ในช่วง perimenopause การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนเพศในระยะแรกคือ ไม่มีการหลั่งฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนเป็นรอบๆ. ผลที่เกิดกับร่างกายคือ การเปลี่ยนแปลงของเลือดประจำเดือน ซึ่งรูปแบบของประจำเดือนที่เกิดขึ้นมีได้ทุกชนิด เช่น ประจำเดือนมาห่าง (oligomenorrhea) ประจำเดือนมามาก (menorrhagia) ขาดประจำเดือน (amenorrhea) ประจำเดือนมาถี่ (polymenorrhea) และประจำเดือนมาปกติ. การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนมักไม่มีผลทางด้านอื่นของร่างกาย ต่อมาเมื่อระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนเริ่มลดลง และมีระดับขึ้นๆ ลงๆ อย่างเฉียบพลัน อาการอื่นๆ ทางร่างกายจะปรากฏเพิ่มขึ้นมา.การเปลี่ยนแปลงของระดับเอสโตรเจนของสตรีในสังคมต่างๆ ทั่วโลกไม่มีความแตกต่างกัน1 แต่อาการที่เกิดกับสตรีเหล่านั้นกลับมีความแตกต่างกันอย่างมาก ผิดกับการขาดฮอร์โมนชนิดอื่น เช่น อินซูลิน ไทรอยด์ และสตีรอยด์ จะมีอาการเหมือนกันถึงแม้จะคนละชนชาติกัน. ยกตัวอย่างอาการของสตรีวัยทองในสังคมตะวันตก ได้แก่ อเมริกาเหนือ ออสเตรเลียและยุโรป มีอาการทาง vasomotor มากโดยเฉพาะอาการร้อนวูบวาบ อาจมากถึง 80%. ส่วนในสังคมเอเชียพบอาการร้อนวูบวาบน้อยกว่ามากเช่น สังคมญี่ปุ่นพบอาการร้อนวูบวาบเพียง 10% ในสตรีที่ทำงานนอกบ้าน แต่กลับพบอาการของไหล่ติด (shoulder stiffness) ปวดเมื่อยและปวดหลังมากกว่า.2ส่วนสตรีไทยนั้น ได้มีการศึกษาในกรุงเทพฯ พบอาการร้อนวูบวาบ 22% ในสตรีที่มีประจำเดือนไม่สม่ำ เสมอ และ 7% ในสตรีที่หมดประจำเดือนแล้ว ส่วนอาการที่พบมากกว่าคือ เวียนศีรษะ (45%) ใจสั่น (34%) หงุดหงิด (41%) ปวดเมื่อย (36%) และนอนไม่หลับ (34%).3ได้มีการศึกษาวิจัยหาสาเหตุที่ทำให้เกิดความแตกต่างของอาการ menopause ในสังคมต่างๆ ทั่ว โลก พอสรุปได้ดังนี้1. ภาษาที่ใช้สอบถามอาการสื่อไม่ตรงกัน เช่น ร้อนวูบวาบ บางภาษาไม่มีคำแปลที่ใกล้เคียงกัน.2. Life style ประเทศที่มีสังคมแบบเครือญาติที่อยู่รวมกันอย่างอบอุ่น สตรีวัยทองมีอาการน้อย อาจ เนื่องจากมีกิจกรรมมากจนไม่มีการสังเกตการเปลี่ยนแปลง ส่วนสังคมประเทศตะวันตกที่สตรีวัยทองอยู่ กับสามีตามลำพังหรืออยู่คนเดียว จะมีอาการทางวัยทองมา.3. อาหารการกิน ประเทศที่มีการบริโภคอาหาร ที่มี phytoestrogen มาก สตรีวัยทองจะมีอาการน้อย. ยกตัวอย่างเช่น ประเทศญี่ปุ่นมีการบริโภคอาหาร ที่ทำจากถั่ว (soybean) มาก ซึ่งมี phytoestrogen มาก ทำให้พบอุบัติการณ์ของ hot flush น้อย.44. เจตคติ (attitude) การรับรู้และค่านิยมของสังคมต่อการหมดประจำเดือนมีผลอย่างมาก สังคมที่ให้ค่านิยมไปในทางลบมีความรู้สึกว่าทุกข์ทรมาน เป็นโรค แก่ตัวลง รู้สึกคุณค่าลดลง ไม่มีความมั่นคง นอนไม่หลับ ซึมเศร้า หรือความรู้สึกทางเพศลดลง ส่วนสังคมที่ให้ค่านิยมไปในทางบวก รู้สึกว่ามีความอิสระ เป็นที่รักใคร่และนับถือจากสังคม มีความสุขกับวัยที่มากขึ้น ไม่ต้องกังวลกับการตั้งครรภ์.ส่วนปัจจัยอื่นที่มีผลต่อสังคมและความแตกต่างในแต่ละบุคคล (individuals) ได้แก่ การศึกษา การงาน การดูแลทางสังคม รายได้ สถานะสมรส และการเข้าถึงระบบดูแลสุขภาพ.ดังนั้น การดูแลสตรีวัยทองจึงไม่เป็นสูตรสำเร็จที่ใช้ได้ทุกแห่ง ควรมีการจัดทำเป็นแนวทางของตนเองให้เหมาะสมในแต่ละสังคม.สุรศักดิ์ อังสุวัฒนา พ.บ., ว.ว. (สูติศาสตร์-นรีเวชวิทยา)ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ภาควิชาสูติศาสตร์-นรีเวชวิทยาคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล
- Login to post comments
- อ่าน 2,823 ครั้ง
- พิมพ์หน้านี้