เยื่อหุ้มสมองอักเสบ
มักมีอาการไข้ ปวดศีรษะรุนแรง อาเจียนมาก และคอแข็ง (คอแอ่นไปข้างหลัง และก้มไม่ลง)
ผู้ป่วยมักจะบ่นปวดทั่วศีรษะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลามีการเคลื่อนไหวของศีรษะ (เช่น ก้มศีรษะ) ซึ่งมักจะปวดติดต่อกันหลายวัน กินยาแก้ปวดไม่ทุเลา
ส่วนอาการไข้ อาจมีลักษณะไข้สูงตลอดเวลา หรือไข้เป็นพักๆ ถ้าเกิดจากพยาธิอาจมีไข้ต่ำๆ หรือไม่มีไข้ก็ได้
ต่อมาผู้ป่วยจะมีอาการกระสับกระส่าย สับสน ซึมลงเรื่อยๆ จนกระทั่งหมดสติ นอกจากนี้ ยังอาจมีอาการกลัวแสง เห็นภาพซ้อน กลืนลำบาก แขนขาเป็นอัมพาต หรือชักติดต่อกันนานๆ
ในเด็กอายุต่ำกว่า 2 ขวบ อาการอาจไม่ค่อยชัดเจน อาจมีไข้ กระสับกระส่าย ร้องไห้เสียงแหลม อาเจียน ชัก กระหม่อมหน้าโป่งตึง อาจไม่มีอาการคอแข็ง (ก้มคอไม่ลง)
ในรายที่เป็นเยื่อหุ้มสมองอักเสบจากเชื้อเมนิงโกค็อกคัส อาจมีผื่นแดงจ้ำเขียวขึ้นตามผิวหนังร่วมกับอาการไข้สูง ปวดศีรษะรุนแรง อาเจียน หลังแอ่น คอแอ่นคอแข็ง ชาวบ้านเรียกว่า "ไข้กาฬหลังแอ่น" (แปลว่า ไข้ออกผื่นร่วมกับหลังแอ่นหรือคอแอ่น) โรคนี้อาจพบระบาดได้
ในรายที่เป็นเยื่อหุ้มสมองอักเสบจากเชื้อวัณโรค หรือเชื้อรา มัก มีอาการไข้ต่ำๆ อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร คลื่นไส้อาเจียนนำมาก่อนประมาณ 2-3 สัปดาห์ ต่อมาจึงมีอาการปวดศีรษะรุนแรง อาเจียนรุนแรง คอแข็ง และอาจมีอาการชักร่วมด้วย มักพบในผู้ที่ป่วยเป็นโรคเอดส์
การดำเนินโรค
ถ้าเป็นไม่รุนแรง และได้รับการรักษาตั้งแต่แรกเริ่ม มักจะหายขาดได้ภายใน 2-3 สัปดาห์ หรือเป็นแรมเดือน
แต่ถ้าเป็นรุนแรง หรือได้รับการรักษาช้าไป อาจตายหรือเกิดภาวะแทรกซ้อนทางสมองอย่างถาวรได้
ภาวะแทรกซ้อน
อาจมีผลแทรกซ้อนทางสมองตามมา เช่น แขนขาเป็นอัมพาต หูหนวก ตาเหล่ ปากเบี้ยว โรคลมชัก (ลมบ้าหมู) สมองพิการ ปัญญาอ่อน ภาวะโพรงสมองคั่งน้ำ (hydrocephalus) เป็นต้น
การแยกโรค
- ไข้สมองอักเสบ (encephalitis) ผู้ป่วยจะมีไข้สูง ปวดศีรษะ ซึม หมดสติ บางคนอาจมีอาการชักติดๆ กันนานๆ แต่ไม่มีอาการคอแข็งแบบเยื่อหุ้มสมองอักเสบ
- มาลาเรียขึ้นสมอง ผู้ป่วยจะมีไข้สูง หนาวสั่น ปวดศีรษะ ซึม หมดสติหรือชักแบบไข้สมองอักเสบ มักมีประวัติเดินทางเข้าไปในเขตป่าเขามาก่อนจะไม่สบาย
- บาดทะยัก ผู้ป่วยจะมีบาดแผลตามผิวหนัง (เช่น ตะปูตำ หนามเกี่ยว บาดแผลสกปรก) ต่อมามีไข้ ปากแข็ง (อ้าปากไม่ได้ ทำท่าเหมือนยิ้มแสยะ) ต่อมามีอาการชักกระตุกเป็นพักๆ เวลาสัมผัสถูก ได้ยินเสียงดังๆ หรือเห็นแสงสว่าง ผู้ป่วยมักมีความรู้สึกตัวดี
- โรคพิษสุนัขบ้า ผู้ป่วยมักมีประวัติถูกสุนัข แมว หรือสัตว์ป่ากัดหรือข่วนมาก่อน 1-3 เดือน ต่อมามีอาการไข้ ปวดศีรษะ กลัวลม กลัวน้ำ กระสับกระส่าย ชักเกร็ง ซึม หมดสติ
- โรคลมชัก ผู้ป่วยมักมีอาการอยู่ๆ ชักกระตุก หมดสติ น้ำลายฟูมปาก อาจกัดลิ้นตัวเองเป็นอยู่สักพักหนึ่งก็หยุดชัก แล้วค่อยๆ ฟื้นคืนสติได้เอง มักมีประวัติชักแบบนี้เป็นครั้งคราวเวลาร่างกาย เหนื่อยล้า อดนอน หิวข้าว ถูกแสงสว่าง ได้ยินเสียง ดังๆ เป็นต้น
- ชักจากไข้ พบมากในเด็กอายุ 6 เดือน ถึง 5 ขวบ เด็กจะมีอาการไข้สูงจากโรคติดเชื้อ (เช่น ไข้หวัด คออักเสบ ปอดอักเสบ เป็นบิด) แล้วมีอาการชักเกร็งของแขนขา ตาค้าง น้ำลายฟูมปาก อาจกัดลิ้นตัวเอง ขณะชักจะไม่ค่อยรู้สึกตัว มักเป็นอยู่เพียงไม่กี่นาที (ส่วนน้อยอาจชักนานเกิน 15 นาที) ก็หยุดชัก แล้วค่อยๆ ฟื้นคืนสติได้เอง อาจมีประวัติเคยมีอาการชักจากไข้มาก่อน หรืออาจมีพ่อแม่หรือพี่น้องมีประวัติชักจากไข้คล้ายๆ กัน
- อ่าน 13,166 ครั้ง
พิมพ์หน้านี้