การอักเสบของกล่องเสียงเกิดจากสาเหตุได้หลายประการ ส่วนใหญ่มักเกิดจากการติดเชื้อไวรัส ซึ่งเกิดร่วมกับไข้หวัด คออักเสบ หลอดลมอักเสบ ส่วนน้อยเกิดจากติดเชื้อแบคทีเรีย
บางรายอาจเกิดจากการระคายเคือง เช่น การสูบบุหรี่ ดื่มสุรา การใช้เสียงมาก (เช่น ร้องเพลง สอนหนังสือ พูดนานๆ)
นอกจากนี้ยังอาจเกิดจากการระคายเคืองจากน้ำย่อยในผู้ที่เป็นโรคกรดไหลย้อน ซึ่งมีน้ำย่อยไหลย้อนไปที่กล่องเสียงขณะนอนหลับ ผู้ป่วยจะสังเกตว่ามีอาการเสียงแหบ เจ็บคอ หลังตื่นนอนตอนเช้า พอสายๆ ก็ทุเลาไปเอง ซึ่งจะเป็นอยู่ทุกวันติดต่อกันนานเป็นแรมเดือนแรมปี จนกว่าจะได้รับการรักษา
มักมีอาการเสียงแหบเป็นสำคัญ บางรายอาจเป็นมากจนถึงขั้นไม่มีเสียง
อาจมีอาการหลังเป็นไข้หวัด เจ็บคอ หรือไอ
ถ้าเกิดจากการระคายเคือง ก็มักมีอาการเสียงแหบหลังสูบบุหรี่ หรือดื่มสุราจัด
ถ้าเกิดจากการใช้เสียง ก็มักมีอาการเสียงแหบหลังจากร้องเพลงมากหรือพูดมาก
ถ้าเกิดจากการติดเชื้อมักมีอาการเสียงแหบนาน 1-3 สัปดาห์
แต่ถ้าเกิดจากการระคายเคือง หรือการใช้เสียงก็มักจะเป็นอยู่นานตราบเท่าที่ยังถูกสิ่งระคายเคือง หรือเป็นๆ หายๆ บ่อย
การดำเนินโรค
ผู้ที่เป็นกล่องเสียงอักเสบจากการติดเชื้อ มักจะมีอาการเสียงแหบอยู่นาน 1 สัปดาห์ หรือทุเลาหลังได้รับการรักษาที่ถูกต้องเพียงไม่กี่วัน
ส่วนผู้ที่เป็นกล่องเสียงอักเสบจากการใช้เสียง สูบบุหรี่ หรือดื่มสุราจัด เมื่อหลีกเลี่ยงพฤติกรรมเหล่านี้ ก็มักจะทุเลาได้ภายใน 1-3 สัปดาห์
ส่วนผู้ป่วยที่เกิดจากโรคกรดไหลย้อน อาการมักจะเป็นเรื้อรังเป็นแรมเดือนแรมปีจนกว่าจะได้รับยาลดการสร้างกรด และการปฏิบัติตัวที่ถูกต้อง แต่ถ้าขาดยาและปฏิบัติตัวไม่ถูกต้อง ก็มักจะมีอาการกำเริบเป็นๆ หายๆ ไปเรื่อยๆ
ภาวะแทรกซ้อน
กล่องเสียงอักเสบจากการติดเชื้อและการระคายเคือง ส่วนใหญ่มักไม่มีภาวะแทรกซ้อนร้ายแรง ส่วนน้อยที่อาจทำให้หลอดลมอักเสบ หรือปอดอักเสบ
ในรายที่เกิดจากการระคายเคือง เช่น บุหรี่ การใช้เสียงมากเกิน ก็อาจทำให้เกิดติ่งเนื้อหรือปุ่มเนื้อของสายเสียง ซึ่งอาจต้องรักษาด้วยการผ่าตัด
การแยกโรค
ในรายที่มีอาการเสียงแหบเฉียบพลัน และมีอาการอยู่นานไม่เกิน 3 สัปดาห์ ควรแยกสาเหตุที่เกิดจากการติดเชื้อ (เป็นไข้หวัด คออักเสบ หลอดลมอักเสบ) ออกจากการระคายเคืองจากการสูบบุหรี่ ดื่มสุราจัด และการใช้เสียง
แพทย์จะให้การรักษาตามสาเหตุที่พบ เช่น
- ถ้าเกิดจากไวรัส (เช่น ไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่) ก็จะให้ยาบรรเทาตามอาการ
- ถ้าเกิดจากแบคทีเรีย (เสมหะข้นเหลืองหรือเขียว ทอนซิลบวมแดง) ก็จะให้ยาปฏิชีวนะ เช่น อะม็อกซีซิลลิน
ในรายที่เกิดจากการระคายเคือง ก็จะแนะนำให้ผู้ป่วย หลีกเลี่ยงสิ่งระคายเคือง (เช่น บุหรี่ สุรา การใช้เสียง)
ในรายที่เกิดจากโรคกรดไหลย้อน ก็จะให้ยาลดการสร้างกรด
การวินิจฉัย
แพทย์จะวินิจฉัยโรคกล่องเสียงอักเสบจากอาการแสดง (เสียงแหบร่วมกับเป็นไข้หวัด คออักเสบ หลอดลมอักเสบ) และประวัติของผู้ป่วย (เช่น การใช้เสียงมาก สูบบุหรี่ ดื่มสุรา)
ในรายที่เป็นเรื้อรัง หรือสงสัยมีสาเหตุที่ไม่ธรรมดา ก็อาจต้องทำการวินิจฉัยด้วยการตรวจพิเศษเพิ่มเติม เช่น การใช้กล้องส่องตรวจกล่องเสียง เอกซเรย์ เป็นต้น
-
ถ้าเริ่มมีอาการเสียงแหบ เป็นมานานเพียง 2-3 วัน ก็ควรปฏิบัติตัวดังนี้
- งดบุหรี่ สุรา และพักการใช้เสียง จนกว่าอาการ จะทุเลา
- ดื่มน้ำอุ่นมากๆ
- ให้ยาบรรเทาตามอาการ เช่น ยาลดไข้ แก้ไอ
-
ควรปรึกษาแพทย์ ถ้ามีลักษณะข้อใดข้อหนึ่ง ดังต่อไปนี้
- มีเสมหะข้นเหลืองหรือเขียว หรือมีเลือดปน
- มีไข้นานเกิน 1 สัปดาห์ หรือเสียงแหบนาน เกิน 3 สัปดาห์
- มีอาการกลืนลำบาก สำลัก หายใจลำบาก มีก้อนแข็งที่ข้างคอ หรือน้ำหนักลดร่วมด้วย
- มีความวิตกกังวล หรือไม่มั่นใจในการดูแลตนเอง
การป้องกัน
หมั่นรักษาสุขภาพให้แข็งแรง ระวังอย่าให้เป็นหวัด
หลีกเลี่ยงสิ่งระคายเคืองต่อสายเสียง เช่น การสูบบุหรี่ ดื่มเหล้าจัด การใช้เสียงมากเกิน โดยเฉพาะ อย่างยิ่งเมื่อเริ่มมีอาการเสียงแหบ
กล่องเสียง (larynx) เป็นส่วนที่อยู่ถัดลงไปจากคอหอย ตั้งอยู่ตรงส่วนบนของหลอดลม ทำหน้าที่ในการเปล่งเสียงพูด ถ้ามีการอักเสบของกล่องเสียง ก็จะทำให้มีอาการเสียงแหบเป็นสำคัญ ส่วนใหญ่มักจะมีอาการเสียงแหบอยู่นาน 1-3 สัปดาห์ ก็มักจะทุเลาไปได้ แต่ถ้าหากพบว่ามีอาการเสียงแหบเรื้อรังนานเกิน 3 สัปดาห์ ก็ควรจะรีบไปปรึกษาแพทย์ เพราะอาจมีสาเหตุอื่นๆ มากกว่าการอักเสบเพียงเล็กน้อย
ชื่อภาษาไทย
กล่องเสียงอักเสบ
ชื่อภาษาอังกฤษ
Laryngitis
ความชุก
โรคนี้พบได้บ่อยในคนทุกวัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้ที่เป็นไข้หวัด เจ็บคอ ไอ สูบบุหรี่ ดื่มสุราจัด หรือใช้เสียงมากเกิน
- อ่าน 10,080 ครั้ง
- พิมพ์หน้านี้