โรคพาร์กินสัน
แพทย์จะให้ยาควบคุมอาการ เพื่อให้คนไข้สามารถมีชีวิตเป็นปกติสุข หรือมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ยาที่นิยมใช้ในปัจจุบัน ได้แก่ กลุ่มยาเลโวโดพา (levodopa) ตัวยาจะเปลี่ยนเป็นสารโดพามีนเข้าสู่สมองโดยตรงเป็นการทดแทนสารโดพามีนที่พร่องไป มักผสมกับยากลุ่มอื่นเพื่อลดผลข้างเคียงของยาเลโวโดพา มีชื่อทางการค้า เช่น ไซเนเมต (Sinemet), มาโดพาร์ (Madopar) นอกจากนี้ ยังมียากลุ่ม อื่นๆ ให้เลือกใช้ให้เหมาะกับคนไข้แต่ละคน คนไข้ส่วนใหญ่จะมีอาการทุเลาจนสามารถใช้ชีวิตเป็นปกติสุขได้ แต่ต้องกินยาเป็นประจำ หากขาดยาอาการ ก็จะกำเริบได้อีก ดังนั้นแพทย์มักจะนัดคนไข้มาตรวจดูอาการ และสั่งให้ยากินต่อเนื่องทุก 2-6 เดือน ในรายที่เป็นมาก แพทย์อาจให้การรักษาทางกายภาพบำบัดร่วมด้วย เพื่อช่วยให้ร่างกายสมส่วน ทรงตัว และเคลื่อนไหวถูกต้อง รวมทั้งแก้ไขภาวะแทรกซ้อน เช่น หลังโก่ง ไหล่ติด ปวดคอ ปวดเอว ปวดหลัง ปวดขา เป็นต้น ในรายที่กินยาไม่ได้ผล หรือมีผลแทรกซ้อน จากการใช้ยา (ซึ่งพบได้เป็นส่วนน้อย) แพทย์อาจรักษาด้วยการผ่าตัดซึ่งมีอยู่หลายวิธี
การวินิจฉัย
มักจะวินิจฉัยจากอาการแสดง ได้แก่ อาการสั่น เกร็ง และเคลื่อนไหวเชื่องช้า ในรายที่สงสัยเกิดจากโรคทางสมอง แพทย์อาจทำการตรวจพิเศษ เช่น การตรวจคลื่นไฟฟ้าสมอง (EEG), การถ่ายภาพสมองด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (MRI) เป็นต้น ในรายที่สงสัยเกิดจากยาหรือสารพิษ แพทย์จะซักถามประวัติการใช้ยา การถูกสารพิษ การตรวจหาสารพิษในร่างกาย เป็นต้น
- อ่าน 10,534 ครั้ง
- พิมพ์หน้านี้