• ขนาดตัวอักษร  Normal size text | Increase text size by 10% | Increase text size by 20% | Increase text size by 30%

กระเจี๊ยบเขียว : กลูตาไทโอนริมรั้ว

กระเจี๊ยบเขียว : กลูตาไทโอนริมรั้ว
ชื่ออื่นๆ : กระเจี๊ยบมอญ กระเจี๊ยบขาว มะเขือมอญ มะเขือพม่า มะเขือทวาย มะเขือละโว้ ถั่วส่าย ฯลฯ กระเจี๊ยบเขียวอุดมไปด้วยสารอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการ เช่น คาร์โบไฮเดรต เส้นใย โปรตีน โฟเลต แคลเซียม ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม แมกนีเซียม เหล็ก วิตามินต่างๆ ที่สำคัญกระเจี๊ยบเขียวมี "กลูตาไทโอน" ซึ่งมีบทบาทสำคัญควบคุมสารอนุมูลอิสระในร่างกาย การสร้างสารซ่อมแซมเซลล์ และทำปฏิกิริยาขจัดสารพิษที่เกิดในร่างกาย ช่วยต้านมะเร็งได้เป็นอย่างดี ปัจจุบันนิยมใช้สารนี้เพื่อให้ผิวขาวขึ้น เพราะกลูตาไทโอน สามารถกดการทำงานของเอนไซม์ที่ผลิตเม็ดสีได้ชั่วคราว

นอกจากนี้ กระเจี๊ยบเขียวยังเต็มไปด้วยเส้นใยอาหารช่วยในเรื่องระบบขับถ่าย ระบบดูดซึมสารอาหาร ลดความเสี่ยงโรคแผลในกระเพาะอาหาร ช่วยรักษาโรคกระเพาะและลำไส้อักเสบ มะเร็งกระเพาะอาหาร มะเร็งลำไส้ใหญ่ ช่วยลดน้ำตาลและไขมันในเลือด จัดเป็นผักสุขภาพสำหรับผู้ป่วยโรคมะเร็ง โรคเบาหวานที่ดีอีกชนิดหนึ่ง

ตำรับยา
1.ยาแก้พยาธิตัวจี๊ด ตำรับที่ 1 นำผลกระเจี๊ยบเขียวที่ยังอ่อนมาปรุงเป็นอาหาร เช่น ต้มหรือย่างไฟให้สุก จิ้มกับน้ำพริก หรือทำแกงส้ม แกงเลียง กินวันละ 3 เวลาทุกวัน โดยจะกินเท่าไหร่ก็ได้ แต่อย่างน้อยวันละ 4-5 ผล ติดต่อกัน 15 วัน หรือบางคนต้องกินเป็นเดือนจึงจะหาย หรือตำรับที่ 2 ใช้รากกระเจี๊ยบแดง กระเจี๊ยบเขียว ต้มกิน
2.ยารักษาโรคกระเพาะ ใช้ฝักอ่อนกระเจี๊ยบเขียวหั่นตากแดด บดให้ละเอียด กินครั้งละ 1 ช้อนโต๊ะ โดยนำมาละลายในน้ำ นม น้ำผลไม้ หรืออาหารอ่อนๆ กินวันละ 3-4 ครั้ง หลังอาหาร (เวลาละลายจะได้น้ำยาเหนียวๆ)
3.ยาบำรุงข้อกระดูก นำผลกระเจี๊ยบเขียว 3 ผล กินสดหรือต้มกับหอมแดงขนาดใหญ่ 1 หัว เพื่อบำรุงร่างกายและเพิ่มความยืดหยุ่นในกระดูก โดยเชื่อว่าเมือกในกระเจี๊ยบจะช่วยได้
4.ยาแก้ปวดท้อง ใช้รากกระเจี๊ยบเขียวฝนกับน้ำธรรมดากิน
5.รักษาแผลสด ใช้ยางจากฝักผลสดทาแผลสด เมื่อถูกของมีคมบาด แผลจะหายไวและไม่เป็นแผลเป็น

(เครดิตภาพ : แมงป่อง)

** สมุนไพรใกล้ตัว มุ่งเสนอสรรพคุณทางยา การนำไปใช้ควรพิจารณาอย่างรอบด้าน **