เกาต์
หากมีอาการปวด บวม แดง ร้อนที่ข้อ ไม่ว่าจะมีลักษณะใดๆ ก็ควรรีบไปพบแพทย์ เพื่อวินิจฉัยให้แน่ชัด ไม่ควรซื้อยาแก้ข้ออักเสบกินเอง ซึ่งอาจช่วยระงับอาการอักเสบได้ชั่วคราว แต่ไม่ได้แก้ไขต้นตอของโรค ทำให้เกิดผลแทรกซ้อนตามมาได้ เมื่อตรวจพบว่าเป็นโรคเกาต์ ควรกินยารักษาและติดตามการรักษากับแพทย์อย่างต่อเนื่อง อย่าหยุดการรักษาเอง แม้จะมีอาการเป็นปกติแล้วก็ตาม เนื่องเพราะโรคนี้ยังแฝงอยู่ในร่างกายแบบภัยเงียบ ที่ส่งผลให้เกิดภาวะแทรกซ้อนตามมาในภายหลังได้ ถ้าขาดการให้ยาควบคุมโรค
นอกจากนี้ ควรปฏิบัติตัวดังนี้
- ดื่มน้ำมากๆ อย่างน้อยวันละ 3 ลิตร ทุกวัน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดนิ่วในไต
- ห้ามดื่มเหล้า เบียร์ ไวน์ ซึ่งอาจทำให้โรคเกาต์กำเริบได้
- หลีกเลี่ยงอาหารที่มีกรดยูริกสูง เช่น เครื่องในสัตว์ สัตว์ปีกทุกชนิด กะปิ น้ำสกัดจากเนื้อ ไข่แมงดา พืชผักหน่ออ่อน (เช่น ถั่วงอก ยอดกระถิน ยอดแค สะเดา ชะอม หน่อไม้ แอสพารากัส ยอดผัก เป็นต้น) ผู้ป่วยต้องคอยสังเกตว่าอาหารอะไรที่ทำให้โรคกำเริบ ก็ควรหลีกเลี่ยงเสีย
- หลีกเลี่ยงการใช้ยาที่อาจทำให้โรคกำเริบ เช่น แอสไพริน ยาขับปัสสาวะกลุ่มไทอาไซด์
- ถ้าอ้วน ควรลดน้ำหนักลงทีละน้อย อย่าลดฮวบฮาบ อาจทำให้มีการสลายตัวของเซลล์อย่างรวดเร็ว ทำให้มีกรดยูริกสูง โรคเกาต์กำเริบได้
- ถ้าพบมีตุ่มโทฟัสตามผิวหนัง ห้ามบีบแกะ หรือใช้เข็มเจาะให้แตก เพราะอาจทำให้กลายเป็นแผลเรื้อรังได้
การป้องกัน
ผู้ที่มีประวัติโรคนี้ในครอบครัว เช่น มีพ่อ แม่ พี่ น้อง เป็นโรคนี้ ควรพบแพทย์เพื่อตรวจเช็กระดับยูริกในเลือดเป็นระยะ ถ้าพบว่ามีกรดยูริกในเลือดสูง หรือมีอาการของโรคเกาต์ (ข้ออักเสบ) กำเริบระยะแรก จะได้หาทางดูแลรักษาจนสามารถควบคุมโรคได้ ซึ่งจะช่วยป้องกันการเกิดภาวะแทรกซ้อน และมีชีวิตยืนยาวได้
- อ่าน 12,450 ครั้ง
- พิมพ์หน้านี้