มะเร็งกล่องเสียง
ส่วนใหญ่มักจะมีอาการเสียงแหบติดต่อกันนานเกิน 3 สัปดาห์ โดยไม่มีอาการเจ็บคอหรือเป็นไข้
บางครั้งอาจมีอาการกลืนลำบากหรือสำลักร่วมด้วย
ระยะต่อมาอาจพบมีเลือดออกปนกับเสมหะ หายใจลำบาก มีก้อนแข็ง (ต่อมน้ำเหลืองโต มีเส้นผ่าศูนย์กลางเกิน 1 ซม.) ที่ข้างคอข้างหนึ่ง
การดำเนินโรค
หากไม่ได้รับการรักษา มะเร็งก็มักจะลุกลามแพร่กระจาย จนทำให้เสียชีวิตได้
แต่หากได้รับการรักษาตั้งแต่ระยะแรก ก็สามารถช่วยให้หายขาด และพูดได้เป็นปกติ
ในรายที่เป็นระยะลุกลาม และได้รับการผ่าตัดกล่องเสียง ก็มักจะมีชีวิตยืนยาว และสามารถฝึกพูดจนสามารถสื่อสารกับคนอื่นได้
ภาวะแทรกซ้อน
หากปล่อยทิ้งไว้ มะเร็งจะลุกลามไปยังบริเวณรอบข้าง ทำให้กลืนลำบาก หายใจลำบาก ระยะท้ายมะเร็งจะลุกลามเข้ากระแสเลือดไปยังอวัยวะอื่น ที่พบบ่อยคือปอด ตับ และกระดูก
การแยกโรค
อาการเสียงแหบ อาจเกิดจากความผิดปกติของกล่องเสียงด้วยสาเหตุอื่น เช่น
- กล่องเสียงอักเสบ (laryngitis) จากการติดเชื้อ มักมีอาการไข้หวัด เจ็บคอ ไอร่วมกับอาการเสียงแหบ ซึ่งมักจะหายได้ภายใน 1-2 สัปดาห์
- กล่องเสียงอักเสบจากการระคายเคือง เช่น การใช้เสียงมาก (เช่น ร้องเพลง สอนหนังสือ บรรยาย เทศนา) การสูบบุหรี่หรือดื่มสุรา มักจะมีอาการเป็นๆ หายๆ เวลาหยุดใช้เสียงหรือหยุดเสพบุหรี่หรือสุรา อาการเสียงแหบจะดีขึ้นได้เอง
- โรคกรดไหลย้อน มักมีอาการเสียงแหบช่วงหลังตื่นนอน ตอนสายๆ ก็จะทุเลา ซึ่งจะเป็นทุกวันติดต่อกันเป็นแรมเดือน จนกว่าจะได้รับการรักษา ผู้ป่วยอาจมีอาการแสบท้อง เรอเปรี้ยวขึ้นลำคอร่วมด้วย แม้จะเป็นเรื้อรังแต่ก็มักจะไม่มีอาการเลือดออกปนเสมหะ หรือมีก้อนแข็งข้างคอตามมา
- ติ่งเนื้อหรือปุ่มเนื้อที่สายเสียง ซึ่งเป็นเนื้องอกชนิดไม่ร้ายแรง อาจหายได้เองหรือรักษาด้วยการตัดออก ผู้ป่วยมักมีอาการเสียงแหบเรื้อรัง เกิน 3 สัปดาห์ขึ้นไป คล้ายกับมะเร็งกล่องเสียง
- ภาวะขาดไทรอยด์ (hypothyroidism) ผู้ป่วยมักมีอาการเสียงแหบ ร่วมกับอาการหน้าและหนังตาบวมฉุ ผมบางและหยาบ ผิวหนังหยาบแห้งและเย็น ทำอะไรเชื่องช้า คิดช้า เฉื่อยเนือย รู้สึกขี้หนาว ท้องผูก
- อ่าน 6,266 ครั้ง
- พิมพ์หน้านี้