อีสุกอีใส
ถ้าอาการชัดเจน ร่วมกับมีประวัติการระบาดของโรคนี้ ก็อาจให้การดูแลเบื้องต้น ดังนี้
- ถ้ามีไข้สูง ให้ใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดตัวบ่อยๆ ดื่มน้ำมากๆ ห้ามอาบน้ำเย็น นอนพักให้มากๆ และให้ยาพาราเซตามอลบรรเทาไข้ ไม่ควรให้ยาแอสไพรินลดไข้ เพราะยานี้อาจทำให้เสี่ยงต่อการเกิดโรคเรย์ซินโดรม (Reye's syndrome) ซึ่งจะมีภาวะสมองอักเสบร่วมกับตับอักเสบ จัดว่าเป็นโรคอันตรายร้ายแรงชนิดหนึ่ง
- ถ้ามีอาการคัน ให้ทาด้วยยาแก้ผดผื่นคัน (คาลาไมน์โลชั่น) ถ้าคันมากให้ยาแก้แพ้ คลอร์เฟนิรามีนบรรเทา ผู้ป่วยควรตัดเล็บให้สั้น และพยายามอย่าแกะหรือเกาตุ่มคัน อาจทำให้เกิดการติดเชื้อกลายเป็นตุ่มหนอง และเป็นแผลเป็นได้
- ถ้าปากเปื่อย ลิ้นเปื่อย ให้ใช้น้ำเกลือกลั้ว พยายามกินอาหารที่เป็นของเหลวหรือเป็นน้ำแทนอาหารแข็ง
- สำหรับอาหาร ไม่มีของแสลงต่อโรคนี้ ให้กินอาหารได้ตามปกติ โดยเฉพาะบำรุงด้วยอาหารพวกโปรตีน (เช่น เนื้อ นม ไข่ ถั่วต่างๆ) ให้มากขึ้น เพื่อเสริมสร้างภูมิต้านทานของร่างกาย
- ควรหยุดเรียนหรือหยุดงาน พักผ่อนอยู่บ้าน เพื่อป้องกันมิให้แพร่เชื้อให้คนอื่น ระยะแพร่เชื้อติดต่อให้คนอื่น คือ ตั้งแต่ระยะ 24 ชั่วโมง ก่อนมีตุ่มขึ้นจนกระทั่ง 6 วัน หลังตุ่มขึ้น
- ควรเฝ้าสังเกตอาการเปลี่ยนแปลงต่างๆ โดยทั่วไปอาการจะค่อยทุเลาได้เองภายใน 1-3 สัปดาห์ แต่ถ้าพบว่ามีอาการหายใจหอบ ซึม ชัก เดินเซ ตากระตุก ดีซ่าน (ตาเหลือง) มีเลือดออก ปวดศีรษะมาก อาเจียนมาก เจ็บหน้าอก หรือตุ่มกลายเป็นหนอง ฝี หรือพุพอง ควรไปพบแพทย์โดยเร็ว
การป้องกัน
- ปัจจุบันมีวัคซีนฉีดป้องกันโรคอีสุกอีใส ซึ่งราคาค่อนข้างแพง (ประมาณเข็มละ 800-1,200 บาท) ควรฉีดในเด็กอายุ 12-18 เดือน ฉีดเพียง 1 เข็ม จะป้องกันโรคได้ตลอดไป ถ้าฉีดตอนโต หากอายุต่ำกว่า 13 ปี ก็ฉีดเพียงเข็มเดียว แต่ถ้าอายุตั้งแต่ 13 ปีขึ้นไป ควรฉีด 2 เข็ม ห่างกัน 4-8 สัปดาห์ หลังฉีดวัคซีน ควรหลีกเลี่ยงการใช้ยาแอสไพรินนาน 6 สัปดาห์ ทั้งนี้เพื่อลดโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดโรคเรย์ซินโดรม วัคซีนชนิดนี้ห้ามฉีดในหญิงตั้งครรภ์ คนที่มีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง ใช้ยาแอสไพรินอยู่ประจำ หรือใช้ยาสตีรอยด์ขนาดสูงมานาน อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนร้ายแรงได้ สำหรับหญิงวัยเจริญพันธุ์ (15-45 ปี) หากไม่แน่ใจว่าเคยเป็นโรคนี้หรือยัง ควรปรึกษาแพทย์ ตรวจดูว่ามีภูมิคุ้มกันต่อโรคนี้หรือยัง ถ้ายัง แพทย์อาจแนะนำให้วัคซีนป้องกันเพื่อไม่ให้เกิดอันตรายต่อทารกในครรภ์ขณะตั้งครรภ์ และหลังฉีดวัคซีนชนิดนี้ ควรคุมกำเนิดนาน 3 เดือน จึงจะสามารถตั้งครรภ์ได้อย่างปลอดภัย
- สำหรับผู้ที่สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยโรคนี้ การฉีดวัคซีนอาจไม่ทันกาล ถ้าจำเป็นแพทย์อาจแนะนำให้ฉีดเซรุ่ม ที่มีชื่อว่า varicella-zoster immune globulin (VZIG) เป็นการฉีดภูมิคุ้มกันเข้าไปโดยตรง มักจะฉีดให้กับผู้ที่สัมผัสโรคอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งหญิงตั้งครรภ์ ผู้ที่มีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง ผู้ป่วยมะเร็งเม็ดเลือดขาว และทารกที่มีแม่เป็นอีสุกอีใสช่วง 5 วันก่อนคลอดถึง 2 วันหลังคลอด
- อ่าน 43,191 ครั้ง
- พิมพ์หน้านี้