งูสวัด
ก่อนมีผื่นขึ้น 1-3 วัน ผู้ป่วยจะมีอาการปวดแปลบบริเวณเส้นประสาทที่เป็นงูสวัด อาจมีอาการคันและแสบร้อน (คล้ายถูกไฟไหม้) เป็นพักๆ หรือตลอดเวลาบริเวณ
พบบริเวณชายโครง ใบหน้า แขนหรือเพียงข้างเดียว อาจทำให้คิดว่าเป็นอาการปวดกล้ามเนื้อ ถ้าปวดที่ชายโครง ก็อาจทำให้คิดว่าเป็นโรคหัวใจ โรคกระเพาะอาหาร ถุงน้ำดีอักเสบ นิ่วในไต ไส้ติ่งอักเสบได้ ถ้าปวดที่ใบหน้าข้างเดียว อาจทำให้คิดว่าเป็นไมเกรน หรือโรคทางสมองได้ บางรายอาจมีอาการไข้ หนาวสั่น คลื่นไส้ ท้องเดินร่วมด้วย ส่วนมากมีผื่นขึ้นตรงบริเวณที่ปวดแล้วกลายเป็นตุ่มใสเรียงตามแนวผิวหนังที่เลี้ยง โดยเส้นประสาทที่อักเสบ ตุ่มน้ำมักทยอยขึ้นใน 4 วันแรก แล้วค่อยๆ แห้งตกสะเก็ดใน 7-10 วัน เมื่อตกสะเก็ดและหลุดออกไป อาการปวดจะทุเลาไป รวมแล้วจะมีผื่นอยู่นาน 10-15 วัน ผู้ที่มีอายุมากอาจ มีอาการนานเป็นเดือนกว่าจะหายเป็นปกติ
การดำเนินโรค
ส่วนใหญ่มักจะหายได้เองภายใน 10-15 วัน ส่วนน้อยที่อาจมีภาวะแทรกซ้อนดังกล่าวข้างต้น
ภาวะแทรกซ้อน
ที่พบบ่อยคือ อาการปวดประสาทหลังเป็นงูสวัด (post herpetic neuralgia) โดยเฉลี่ยพบได้ประมาณร้อยละ 10-15 ของผู้ป่วยงูสวัด พบได้ประมาณร้อยละ 50 ที่ผู้ป่วยที่มีอายุเกิน 50 ปีขึ้นไป และมากกว่าร้อยละ 70 ในผู้ป่วยอายุ 70 ปีขึ้นไป ยิ่งอายุมากยิ่งเป็นรุนแรงและนาน ผู้ป่วยจะมีอาการปวดเกิดขึ้นต่อเนื่องตั้งแต่แรก หรือเกิดขึ้นภายหลังผื่นหายหมดแล้วก็ได้ มีลักษณะปวดลึกๆ แบบปวดแสบปวดร้อนตลอดเวลา หรือปวดแบบแปลบๆ เสียวๆ (คล้ายถูกมีดแทง) เป็นพักๆ ก็ได้ มักปวดเวลาถูกสัมผัสเพียงเบาๆ ปวดมากตอนกลางคืนหรือเวลาอากาศเปลี่ยนแปลง บางครั้งอาจรุนแรงมากจนทนไม่ได้ อาการปวดมักหายได้เอง (ร้อยละ 50 หายเองภายใน 3 เดือน และร้อยละ 75 จะหายเองภายใน 1 ปี) บางรายอาจปวดนานเป็นแรมปี โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าขึ้นที่บริเวณใบหน้า
ส่วนภาวะแทรกซ้อนอื่นๆ ที่อาจพบได้ เช่น
- มีการติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อน เนื่องจากใช้เล็บแกะเกา หรือให้การดูแลผื่นตุ่มไม่ถูกต้อง ทำให้กลายเป็นตุ่มหนอง แผลหายช้า และกลายเป็นแผลได้
- ในรายที่เป็นงูสวัดขึ้นตา อาจทำให้เกิดกระจกตาอักเสบ แผลกระจกตา ม่านตาอักเสบ ต้อหิน ประสาทตาอักเสบ ถึงขั้นทำให้สายตาพิการได้
- ในรายที่เป็นงูสวัดที่บริเวณหูด้านนอกหรือแก้วหู อาจทำให้เกิดอัมพาตใบหน้าครึ่งซีก (ยักคิ้ว หลับตา เม้มมุมปากไม่ได้ซีกหนึ่ง) หรือมีอาการบ้านหมุน คลื่นไส้ อาเจียน ตากระตุกได้
- ในรายที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ โดยเฉพาะผู้ป่วยเอดส์ (ซึ่งพบเป็นงูสวัดร่วมด้วย ประมาณร้อยละ 10) มะเร็งต่อมน้ำเหลือง มะเร็งเม็ดเลือดขาว อาจเกิดผื่นงูสวัดแบบแพร่กระจาย คือมีตุ่มขึ้นออกนอกแนวเส้นประสาทมากกว่า 20 ตุ่ม หรือขึ้นตามแนวเส้นประสาทมากกว่า 1 แนว อาการมักจะรุนแรงและเป็นอยู่นาน อาจกระจายเข้าสู่สมองและอวัยวะภายใน (เช่น ปอด ตับ) เป็นอันตรายถึงเสียชีวิตได้
- ผู้หญิงที่เป็นงูสวัดขณะตั้งครรภ์ อาจแพร่เชื้อไปยังทารกในครรภ์ ทำให้ทารกเกิดความผิดปกติ เช่น มีแผลเป็นตามตัว แขนขาลีบ ต้อกระจก ตาเล็ก ศีรษะเล็ก ปัญญาอ่อน เป็นต้น
การแยกโรค
อาการมีตุ่มน้ำใสขึ้นตามผิวหนัง อาจเกิดจากสาเหตุอื่นๆ ที่พบบ่อย ได้แก่ อีสุกอีใส กับเริม
อีสุกอีใส ผู้ป่วยจะมีไข้ขึ้นร่วมกับมีผื่นแดงและตุ่มน้ำใสขึ้นกระจายๆ ตามลำตัวและใบหน้า ผื่นตุ่มจะขึ้นในวันแรกที่มีไข้ และมักมีอาการคันร่วมด้วย
เริม ผู้ป่วยจะมีตุ่มน้ำใสขึ้นหลายเม็ดอยู่กันเป็นหย่อม หรือกลุ่มเล็กๆ มักขึ้นเพียงที่เดียว เช่นที่ริมฝีปาก แก้ม จมูก หู ตา ก้น อวัยวะเพศ เป็นต้น มักมีประวัติขึ้นซ้ำซากที่เดิมเวลามีประจำเดือน ถูกแดด เครียด ได้รับการกระทบกระเทือนเฉพาะที่ (เช่น ถอนฟัน ผ่าตัดที่บริเวณใบหน้า) เวลาเป็นไข้หวัด หรือเป็นไข้ (เช่น ทอนซิลอักเสบ ปอดอักเสบ เป็นต้น)
- อ่าน 40,610 ครั้ง
- พิมพ์หน้านี้