ดื่มน้ำน้อยมีผลร้ายต่อร่างกาย
ร่างกายของคนเราประกอบด้วยน้ำ 70 กว่าเปอร์เซ็นต์ เลือดประกอบด้วยน้ำ 90 กว่าเปอร์เซ็นต์ กระดูกประกอบด้วยน้ำ 22 เปอร์เซ็นต์ ร่างกายเสียน้ำวันละ 2 ลิตรเศษ แล้วเรารับน้ำเข้าสู่ร่างกายเท่าใด เพียงพอแก่ความต้องการของร่างกายหรือไม่ ถ้าร่างกายขาดน้ำเลือดเราจะข้นหนืด ยากที่หัวใจจะสูบฉีดเลือดไปหล่อเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย สมองก็จะเกิดอาการเสื่อมเพราะเลือดไปเลี้ยงสมองไม่เพียงพอ เส้นเลือดก็จะตีบตัน หากร่างกายได้รับน้ำเพียงวันละ 2-3 แก้ว ไม่เกิน 500 ซีซี เลือดจะข้นหนืดเต็มไปด้วยไขมัน
นอกจากนี้หากร่างกายขาดน้ำ ลำไส้ก็จะแห้ง ไม่มีน้ำที่จะให้อุจจาระออกมาได้ ของเสียก็จะสะสมอยู่ในลำไส้ ลำไส้ก็จะดูดซึมของเสียนั้นกลับเข้าร่างกายอีก เลือดเราก็จะสกปรกและข้นหนืดมากขึ้นไปอีก และหากเลือดที่เสียเมื่อเข้าไปเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ของร่างกายก็จะมีปัญหามากมายตามมา ช่องทางในการขับของเสียของร่างกายมีอยู่ 5 ช่องทางด้วยกัน คือ ไต ขับออกมาทางปัสสาวะ ลำไส้ใหญ่ ขับออกมาทางอุจจาระ ปอด ขับออกมาทางลมหายใจ ผิวหนัง ขับออกมาทางเหงื่อ รอบเดือน ขับออกมาทางประจำเดือน เมื่อช่องทางการขับของเสียไม่สมบูรณ์หรือถูกปิดกั้น มันก็จะพยายามหาทางออกให้ได้ เช่น ออกมาเป็นสิว ฝ้า กระ ฝี ริดสีดวง
วิธีดื่มน้ำที่ถูกต้อง
- ตอนเช้าหลังตื่นนอนให้ดื่มน้ำทันที 2-5 แก้ว เพื่อขับพิษออกจากร่างกายทางอุจจาระ ปัสสาวะ
- ระหว่างรับประทานอาหาร และหลังอาหาร 40 นาที ดื่มน้ำได้ไม่เกินครึ่งแก้ว ในที่นี้หมายรวมถึงซุป น้ำแกง และของเหลวทุกประเภทเพราะช่วงเวลาที่รับประทานข้าวนั้น ร่างกายจำเป็นต้องอาศัยน้ำย่อยในการ ย่อยอาหาร เมื่อดื่มน้ำเข้าไปมาก ๆ น้ำย่อยก็จะเจือจาง ทำให้อาหารไม่ย่อย หมักหมม พิษถูกดูดเข้าเส้นเลือด
- ในแต่ละวันไม่ดื่มน้ำครั้งละมากๆ ให้จิบครั้งละ 2-3 อึก แต่จิบถี่ๆ หาขวดน้ำแก้วน้ำมาวางไว้ข้างตัว จิบไปทั้งวัน เพราะถ้าดื่มน้ำครั้งละมาก ๆ ผลก็คือร่างกายยังไม่ทันได้ดูดซึมก็ไหลรวดเดียวเป็นปัสสาวะออกไป
- ไม่ควรดื่มน้ำเย็นจัดเนื่องจากเป็นของต้องห้ามสำหรับกระเพาะเมื่อเจอของเย็นเข้าไปการทำงานจะด้อยลงทันที เกิดเป็นอาหารไม่ย่อย อาหารบูดเน่า หมักหมมอยู่ในกระเพาะและลำไส้ ดังนั้นจึงควรดื่มน้ำธรรมดาหรือน้ำอุ่นจะเป็นการดีต่อสุขภาพ
- อ่าน 266 ครั้ง
- พิมพ์หน้านี้