่อาจเกิดขึ้นในภายภาคหน้าได้ (เพราะผู้ป่วยอาจไม่เคยมีประสบการณ์ทางด้านการป่วยเจ็บ ฯลฯ เช่นนี้มาก่อน ซึ่งต่างจากแพทย์ที่ได้ประสบเหตุการณ์เช่นนี้มามากมายแล้ว จึงทราบถึงผลที่อาจเกิดขึ้นตามมาในภายภาคหน้าได้).
ตัวอย่าง ประโยชน์ที่เห็นได้ชัดเจนในขณะนี้
การผ่าตัดเพื่อนำมะเร็งในลำไส้ใหญ่ออกมานั้นจำเป็นต้องทำการผ่าตัดทั้งทางหน้าท้องและทางทวารหนัก จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องให้มีแพทย์ท่านอื่นเข้ามาร่วมในการผ่าตัดด้วยเพื่อให้การผ่าตัดบรรลุถึงวัตถุประสงค์ นั่นคือเพื่อประโยชน์ต่อตัวแพทย์เองซึ่งเห็นได้ชัดเจนในขณะนี้.
ตัวอย่าง ประโยชน์ที่เห็นได้ชัดเจนในภายภาคหน้า
ผู้ป่วยที่ได้รับอุบัติเหตุจราจรได้รับอันตราย ต่อกายหรือจนกระทั่งมีกระดูกหัก (ซึ่งเข้าข่ายอันตรายสาหัสในทางกฎหมาย) เข้ารับการรักษาในสถานพยาบาล แพทย์ (เจ้าของไข้) ย่อมจำเป็นต้อง ปรึกษาแพทย์ทางนิติเวชศาสตร์. ทั้งนี้เพื่อประโยชน์ต่อผู้ป่วยในภายภาคหน้าหรืออนาคตได้ แม้ว่าผู้ป่วยจะไม่เห็นความจำเป็นในการปรึกษาไม่เข้าใจถึงเหตุในการที่จะปรึกษาแพทย์นั้นและแจ้งต่อแพทย์ (เจ้า ของไข้) ว่าไม่เอาเรื่องกับผู้ที่เกี่ยวข้องก็ตาม แต่ต้องถือว่าเป็นสิทธิของแพทย์ประการหนึ่งที่จะต้องปรึกษา เพราะผลในทางคดีที่จะเกิดขึ้นนั้นเป็นสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตและจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ป่วยในอนาคตมิใช่ในปัจจุบัน.
ปัญหาที่เกิดขึ้นก็คือ ถ้าผู้ป่วยไม่เห็นด้วยกับการปรึกษาอย่างแน่นอน (โดยอาศัยสิทธิผู้ป่วยข้อ 3) แต่แพทย์เห็นว่ามีความจำเป็นที่จะต้องปรึกษาเพราะถือว่าเป็นหนึ่งในกระบวนการทางการแพทย์ที่จำเป็นต้องให้การดำเนินการ จะทำอย่างไร?
ก. แพทย์ดำเนินการตามข้อ 9 ของคำประกาศนี้
ข. แพทย์ (เจ้าของไข้) ทำตามเจตนารมณ์ ของผู้ป่วยโดยต้องถือว่า
1) เป็นความเสี่ยงของแพทย์ท่านนั้นเอง
กล่าวคือ เมื่อเกิดผลที่จะต้องใช้ประโยชน์จากการดำเนินการทางการแพทย์จากแพทย์ที่ควรปรึกษาแต่มิได้ปรึกษานั้น แพทย์ท่านนั้นจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบทั้งหมด และเป็นผู้ดำเนินการเอง ลักษณะคล้ายกับว่าแพทย์ (เจ้าของไข้) มิได้ส่งตรวจในบางสิ่งเมื่อทำการตรวจผู้ป่วย ต่อมามีการอ้างถึงการประกอบวิชาชีพเวชกรรมว่าผลการตรวจเป็นอย่างไร แพทย์ (เจ้าของไข้จะต้องเป็นผู้ตอบในสิ่งนั้น) เพราะตนเองมิได้ส่งตรวจ เช่น
ตัวอย่าง
ผู้ป่วยได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะจากลื่นล้มในห้องน้ำ แพทย์จะขอส่งตรวจสมองด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์ (CT scan of brain) แนะนำให้ผู้ป่วยตรวจ แต่ผู้ป่วยเห็นว่าจะเป็นการสิ้นเปลืองค่าตรวจหลายพันบาทเพราะเห็นว่าไม่มีอะไรแพทย์จึงไม่ได้ส่งตรวจ. ต่อมาผู้ป่วยออกจากสถานพยาบาลไปและในที่สุดเสียชีวิตโดยมิได้มีการส่งศพเพื่อตรวจชันสูตรอีก เช่นนี้ต่อมามีการร้องเกี่ยวกับสิทธิทางประกันอุบัติเหตุ แพทย์แม้ว่าจะเชื่อว่าเกิดจากสมองกระทบกระเทือนและน่าจะมีความผิดปกติในสมอง เช่น การมีเลือดออกในโพรงกะโหลกศีรษะก็ตาม แต่ก็ไม่มีหลักฐานยืนยันอย่างชัดเจน เช่นนี้แพทย์ดังกล่าว (เจ้าของไข้) จะต้องเป็นผู้รับผิดชอบเองทั้งหมด.
2) เป็นความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นต่อผู้ป่วยเอง
ตัวอย่าง เช่น การไม่ปรึกษาแพทย์ทางนิติเวชศาสตร์
หมายถึง แม้ว่าในที่สุดแพทย์ (เจ้าของไข้) จะช่วยดำเนินการในทางคดีให้กับผู้ป่วยแล้วก็ตาม เช่น การส่งพยานหลักฐาน การสอบสวน การเป็นพยานให้ก็ตาม (ซึ่งแน่นอนว่าจะต้องเสียเวลาอย่างมากและเกิดความสับสนในระดับหนึ่งแล้ว) แต่ผลที่ได้รับและผลต่อรูปคดีอาจไม่กระชับและถูกต้องเท่ากับการที่ดำเนินการโดยแพทย์ทางนิติเวชศาสตร์นั่นเอง. ผลร้ายที่เกิดขึ้นย่อมตกอยู่กับผู้ป่วยโดยปริยาย ซึ่งความเสียหายเหล่านี้ผู้ป่วยจะไม่มีทางรับทราบได้ในขณะป่วยหรือเข้ารับการรักษาและเห็นว่ามิใช่สิ่งที่จะต้องเตรียมพร้อมในการดำเนินการเลยเพราะเป็นเรื่องหรือเป็นผลในอนาคตในภายภาคหน้า จึงจำเป็นที่แพทย์ (เจ้าของไข้) จะต้องเป็นผู้ดำเนินการหรือรับความเสี่ยงเอาเอง.
ข้อ 9. ผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมอาจปฏิเสธการรักษาผู้ป่วยซึ่งมิใช่อยู่ในสภาวะฉุกเฉินอันจำเป็นเร่งด่วนและเป็นอันตรายต่อชีวิต ทั้งนี้เพื่อประโยชน์ต่อตัวผู้ป่วยเองได้
อธิบาย
หมายถึง แพทย์ย่อมสามารถที่จะปฏิเสธไม่รับการตรวจ รักษา หรือดำเนินการใดๆ ให้กับผู้ป่วยได้ ทั้งนี้เป็นสิทธิประการหนึ่งที่แพทย์อาจทำได้ แต่มีข้อจำกัดอยู่ที่ว่าผู้ป่วยดังกล่าวจะต้องมิได้อยู่ในภาวะฉุกเฉินซึ่งจะต้องรีบรับการช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน เช่น ถ้าไม่รีบทำการช่วยเหลือแล้วหรือให้การรักษาล่าช้าแล้วอาจนำมาซึ่งอันตรายต่อชีวิตหรือร่างกายอย่างรุนแรงได้.
ตัวอย่าง
1) ผู้ป่วยที่มาขอรับการตรวจร่างกายเพื่อให้แพทย์ออกเอกสารรับรองว่ามีสุขภาพดีเพื่อใช้ประกอบการเข้างานนั้น แพทย์อาจปฏิเสธไม่ออกเอกสารให้ได้เพราะไม่มีกรณีแห่งความจำเป็นรีบด่วน.
2) ผู้ป่วยต้องการให้แพทย์ตัดไฝ หูด ฯลฯให้ แพทย์ขอปฏิเสธการรักษา.
กรณีที่แพทย์ไม่สามารถจะปฏิเสธการรักษาหรือดำเนินการทางการแพทย์ได้จะต้องเป็น
ก. ต้องเป็นกรณีที่เร่งด่วน
หมายถึง ต้องเป็นการให้การช่วยเหลือในทางการแพทย์อย่างเร่งด่วนไม่อาจรอได้ต้องกระทำโดยทันที ซึ่งอาจเป็นนาทีเท่านั้น เช่น
1. การที่ผู้ป่วยมีเศษอาหารติดหลอดลมและอุดกั้น ต้องรีบทำการนำออก หรือให้การช่วยเหลือเป็นการด่วน.
2. การที่ผู้ป่วยจมน้ำ ต้องเร่งให้การช่วยเหลือด่วน.
3. การที่ผู้ป่วยแพ้ยาหรือสารอื่นใดในภาวะช็อก ต้องรีบทำการช่วยเหลือเป็นการด่วน.
ข. ถ้าล่าช้าจะเป็นอันตรายต่อชีวิตหรือร่างกายอย่างรุนแรงได้
หมายถึง การที่แพทย์ไม่รีบทำการช่วยเหลือโดยทันที โดยปฏิเสธการรักษาอาจทำให้ผู้ป่วยถึงแก่ชีวิตได้ เช่น
ตัวอย่าง เมื่อผู้ป่วยหายใจไม่ออกแพทย์ไม่รีบทำการใส่ท่อช่วยหายใจ เพียงไม่กี่นาทีผู้ป่วยย่อมต้องถึงแก่ชีวิต หรืออาจไม่ตาย แต่ก็ทำให้สมองขาดเลือดมาเลี้ยง ทำให้มีสภาวะของสมองตายตามมาได้.
ตัวอย่าง ผู้ป่วยปวดท้องด้านขวาล่างและมีอาการอื่นๆ อย่างชัดเจนว่าเป็นการปวดเนื่องจากไส้ติ่งอักเสบซึ่งต้องให้การรักษาด้วยการผ่าตัดเป็น การด่วน เช่นนี้แพทย์จะปฏิเสธการรักษาไม่ได้และต้องรีบดำเนินการผ่าตัดเป็นการด่วน.
อธิบายเพิ่ม
กรณีที่แพทย์ได้ทำการรักษาให้ขั้นต้นแล้วขอส่งตัวผู้ป่วยเพื่อการรักษาต่อ เช่นนี้ไม่เข้ากรณีที่ปฏิเสธการรักษา (แม้ว่าจะรักษาต่อได้) เนื่องจากตนเองได้ช่วยเหลือในระยะฉุกเฉินและบรรเทาอันตรายที่อาจเกิดขึ้นต่อชีวิตและร่างกายอย่างรุนแรงไปเสียแล้ว หรือ
กรณีที่แพทย์ให้การรักษาผู้ป่วยไประยะหนึ่งแล้วเกิดความไม่เข้าใจกับผู้ป่วยหรือญาติของผู้ป่วยในกระบวนการรักษาหรือการปรึกษา (เช่นตามข้อ 8) เช่นนี้แพทย์ย่อมมีสิทธิที่จะไม่ดูแลรักษาผู้ป่วยต่อได้ แต่ทั้งนี้จะต้องมิใช่เป็นกรณีที่ยังอยู่ในภาวะฉุกเฉินซึ่งถ้าเนิ่นช้าไปหรือไม่รักษาต่อเนื่องจะเป็นอันตรายต่อชีวิตหรือร่างกายอย่างรุนแรงได้.
ข้อ 10. ผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมย่อมได้รับการคุ้มครองจากการกระทำอันเป็นความผิดกฎหมายเช่นเดียวกับปัจเจกชนทั่วไปตามรัฐธรรมนูญและกฎหมายอื่นๆ
อธิบาย
หมายความว่า แพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ทุกคนย่อมได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายต่างๆ ที่มีอยู่ในสังคมเช่นเดียวกัน เช่น
ก. กฎหมายอาญา11
*แพทย์ย่อมได้รับความคุ้มครองกรณีที่มีการกระทำผิด
เช่น การดูหมิ่นแพทย์ซึ่งหน้าการหมิ่นประมาทต่อแพทย์ ผู้ที่กระทำต่อแพทย์ย่อมเป็นความผิดต้องได้รับโทษตาม
มาตรา 326
ผู้ใดใส่ความผู้อื่นต่อบุคคลที่สาม โดยประการที่น่าจะทำให้ผู้อื่นนั้นเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นหรือถูกเกลียดชัง ผู้นั้นกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาท ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา 327
ผู้ใดใส่ความผู้ตายต่อบุคคลที่สามและการใส่ความนั้นน่าจะเป็นเหตุให้บิดา มารดา คู่สมรส หรือ บุตรของผู้ตายเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นหรือถูกเกลียดชัง ผู้นั้นกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาท ต้องระวางโทษดังบัญญัติไว้ในมาตรา 326
มาตรา 328
ถ้าความผิดฐานหมิ่นประมาทได้กระทำโดยการโฆษณาด้วย เอกสาร ภาพวาด ภาพระบายสีภาพยนตร์ ภาพหรือตัวอักษรที่ทำให้ปรากฏด้วยวิธีใด แผ่นเสียงหรือสิ่งบันทึกเสียงอย่างอื่นกระทำโดยการกระจายเสียง หรือโดยกระทำการป่าวประกาศด้วยวิธีอื่นใด ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่พันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา 393
ผู้ใดดูหมิ่นผู้อื่นซึ่งหน้าหรือด้วยการโฆษณาต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งพันบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ
*การที่แพทย์ถูกทำร้าย
มาตรา 391
ผู้ใดใช้กำลังทำร้ายผู้อื่นโดยไม่ถึงกับเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา 295
ผู้ใดทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจของผู้อื่นนั้น ผู้นั้นกระทำ ความผิดฐานทำร้ายร่างกาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่พันบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ
ข. กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ 9
กรณีที่แพทย์ได้รับความเสียหายอันเนื่องจากการกระทำละเมิดต่อแพทย์ เช่น การผลักโต๊ะตรวจล้มลง ทำให้ของเสียหาย เช่น ปรอทวัดไข้แตก เป็นต้น.
มีแพทย์หลายท่านเมื่อประกอบวิชาชีพเวชกรรมแล้วเห็นว่าตนเองอยู่ในฐานะที่ต้องรับทุกสิ่งทุกอย่างที่กระทำต่อตนเองในทางที่ไม่สมควรโดยปราศจากสิทธิในการโต้ตอบ เช่น การที่ผู้ป่วยด่าทอแพทย์อย่างเสียๆ หายๆ โดยไม่อาจตอบโต้ได้ ทำให้เกิดความน้อยเนื้อต่ำใจและมีความวิตกกังวลในการทำงาน (ประกอบวิชาชีพเวชกรรม) แท้ที่จริงแล้วแพทย์ย่อมได้รับความคุ้มครองในฐานะปัจเจกชนประชาชนคนหนึ่งด้วยเช่นเดียวกัน.
ตัวอย่าง
การที่แพทย์ถูกด่าทอ ด่าว่า หาว่าไร้ซึ่งเกียรติ ศักดิ์ศรี เช่น ถูกด่าว่า " ไอ้หมอชุ่ย" "ไอ้หมอ กักขระ" "ไอ้หมอจัญไร" " ไอ้หมอไร้จรรยาบรรณ สมควรไปตายเสีย" มีลักษณะเป็นการดูหมิ่นอย่างชัดเจน เช่นนี้ย่อมถือว่าแพทย์เป็นผู้เสียหายในความผิดในทางอาญาได้เช่นเดียวกัน และสามารถดำเนินคดีกับผู้ที่กระทำต่อแพทย์ได้.
ตัวอย่าง
การที่แพทย์ตรวจผู้ป่วยแล้วถูกผลักหน้าอก ในทำนองเอาเรื่องเพราะความไม่พอใจในการตรวจ เช่นนี้เท่ากับเป็นการทำร้ายร่างกายแพทย์แล้ว (ทำร้ายร่างกายไม่เป็นเหตุให้เกิดอันตรายต่อกายเป็นลหุโทษในประมวลกฎหมายอาญา).
ในอดีตเมื่อแพทย์ถูกละเมิดสิทธิต่างๆ ที่ควรจะมีในสังคม แพทย์ก็ไม่ต้องการที่จะเอาเรื่องฟ้องร้อง แต่ในอนาคตอาจมีการที่แพทย์ฟ้องร้องผู้ป่วยหรือญาติผู้ป่วยที่มีพฤติการณ์ที่กระทำอันไม่เหมาะสม กับแพทย์ได้เช่นเดียวกัน ทั้งนี้เพราะความสัมพันธ์ระหว่างแพทย์และผู้ป่วยได้เปลี่ยนไปแล้วจากเดิมที่เคยเกื้อกูลช่วยเหลือซึ่งกันและกัน มีความเคารพและเชื่อมั่นในเกียรติและศักดิ์ศรี กลับกลายเป็นปฏิปักษ์และขาดความเชื่อมั่นซึ่งกันและกัน.
(ตอนจบอ่านต่อฉบับหน้า)
เอกสารอ้างอิง
9. ไพจิตร ปุญญพันธ์ คำอธิบายประมวลกฎหมาแพ่งและพานิชย์ ลักษณะละเมิด. กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ์มหาวิทยาลัยธรรมศาตร์, 2522, 8
10. มานิต มานิตเจริญ. พจนานุกรมไทย, พจนานุกรม ฉบับของราชบัณฑิตสถาน. กรุงเทพมหานคร : นิยมวิทยา, 2526.
11. นคร พจนวรพงษ์, พลประสิทธิ์ ฤทธิ์รักษา. ประมวลกฎหมายอาญา. กรุงเทพมหานคร : สำนักพิมพ์นครหลวง, 2538.
ผู้นิพนธ์
วิสูตร ฟองศิริไพบูลย์ พ.บ., วท.ม., ว.ว. (นิติเวชศาสตร์)รองศาสตราจารย์, ภาควิชานิติเวชศาสตร์
คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล และกรรมการแพทยสภา
สมบูรณ์ ธรรมเถกิงกิจ พ.บ., น.บ., อ.ว. (นิติเวชศาสตร์) รองศาสตราจารย์, ภาควิชานิติเวชศาสตร์
คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล
วีรพัฒน์ สุวรรณธรรมา พ.บ. ภาควิชาศัลยศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาล รามาธิบดี, มหาวิทยาลัยมหิดล
- อ่าน 2,335 ครั้ง
- พิมพ์หน้านี้