เยื่อบุผิวมดลูกงอกผิดที่
บางคนอาจไม่มีอาการและแพทย์ตรวจพบโดยบังเอิญขณะตรวจเช็กสุขภาพ หรือเจ็บป่วยด้วยโรคอื่น หรือมาปรึกษาปัญหามีบุตรยาก บางคนอาจมีอาการปวดประจำเดือน ซึ่งจะเป็นรุนแรงในช่วงวันท้ายๆ ของประจำเดือน อาการปวดประจำเดือนอาจเกิดขึ้นเมื่ออายุมากกว่า 25 ปี โดยก่อนหน้านี้ไม่มีอาการปวดประจำเดือนมาก่อน บางคนอาจมีเลือดประจำเดือนออกมากกว่าปกติหรือกะปริดกะปรอย บางคนอาจมีอาการเจ็บปวดขณะหรือหลังร่วมเพศ ในรายที่มีเยื่อบุผิวมดลูกงอกที่ลำไส้ใหญ่ จะมีอาการเจ็บปวดขณะถ่ายอุจจาระหรือถ่ายเป็นเลือดขณะมีประจำเดือน ในรายที่มีเยื่อบุผิวมดลูกงอกที่กระเพาะปัสสาวะจะมีอาการเจ็บปวดขณะถ่ายปัสสาวะ ในรายที่เป็นถุงน้ำช็อกโกแลต ถ้าเกิดการแตกของถุงน้ำจะมีอาการปวดท้องรุนแรงได้ ประมาณร้อยละ 60-70 ของผู้ป่วยโรคนี้จะมีประวัติว่ายังไม่เคยมีบุตรมาก่อน
การดำเนินโรค
ถ้าไม่ได้รับการรักษา ก็จะมีอาการปวดท้องเรื้อรัง (โดยไม่มีภาวะแทรกซ้อนอันตรายร้ายแรงตามมา) บางคนอาจทุเลาหลังเข้าสู่วัยหมดประจำเดือน (วัยทอง) การรักษาจะช่วยให้อาการทุเลาหรือหายขาดได้ และช่วยให้มีบุตรได้ แต่บางคนหลังผ่าตัดมดลูกแล้วก็ยังอาจมีอาการกำเริบก็ได้
ภาวะแทรกซ้อน
โรคนี้ไม่มีภาวะแทรกซ้อนอันตรายร้ายแรง
ภาวะแทรกซ้อนที่พบบ่อยก็คือ ภาวะมีบุตรยาก หรือเป็นหมัน ซึ่งพบได้ประมาณร้อยละ 60-70 ของ ผู้ที่เป็นโรคนี้ สาเหตุสันนิษฐานว่ามีได้หลายอย่าง เช่น มีการเปลี่ยนแปลงของโครงสร้างของระบบอวัยวะสืบพันธุ์ การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในร่างกาย เป็นต้น นอกจากนี้ ถ้าก้อนของเยื่อบุผิวมดลูกโตมาก ก็อาจทำให้เกิดภาวะอุดกั้นของลำไส้ หรือทางเดินปัสสาวะได้ ทำให้มีอาการขับถ่ายลำบาก
การแยกโรค
อาการปวดท้องเวลามีประจำเดือน อาจเกิดจากสาเหตุอื่นๆ เช่น
- อาการปวดประจำเดือนธรรมดา อาการปวดมักจะไม่รุนแรงและเป็นนานน้อยกว่า 72 ชั่วโมง มักจะมีอาการตั้งแต่เริ่มมีประจำเดือนครั้งแรก หรือภายใน 3 ปีหลังมีประจำเดือนครั้งแรก หลังอายุ 25 ปี อาการจะค่อยๆ ทุเลาลง บางรายอาจหายปวดหลังแต่งงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังมีบุตรแล้ว
- เนื้องอกมดลูก จะมีอาการปวดประจำเดือนรุนแรงร่วมกับมีเลือดประจำเดือนออกมากหรือออกกะปริดกะปรอย บางคนอาจคลำได้ก้อนที่บริเวณท้องน้อย อาการปวดประจำเดือนมักจะเป็นหลังอายุ 25 ปี
- อุ้งเชิงกรานอักเสบเรื้อรังจะมีอาการปวดท้องน้อย 2 ข้างแบบเรื้อรัง อาจปวดมากขณะมีประจำเดือนหรือขณะร่วมเพศ
ส่วนในรายที่มีอาการปวดท้องน้อยรุนแรง อาจต้องแยกออกจากสาเหตุที่ร้ายแรงอื่นๆ เช่น
- ไส้ติ่งอักเสบ จะมีอาการปวดท้องติดต่อกันหลายชั่วโมง หรือข้ามวัน เดินกระเทือนหรือเอามือกดตรงท้องน้อยข้างขวา จะมีอาการเจ็บปวดมาก
- ปีกมดลูกอักเสบเฉียบพลันจะมีไข้สูง ปวดท้องน้อย กดเจ็บตรงท้องน้อย อาจมีอาการตกขาวหรือปัสสาวะแสบขัด
- ถุงน้ำรังไข่ (ovarian cyst) ผู้หญิงบางคนอาจมีถุงน้ำรังไข่เกิดขึ้นมานาน ถ้าเกิดการแตกหรือขั้วของถุงน้ำเกิดการปิดตัว ก็จะมีอาการปวดท้องรุนแรงได้ ซึ่งจะปวดต่อเนื่องหลายชั่วโมงหรือข้ามวัน
- ครรภ์นอกมดลูก จะมีอาการปวดท้องรุนแรง หน้าตาซีดเซียว หน้ามืดเป็นลม มือเท้าเย็น กระสับกระส่าย มักมีประวัติขาดประจำเดือน 1-3 เดือน
- อ่าน 7,388 ครั้ง
- พิมพ์หน้านี้