ภาวะพร่องเอนไซม์ย่อยนม
เกิดจากลำไส้ขาดเอนไซม์หรือน้ำย่อยที่มีชื่อว่า "แล็กเทส (lactase)" เอนไซม์ชนิดนี้สร้างโดยเยื่อบุลำไส้เล็กทำหน้าที่ในการย่อยน้ำตาลชนิดหนึ่งที่มีชื่อว่า "แล็กโทส (lactose)" ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญของน้ำนมทั้งนมมารดา นมวัว และนมแพะ น้ำตาลแล็กโทสจะถูกย่อยให้แตกตัวออกเป็นน้ำตาลที่มีขนาดเล็กลง 2 ชนิด ได้แก่ กลูโคส (glucose) กับกาแล็กโทส (galactose) ซึ่งลำไส้สามารถดูดซึมได้ดี แต่ถ้าร่างกายขาดเอนไซม์แล็กเทส น้ำตาลแล็กโทสในนมไม่ถูกย่อยให้เป็นน้ำตาลที่มีขนาดเล็กลง ลำไส้ก็ไม่สามารถดูดซึมแล็กโทส เป็นผลให้มีการดึงดูดน้ำเข้ามาในโพรงลำไส้ และเมื่อแล็กโทสเคลื่อนผ่านลงไปในลำไส้ใหญ่ ก็จะทำปฏิกิริยากับแบคทีเรียที่มีอยู่ในลำไส้ใหญ่ เกิดเป็นแก๊ส (ลม) และสารที่มีฤทธิ์เป็นกรด (ได้แก่ กรดแล็กติก และกรดอื่นๆ) ทำให้เกิดอาการท้องอืดและท้องเดินหลังดื่มนมหรือกินผลิตภัณฑ์จากนม (เช่น ช็อกโกแลต ไอศกรีม น้ำสลัด เนย คุกกี้ เป็นต้น)
สาเหตุที่ร่างกายพร่องเอนไซม์แล็กเทส ส่วนใหญ่จะไม่มีสาเหตุชักนำ แต่เป็นภาวะที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติของร่างกายคนเราที่ลำไส้เล็กจะสร้างเอนไซม์ชนิดนี้มากที่สุดตอนแรกเกิด และจะค่อยๆ สร้างได้น้อยลงไปเรื่อยๆ เมื่อเข้าสู่วัยเด็ก วัยรุ่น และผู้ใหญ่ มักจะเริ่มปรากฏอาการท้องเดินหลังดื่มนมเมื่ออายุประมาณ 3-5 ขวบ บางคนอาจเกิดภาวะพร่องเอนไซม์แล็กเทส หลังจากเป็นโรคอุจจาระร่วงจากการติดเชื้อซึ่งเชื้อโรคจะเข้าไปทำลายเยื่อบุ ลำไส้ ทำให้สูญเสียหน้าที่ในการสร้างน้ำย่อยชนิดนี้ ที่พบบ่อย ได้แก่ ทารกหรือเด็กเล็กที่เป็นโรคอุจจาระร่วงจากเชื้อไวรัสโรตา (rotavirus) หลังจากโรคนี้ทุเลาแล้ว เด็กจะมีอาการท้องเดินทุกครั้งที่ดื่มนม (ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ดื่มนมตามปกติ) ซึ่งมักจะเป็นอยู่หลายสัปดาห์ แล้วในที่สุดเยื่อบุลำไส้จะฟื้นตัวกลับมาสร้างเอนไซม์ได้เหมือนเดิม อาการท้องเดินก็จะหายไปได้ ส่วนน้อยมากที่อาจมีความผิดปกติมาแต่กำเนิด ทำให้เยื่อบุลำไส้เล็กไม่สามารถสร้างเอนไซม์แล็กเทสตั้งแต่แรกเกิด ทำให้มีอาการท้องเดินทุกครั้งที่ดื่มนม และจะเป็นอย่างถาวรไปชั่วชีวิต ภาวะนี้พบว่าสามารถถ่ายทอดทางพันธุกรรม
- อ่าน 7,831 ครั้ง
- พิมพ์หน้านี้