หูชั้นกลางอักเสบเฉียบพลัน
มีอาการไข้สูง ปวดหู หูอื้อ ซึ่งมักเกิดขึ้นฉับพลันหลังจากเป็นไข้หวัด เจ็บคอ หรือโรคติดเชื้อของทางเดินหายใจอื่นๆ
ทารกและเด็กเล็กที่เป็นโรคนี้จะมีอาการตื่นขึ้นร้องกวนกลางดึก (เพราะอาการปวดหู) และร้องงอแงเกือบตลอดเวลา บางรายอาจเอามือดึงใบหูตัวเอง
หากปล่อยไว้ไม่รักษา อีกหลายวันต่อมาจะพบว่ามีหนองไหลออกจากหู (หูน้ำหนวกไหล) แสดงว่าเยื่อแก้วหูทะลุ หนองที่ขังอยู่ในหูช่องกลางไหลออกทางรูทะลุ ระยะนี้ผู้ป่วยจะหายปวดหู และไข้ลดลง
การดำเนินโรค
ถ้าเกิดจากไวรัสซึ่งเป็นชนิดเดียวกับเชื้อที่ก่อให้เกิดไข้หวัด ก็มักจะหายได้เองภายใน 2-3 วัน แต่ถ้าเกิดจากเชื้อแบคทีเรียและไม่ได้รับการรักษา ก็อาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนดังกล่าว
ภาวะแทรกซ้อน
ถ้าเกิดจากเชื้อแบคทีเรียและไม่ได้รับการรักษาอย่างจริงจัง ก็อาจทำให้กลายเป็นหูชั้นกลางอักเสบเรื้อรัง (Chronic otitis media) มีอาการหูน้ำหนวกไหลเป็นๆ หายๆ เรื้อรัง หูหนวก หูตึง และเสี่ยงต่อการติดเชื้อในสมอง (เช่น เยื่อหุ้มสมองอักเสบ ฝีในสมอง)
นอกจากนี้ ยังอาจทำให้โพรงกระดูกมาสตอยด์อักเสบ (mastoiditis ซึ่งจะมีไข้สูงร่วมกับปวดบริเวณกระดูกมาสตอยด์ตรงหลังหู) หูชั้นในอักเสบ (เนื่องจากเชื้อโรคลุกลามเข้าไปในหูชั้นใน ทำให้มีอาการหูอื้อ มีเสียงดังในหู และเห็นบ้านหมุน)
การแยกโรค
อาการปวดหู หูอื้อ และมีไข้ อาจเกิดจากหูชั้นนอกอักเสบ (otitis externa) ซึ่งเกิดจากการติดเชื้อ (เช่น เป็นฝี) ที่บริเวณหูชั้นนอก มีลักษณะอาการที่สำคัญคือ เวลาดึงใบหูแรงๆ จะทำให้รู้สึกเจ็บในรูหูมากขึ้น (ผู้ป่วยที่เป็นหูชั้นกลางอักเสบจะตรวจไม่พบอาการเช่นนี้)
- อ่าน 12,129 ครั้ง
พิมพ์หน้านี้