โรคหอบจากอารมณ์
ในรายที่เป็นเฉียบพลัน ผู้ป่วยจะมีอาการระบายลมหายใจเกิน เช่น หายใจลึก หายใจถี่ หรือทั้งลึกและถี่ ซึ่งมักเกิดขึ้นทันทีหลังจากมีเรื่องกระทบกระเทือนจิตใจหรือมีความเครียดทาง อารมณ์ บางรายอาจเกิดหลังจากมีอาการเจ็บปวดรุนแรง
อาจบ่นปวดศีรษะ เวียนศีรษะ อ่อนเพลีย ใจสั่น เจ็บหน้าอก แน่นอึดอัดในหน้าอก ชารอบปาก ชาปลายมือปลายเท้า หรือมีลมในท้อง ท้องอืดเฟ้อ
อาจมีอาการร้องเอะอะโวยวาย ดิ้นไปมา สับสน ประสาทหลอน หรือนอนแน่นิ่งเหมือนเป็นลม บางรายมีอาการหลับตามิดและขมิบหนังตาแน่น
ผู้ป่วยมักมีอาการมือและเท้าจีบเกร็งทั้ง 2 ข้างคล้ายเป็นตะคริว ทั้งนี้เนื่องจากเกิดภาวะแคลเซียมในเลือดต่ำ (hypocalcemia) ซึ่งเป็นผลมาจากปฏิกิริยาลูกโซ่จากการระบายลมหายใจเกิน จึงเกิดอาการชักเกร็ง (tetany หรือ carpopedal spasm) ของมือและเท้า
อาการเหล่านี้ อาจทุเลาได้เอง ถ้าผู้ป่วยสามารถควบคุมตัวเองให้กลับมาหายใจแบบปกติ แต่ถ้ายังมีการหายใจผิดปกติ อาการเหล่านี้ก็จะเป็นต่อเนื่อง อาจนานเป็นชั่วโมงๆ ทำให้ญาติตกใจกลัว จนต้องรีบพาผู้ป่วยส่งโรงพยาบาล
ในรายที่เป็นเรื้อรัง มักไม่มีอาการหายใจผิดปกติและมือเท้าจีบเกร็งให้เห็นเด่นชัด ผู้ป่วยมักบ่นว่ามีอาการอ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย ใจสั่น เจ็บหน้าอก รู้สึกหายใจไม่อิ่มหรือแน่นอึดอัดในหน้าอก นอนไม่หลับ ไม่มีสมาธิ เวียนศีรษะ ศีรษะโหวงๆ หรือรู้สึกโคลงเคลง ชาหรือเสียวๆ บริเวณรอบปากหรือปลายมือปลายเท้า มีลมในท้อง คลื่นไส้ และมักมีอาการถอนหายใจหรือหาวบ่อย
ผู้ป่วยมักมีพฤติกรรมย้ำคิดย้ำทำ มีความรู้สึกกลัวอย่างไม่มีเหตุผล มีปมด้อย ขาดความอบอุ่นทางจิตใจ หรือมีปัญหาในการปรับตัว
ในรายที่เป็นเรื้อรัง ซึ่งมักมีอาการไม่เด่นชัดแบบรายที่เป็นเฉียบพลัน ถ้าให้ผู้ป่วยหายใจลึกและเร็ว (นาทีละ 30-40 ครั้ง) ก็มักชักนำให้เกิดอาการมือและเท้าจีบเกร็ง และถ้าให้หายใจในกรวยกระดาษ อาการต่างๆ ก็มักจะทุเลาได้
การดำเนินโรค
เมื่อได้รับการดูแลถูกต้อง อาการจะทุเลาได้ภายใน 15-30 นาที
เมื่อหายแล้ว ต่อไปยังอาจกำเริบได้อีกถ้ามีความเครียดทางอารมณ์
ในรายที่รู้จักฝึกวิธีป้องกันไม่ให้กำเริบซ้ำ อาจทำให้อาการห่างหายไปได้
การแยกโรค
ในรายที่มีอาการหายใจหอบ อาจเกิดจากสาเหตุร้ายแรงอื่นๆ เช่น
- ปอดอักเสบ ผู้ป่วยมักมีไข้สูง ไอ เจ็บหน้าอกร่วมด้วย
- หืด ผู้ป่วยมักมีอาการหายใจเสียงดังวี้ด มีประวัติเป็นโรคหืดมาก่อน หรือมีญาติพี่น้องเป็นโรคหืด
- ภาวะเลือดเป็นกรด/ช็อก ผู้ป่วยมักมีประวัติเป็นเบาหวาน (แต่ขาดการรักษา) ตกเลือดรุนแรง ท้องเดินหรืออาเจียนรุนแรง เป็นไข้เรื้อรัง ซีด กินไม่ได้มาหลายวัน
- สำลักสิ่งแปลกปลอม ผู้ ป่วยมักมีอาการเกิดขึ้นทันทีทันใด เช่น หลังสำลักอาหารหรือกลืนเมล็ดผลไม้ ในเด็กอาจมีประวัติเกิดอาการหายใจลำบากขณะเล่นเหรียญสตางค์ กระดุม ของเล่นชิ้นเล็กๆ หรือเมล็ดผลไม้
- หัวใจวาย ผู้ป่วยมักมีอาการเท้าบวม หรือเจ็บหน้าอกรุนแรง หรือมีประวัติเป็นโรคหัวใจ เบาหวาน หรือความดันเลือดสูง
จะเห็นว่าอาการหายใจหอบ หายใจลำบาก มักเกิดจากสาเหตุร้ายแรง ซึ่งควรพาผู้ป่วยไปรักษาที่โรงพยาบาลโดยเร็ว
ในรายที่มีอาการมือเท้าจีบเกร็ง อาจเกิดจากภาวะแคลเซียมในเลือดต่ำ เนื่องจากภาวะขาดฮอร์โมนพาราไทรอยด์ ที่พบบ่อยมักเกิดจากการผ่าตัดต่อมไทรอยด์ (จะเห็นรอยผ่าตัดเป็นแนวขวางบริเวณใต้ลูกกระเดือก) แล้วผ่าตัดถูกต่อมพาราไทรอยด์เข้า ภาวะนี้จำเป็นต้องได้รับวิตามินดีกินเป็นประจำ เพื่อเพิ่มระดับแคลเซียมในเลือด
ในรายที่มีอาการเหนื่อยง่าย หรือเจ็บหน้าอก อาจเกิดจากสาเหตุอื่นๆ เช่น
- โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ ผู้ป่วยมักมีอาการปวดจุกบริเวณยอดอกหรือลิ้นปี่ และร้าวขึ้นคอ ขากรรไกร หรือต้นแขน มักพบในผู้ที่เป็นเบาหวาน ความดันเลือดสูง คนอ้วน สูบบุหรี่จัด หรืออายุมาก
- โรคถุงลมปอดโป่งพอง ผู้ป่วยมักมีอาการหอบเหนื่อยเวลาออกแรงทำงานหรือเคลื่อนไหวร่างกาย มักมีประวัติสูบบุหรี่จัดมานับสิบปีขึ้นไป
- อ่าน 16,995 ครั้ง
- พิมพ์หน้านี้