หืด
แพทย์จะให้การรักษาตามความรุนแรงของโรค ดังนี้
- ถ้ามีอาการเล็กน้อย (มีอาการหอบตอนกลางวัน สัปดาห์ละ 2 ครั้งหรือน้อยกว่า ไม่มีอาการหอบตอนกลางคืน และสามารถทำกิจกรรมต่างๆ ในชีวิตประจำวันได้เป็นปกติ) แพทย์จะให้ยาบรรเทาอาการ ได้แก่ ยากระตุ้นบีตา 2 ชนิดออกฤทธิ์สั้นชนิดสูด เฉพาะเวลามีอาการหอบเหนื่อย
-
ถ้ามีอาการรุนแรงปานกลาง (มีอาการหอบตอนกลางวันมากกว่าสัปดาห์ละ 2 ครั้ง หรือมีอาการหอบตอนกลางคืน หรือทำกิจกรรมในชีวิตประจำวันได้น้อยลง) แพทย์จะให้ยาควบคุมโรค ได้แก่ ยาสตีรอยด์ชนิดสูด ซึ่งมีฤทธิ์ต้านการอักเสบ ลดการอักเสบและการบวมของผนังหลอดลม ทุกวันต่อเนื่องกันเป็นเวลานาน และจะให้ยาบรรเทาอาการให้ผู้ป่วยพกประจำเพื่อใช้สูดเมื่อมีอาการหอบเหนื่อย
ในรายที่ยังมีอาการกำเริบบ่อย แพทย์อาจให้ยาควบคุมโรคชนิดอื่นๆ เพิ่มเติม เช่น ยากระตุ้นบีตา 2 ชนิดฤทธิ์นานชนิดกิน ทีโอฟิลลีนออกฤทธิ์นานชนิดกิน ยาต้านลิงโคทรีนชนิดกิน เป็นต้น - ถ้ามีอาการหอบรุนแรง (ซี่โครง บุ๋ม ปากเขียว มีอาการสับสน ซึม หรือพูดไม่เป็นประโยค) หรือมีอาการหอบต่อเนื่องมานานหลายชั่วโมง หรือมีภาวะขาดน้ำร่วมด้วย แพทย์มักจะรับตัวผู้ป่วยไว้รักษาในโรงพยาบาล โดยปรับเปลี่ยนการใช้ยาให้เหมาะสม ให้ออกซิเจนและน้ำเกลือ บางรายอาจต้องใส่ท่อหายใจและเครื่องช่วยหายใจ จนกว่าจะทุเลาดี จึงจะให้ยาไปรักษาต่อที่บ้าน
นอกจากนี้ อาจต้องให้การรักษาโรคที่พบร่วม เช่น หวัดภูมิแพ้ ไซนัสอักเสบ ทอนซิลอักเสบ หลอดลมอักเสบ ปอดอักเสบ โรคกรดไหลย้อน เป็นต้น
ผู้ป่วยทุกราย แพทย์จะนัดมาติดตามดูอาการประมาณทุก 1-3 เดือน (2-4 สัปดาห์ในรายที่เป็นรุนแรง) และทำการตรวจสมรรถภาพของปอดเป็นระยะๆ
การวินิจฉัย
แพทย์มักจะวินิจฉัยจากประวัติการเป็นโรคหืด โรคภูมิแพ้อื่นๆ มาก่อน หรือมีญาติพี่น้องเป็นโรคเหล่านี้ร่วมด้วย และจากการตรวจร่างกาย มักพบมีเสียงหายใจดังวี้ดกระจายทั่วไปที่ปอด 2 ข้าง
ในรายที่ไม่แน่ใจ อาจทำการตรวจเพิ่มเติม เช่น เอกซเรย์ปอด ตรวจคลื่นหัวใจ ตรวจสมรรถภาพของปอด ทดสอบว่าแพ้สารอะไร เป็นต้น
- อ่าน 8,204 ครั้ง
- พิมพ์หน้านี้