หัดเยอรมัน
เมื่อไปพบแพทย์ แพทย์จะทำการวินิจฉัยโดยการซักถามอาการและตรวจร่างกายเป็นหลัก ในรายที่ต้องการวินิจฉัยให้แน่ชัด อาจต้องทำการตรวจพิเศษเพิ่มเติม (เช่น ตรวจเลือด)
ถ้าพบว่าเป็นโรคหัดเยอรมัน สำหรับเด็กและผู้ใหญ่ที่ไม่ได้ตั้งครรภ์ก็จะให้การรักษาตามอาการและแนะนำการปฏิบัติตัวต่างๆ
ส่วนในหญิงตั้งครรภ์ แพทย์จะยืนยันการวินิจฉัยโดยการตรวจเลือด (ทดสอบทางน้ำเหลือง) ซึ่งอาจต้องตรวจอย่างน้อย 2 ครั้ง
ถ้าพบว่าเป็นหัดเยอรมัน สำหรับหญิงที่ตั้งครรภ์ในระยะ 3 เดือนแรก ทารกในครรภ์มีโอกาสพิการสูง แพทย์จะแนะนำให้ยุติการตั้งครรภ์ ส่วนครรภ์ในระยะเดือนที่ 7-9 ทารกในครรภ์มักจะปลอดภัย ส่วนครรภ์ในระยะเดือน 4-6 ทารกอาจมีโอกาสพิการได้แต่น้อยกว่าระยะ 3 เดือนแรก แพทย์จะตัดสินใจเป็นรายๆ ว่าจำเป็นต้องยุติการตั้งครรภ์หรือไม่
ในรายที่ไม่ต้องการยุติการตั้งครรภ์ แพทย์อาจพิจารณาฉีดอิมมูโนโกลบูลิน ซึ่งเป็นสารภูมิต้านทานแก่ผู้ป่วย วิธีนี้แม้ว่าจะไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อของทารกในครรภ์แต่ก็ช่วยลดความรุนแรงของโรคที่เกิดกับทารกได้
การวินิจฉัย
แพทย์มักจะวินิจฉัยโรคหัดเยอรมัน จากอาการแสดง ได้แก่ ลักษณะผื่นที่ขึ้น และการตรวจพบต่อมน้ำเหลืองโตบริเวณหลังคอ และข้างคอ 2 ข้าง
ในรายที่จำเป็นต้องวินิจฉัยให้แน่ชัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหญิงตั้งครรภ์ สามารถกระทำโดยการทดสอบทางน้ำเหลือง เพื่อตรวจหาระดับสารภูมิต้านทาน (แอนติบอดี) ต่อเชื้อหัดเยอรมัน หรือโดยการเพาะเชื้อจากจมูกและคอหอยของผู้ป่วย
- อ่าน 20,337 ครั้ง
- พิมพ์หน้านี้