ไมเกรน
เมื่อตรวจพบว่าเป็นไมเกรน แพทย์จะแนะนำข้อปฏิบัติตัวต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การหลีกเลี่ยงเหตุกำเริบ และจะให้ยารักษาดังนี้
- ถ้าปวดไม่มาก จะให้ยาแก้ปวดพาราเซตามอล
- ถ้าปวดปานกลาง จะให้ยากลุ่มต้านอักเสบที่ไม่ใช่สตีรอยด์ เช่น ไอบูโพรเฟน (ibuprofen) หรือยากลุ่มอนุพันธ์ฝิ่น เช่น ทรามาดอล (tramadol)
- ถ้าปวดรุนแรง จะให้ยาคาเฟอร์กอต (cafergot) หรือซูมาทริปแทน (sumatriptan)
- ในรายที่เป็นๆ หายๆ บ่อยจนเสียงานเสียการ หรือทุกข์ทรมานมาก นอกจากยาแก้ปวดแล้ว แพทย์จะให้ยากินป้องกัน เช่น อะมิทริปไทลีน (amitripyline), ฟลูนาริซีน (flunarizine), ไซโพรเฮปทาดีน (cyproheptadine), ไพโซทิเฟน (pizotifen) เป็นต้น ตัวใดตัวหนึ่งโดยให้กินก่อนนอนทุกวันติดต่อกันอย่างน้อย 3 เดือน เมื่อดีขึ้นก็ให้หยุดยา แต่ถ้าต่อมากลับกำเริบบ่อย ก็จะให้กลับมากินอีกเป็นช่วงๆ
สำหรับผู้หญิงที่เป็นไมเกรน ถ้ากินยาเม็ดคุมกำเนิด (ฮอร์โมนเอสโตรเจน) แล้วปวดบ่อยขึ้น ให้หันมาฉีดยาคุมกำเนิด (ฮอร์โมนโพรเจสเตอโรน) ทุก 3 เดือนแทน ยาฉีดคุมกำเนิด จะมีส่วนป้องกันอาการปวดไมเกรนไปในตัว
ผู้ป่วยไมเกรนมักจะเป็นๆ หายๆ เป็นครั้งคราวอยู่เรื่อย จึงควรมีแพทย์ประจำที่สามารถให้คำปรึกษาและให้ยารักษาและป้องกันตามความจำเป็น
การวินิจฉัย
แพทย์มักจะวินิจฉัยจากอาการบอกเล่าของผู้ป่วย ได้แก่ อาการปวดตุบๆ ที่ขมับ และคลำได้เส้น (หลอดเลือด) ที่ขมับ เป็นๆ หายๆ เป็นครั้งคราว และมีเหตุกำเริบชัดเจน โดยที่ตรวจร่างกาย อย่างถี่ถ้วนแล้วไม่พบสิ่งผิดปกติอื่นๆ ส่วนในรายที่เป็นปวดรุนแรง หรือปวดครั้งแรกเมื่ออายุมากกว่า 40 ปี หรืออาการไม่ค่อยเข้ากับไมเกรน ก็อาจต้องทำการตรวจพิเศษเพิ่มเติม เช่น เอกซเรย์คอมพิวเตอร์สมอง ตรวจความผิดปกติของตา (สายตา ความดันลูกตา) เป็นต้น
- อ่าน 14,639 ครั้ง
พิมพ์หน้านี้