คางทูม
เนื่องจากโรคนี้เกิดจากเชื้อไวรัส และส่วนใหญ่จะไม่มีโรคแทรกซ้อนร้ายแรง เพียงแต่ให้การรักษาตามอาการก็หายได้เอง
เมื่อมีไข้และคางบวม ควรให้การดูแลรักษาตนเอง ดังนี้
- พักผ่อน อย่าตรากตรำงานหนัก
- ดื่มน้ำมากๆ
- เช็ดตัวเวลามีไข้ ให้ยาลดไข้-พาราเซตามอล ผู้ใหญ่ 1-2 เม็ด เด็ก 1 เม็ด หรือ 1 - 2 ช้อนชา) ซ้ำได้ทุก 6 ชั่วโมงเฉพาะเวลามีไข้สูงห้าม ใช้แอสไพริน สำหรับคนอายุต่ำกว่า 18 ปี เพราะอาจเสี่ยงต่อการเกิดโรคเรย์ซินโดรม (Reye’s syndrome) ซึ่งมีการอักเสบของสมองและตับอย่างรุนแรง เป็นอันตรายได้
- ใช้น้ำอุ่นจัดๆ ประคบตรงบริเวณที่เป็นคางทูมวันละ 2 ครั้ง แต่ถ้าปวด ให้ใช้ความเย็น (เช่น น้ำเย็น น้ำแข็ง) ประคบบรรเทาปวด
- หลีกเลี่ยงการกินอาหารที่เคี้ยวยาก ในระยะแรกๆ ควรกินอาหารอ่อน เช่น ข้าวต้ม ซุป
- หลีกเลี่ยงการกินอาหารรสเปรี้ยว น้ำส้มคั้น น้ำมะนาวคั้น เพราะอาจทำให้ปวดมากขึ้น
- ควรหยุดเรียนหรือหยุดงาน พักรักษาตัวที่บ้านจนกว่าจะหาย เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อให้คนอื่น
ควรไปพบแพทย์ ถ้ามีอาการข้อใดข้อหนึ่ง ดังต่อไปนี้
- ปวดศีรษะมาก อาเจียนมากหรือชัก
- อัณฑะบวม
- ปวดท้องมาก
- หูตึงหรือได้ยินไม่ชัดเจน
- เจ็บในคอมากหรือต่อมทอนซิลบวมแดง
- ปวดฟันหรือเหงือกบวม
- อ้าปากลำบากกินไม่ได้
- ก้อนที่บวมมีลักษณะบวมแดงมากหรือปวดมาก
- ดูแลตัวเอง 7 วันแล้ว ก้อนยังไม่ยุบบวมหรือไข้ยังไม่ลด หรือมีอาการกำเริบซ้ำหลังจากหายแล้ว
- มีความวิตกกังวลหรือไม่มั่นใจที่จะดูแลตนเอง
การป้องกัน
สามารถป้องกันโรคนี้ได้ด้วยการฉีดวัคซีนรวมป้องกันหัด คางทูม หัดเยอรมัน (MMR) ตั้งแต่อายุ 9-12 เดือน และฉีดซ้ำอีก 1 ครั้ง ตอนอายุ 4-6 ขวบ
- อ่าน 54,152 ครั้ง
พิมพ์หน้านี้