ไข้เลือดออก
ในระยะ 2-3 วันแรกของการเป็นไข้อาการอาจไม่ชัดเจน คือ ยังกินอาหารได้ ดื่มน้ำได้ ไม่อาเจียน ไม่ปวดท้อง ไม่มีจ้ำเลือดขึ้น ไม่มีเลือดออก ยังลุกเดินไปไหนมาไหนได้ ก็อาจให้การดูแลแบบไข้ทั่วๆ ไป ดังนี้
- นอนพักผ่อนให้มากๆ
- ห้ามอาบน้ำเย็น ควรใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดตัวบ่อยๆ
- ดื่มน้ำให้มากๆ ให้ได้วันละ 3-4 ลิตร (15-20 แก้ว) โดยทยอยจิบทีละน้อยตลอดทั้งวัน อาจเป็นน้ำสุกเปล่าๆ น้ำหวาน น้ำอัดลม (ควรหลีกเลี่ยงน้ำที่มีสีแดง สีดำ หรือสีน้ำตาล เพราะหากผู้ป่วยมีอาการอาเจียนเป็นเลือด อาจทำให้เข้าใจผิดว่าเป็นสีของน้ำที่ดื่มเข้าไปได้) น้ำส้มคั้น น้ำมะนาวคั้น หรือน้ำข้าวต้มก็ได้แล้วแต่จะชอบ หากสังเกตว่าริมฝีปากอิ่ม ลิ้นหายเป็นฝ้า คอหายแห้ง และมีปัสสาวะออกมากและใส ก็ถือว่าร่างกายได้น้ำเพียงพอ ซึ่งการปฏิบัติในข้อนี้จะช่วยป้องกันมิให้ร่างกายขาดน้ำและเกิดภาวะช็อกได้ ควรดื่มน้ำมากๆ ให้ได้ทุกวันจนพ้นระยะวิกฤติ (ประมาณ 7 วัน)
-
ให้กินยาลดไข้ พาราเซตามอล
- ผู้ใหญ่ กินครั้งละ 1-2 เม็ด
- เด็กโต กินครั้งละ ครึ่ง - 1 เม็ด
-
เด็กเล็ก ใช้ชนิดน้ำเชื่อม กินครั้งละ 1-2 ช้อนชา
ถ้ายังมีไข้ให้กินซ้ำได้ทุก 6 ชั่วโมง ถ้าไข้ยังไม่ลดห้ามกินยาถี่กว่านี้ เพราะการกินยาพาราเซตามอล มากเกินขนาดอาจมีพิษต่อตับได้ ส่วนแอสไพริน (เช่น ยาแก้ไข้ชนิดซองยี่ห้อต่างๆ) ห้ามกินเป็นอันขาด เพราะอาจทำให้มีอาการเลือดออกได้ง่ายขึ้น เนื่องจากแอสไพรินทำให้เลือดไม่แข็งตัว การกินยาลดไข้อาจทำให้ไข้ลดเพียงชั่วประเดี๋ยว หรืออาจไม่ได้ผลเลยก็ได้ ควรใช้วิธีเช็ดตัวบ่อยๆ จะช่วยให้รู้สึกสบายตัวมากขึ้น
- ควรเฝ้าสังเกตอาการอย่างใกล้ชิดตลอดเวลา ถ้าผู้ป่วยมีอาการปวดท้อง อาเจียน กินไม่ได้ ดื่มน้ำได้น้อย นอนซึม ปัสสาวะออกน้อยและเป็นสีน้ำชา มีจุดแดงจ้ำเขียวขึ้นตามตัว หรือมีเลือดออก หรือมีความวิตกกังวล ควรไปพบแพทย์โดยเร็ว
การป้องกัน
-
ในปัจจุบันยังไม่มีวัคซีนป้องกันไข้เลือดออก การป้องกันอยู่ที่การทำลายแหล่งเพาะพันธุ์ยุง เช่น
- ปิดฝาโอ่งน้ำ และล้างโอ่งน้ำทุก 10 วัน
- เปลี่ยนน้ำในแจกันทุก 10 วัน สำหรับแจกันพลูด่าง ต้องใช้น้ำชะล้างไข่หรือลูกน้ำที่เกาะติดตามราก
- จานรองตู้กับข้าว ควรใส่น้ำเดือดลงไปทุก 10 วัน หรือใส่เกลือแกงในน้ำที่อยู่ในจานรองตู้ ขนาด 2 ช้อนชาต่อน้ำ 1 แก้ว
- ควรเก็บกระป๋อง กะลา ยางรถยนต์เก่าๆ หรือสิ่งที่จะเป็นที่ขังน้ำ ซึ่งอยู่ในบริเวณบ้าน โรงเรียน และแหล่งชุมชน ทำลายหรือฝังดินให้หมด
- ปรับพื้นบ้านและสนามอย่าให้เป็นหลุมเป็นบ่อที่มีน้ำขังได้
- วิธีที่สะดวก คือ ใส่ทรายอะเบต (abate) ชนิดร้อยละ 1 ลงในตุ่มน้ำและภาชนะกักเก็บน้ำทุกชนิด ในอัตราส่วน 10 กรัมต่อน้ำ 100 ลิตร (ตุ่มมังกรขนาด 8 ปีบ ใช้อะเบต 2 ช้อนชา, ตุ่มซีเมนต์ขนาด 12 ปีบ ใช้อะเบต 2.5 ช้อนชา) ควรเติมใหม่ทุก 2-3 เดือน น้ำที่ใส่ทรายอะเบตสามารถใช้ดื่มกินได้อย่างปลอดภัย
- ให้สุขศึกษาแก่ประชาชนเมื่อเข้าใกล้ฤดูฝน และทำการรณรงค์ให้มีการทำลายแหล่งเพาะพันธุ์ยุงพร้อมๆ กันทั้งในบ้าน โรงเรียน และแหล่งชุมชน จึงจะได้ผลต่อการควบคุมยุงลาย
- เด็กที่นอนกลางวันควรกางมุ้งอย่าให้ยุงลายกัด
- อ่าน 126,028 ครั้ง
พิมพ์หน้านี้