เยื่อบุผิวมดลูกงอกผิดที่
เมื่อตรวจพบว่าเป็นเยื่อบุผิวมดลูกงอกผิดที่ แพทย์จะให้การรักษาโดยพิจารณาจากความรุนแรงของโรค ดังนี้
- ถ้ามีอาการเพียงเล็กน้อย จะให้ยาบรรเทาปวด เช่น พาราเซตามอล ไอบูโพรเฟน ทรามาดอล (tra-madol) เป็นต้น กินเป็นครั้งคราวเวลาปวด และนัดมาติดตามดูอาการเป็นระยะๆ
- ถ้ามีอาการรุนแรงปานกลางจะให้ยาฮอร์โมน เช่น ยาเม็ดคุมกำเนิด ยาโพรเจสเตอโรน ดานาซอล (danazol) เป็นต้น นานอย่างน้อย 6 เดือน เพื่อลดการปวด และปรับดุลฮอร์โมนในร่างกายซึ่งอาจช่วยให้มีบุตรได้
- ในรายที่เป็นรุนแรงมาก หรือต้องการมีบุตร หรือใช้ยาบำบัดไม่ได้ผล แพทย์ก็อาจรักษาด้วยการผ่าตัด ในปัจจุบันจะใช้วิธีสอดกล้องเข้าไปในช่องท้อง และทำการผ่าตัดผ่านกล้องที่สอด ในรายที่เป็นมากอาจผ่าตัดเปิดช่องท้องแบบวิธีดั้งเดิม การผ่าตัดมีวิธีการหลากหลายขึ้นกับลักษณะของโรคที่พบ เช่น ตัดเอาถุงน้ำ (cyst) ออกไป เลาะพังผืดที่ติดรั้ง เป็นต้น ในรายที่อายุมากหรือไม่ต้องการมีบุตรแล้ว แพทย์อาจทำการผ่าตัดมดลูก และรังไข่ 2 ข้างออกไป จะช่วยให้อาการปวดหายไปได้ หลังผ่าตัดอาจจำเป็นต้องกินฮอร์โมนทดแทนไปสักระยะหนึ่ง
- ในรายที่ต้องการมีบุตร มีวิธีการรักษาต่างๆ เช่น การใช้ฮอร์โมนบำบัด การผสมเทียม (เช่น การทำเด็กหลอดแก้ว หรือการทำกิฟต์) การผ่าตัดแก้ไขพยาธิสภาพในอุ้งเชิงกราน เป็นต้น วิธีการบำบัดเหล่านี้มักจะช่วยให้ผู้ป่วยมีบุตรได้ ส่วนโอกาสมากน้อยขึ้นกับความรุนแรงของโรค
การวินิจฉัย
เบื้องต้นแพทย์จะสงสัยโรคนี้จากอาการบอกเล่าของผู้ป่วย ที่สำคัญคือ อาการปวดประจำเดือนที่เป็นรุนแรงกว่าปกติ หรือเริ่มเป็นหลังอายุ 25 ปี โดยเฉพาะอย่างยิ่งประวัติการมีบุตรยาก หรือเป็นหมัน แพทย์จะทำการตรวจภายในช่องคลอด อาจพบก้อนของเยื่อบุผิวมดลูกในอุ้งเชิงกราน ถ้าสงสัยว่าเป็นโรคนี้ แพทย์จะทำการตรวจพิเศษเพิ่มเติม เช่น การตรวจอัลตราซาวนด์ การถ่ายภาพด้วย คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (MRI) การใช้กล้องส่องตรวจภายใน ช่องท้อง (laparoscopy) และนำเนื้อเยื่อในช่องท้องไปตรวจพิสูจน์ (biopsy) เป็นต้น
- อ่าน 7,380 ครั้ง
- พิมพ์หน้านี้