ไข้หวัด
ผู้ป่วยจะมีอาการมีไข้, มีน้ำมูก, เจ็บคอ, ไอ.
ก. ในผู้ใหญ่และเด็กโต
- ปฏิบัติเช่นเดียวกับ อาการไข้ตัวร้อน ข้อ 2. ถ้าเป็นไข้หวัดใหญ่ในคนอายุต่ำกว่า 18 ปี ห้ามกิน แอสไพริน, ควรกิน พาราเซตามอล แทน.
- ถ้าคัดจมูกหรือมีน้ำมูกมาก กิน คลอร์เฟนิรามีน, หรือใช้ สมุนไพรแก้หวัด.
- ถ้าไอแห้งๆ หรือไอคันคอ ยาจิบแก้ไอ หรือใช้ สมุนไพรแก้ไอและขับเสมหะ. ถ้าไอมีเสลดเหนียว หยุดจิบ ยาแก้ไอ ให้ดื่มน้ำอุ่นมากๆ, อาจให้กิน ยาขับเสมหะ หรือใช้ สมุนไพรแก้ไอและขับเสมหะ. ถ้าไม่มียาก็ไม่จำเป็นต้องใช้ยา.
- ถ้าน้ำมูกข้นเหลืองหรือเขียวเกิน 24 ชั่วโมง, หรือไอมีเสลดเหลืองหรือเขียว, หรือมีไข้เกิน 4 วัน ควรไปหาหมอเพื่อพิจารณาให้ยาปฏิชีวนะ เช่น เพนวี หรือ อะม็อกซีซีลลิน นาน 5-7 วัน.
- ถ้ามีอาการหายใจหอบ หรือเจ็บหน้าอกรุนแรง (อาจเป็นปอดอักเสบ) หรือปวดหู หูอื้อ (อาจเป็นหูชั้นกลางอักเสบ) หรือมีประวัติสัมผัสสัตว์ปีกที่ป่วยหรือตายภายใน 7 วันก่อนมีไข้ หรืออยู่ในพื้นที่ที่มีไข้หวัดนก หรือไข้หวัดใหญ่ (ร้ายแรง) ระบาดภายใน 14 วันก่อนมีไข้ ต้องไปหาหมอโดยเร็ว.
ข. ในเด็กเล็ก
- ปฏิบัติเช่นเดียวกับ อาการไข้ (ตัวร้อน) ข้อ 2 ระวังอย่าให้ตัวร้อนจัด โดยการเช็ดตัวบ่อยๆ และไม่ควรใส่เสื้อหนาๆ หรือห่มผ้าหนาๆ.
- ถ้ามีน้ำมูกใสๆ ควรใช้ลูกยางดูดออก หรือใช้ไม้พันสำลีเช็ดออก (ซึ่งจะมีมากใน 2-3 วันแรก). ถ้าไอให้จิบน้ำอุ่นหรือ น้ำผึ้งผสมมะนาว. หลีกเลี่ยงการใช้ยาแก้หวัดแก้ไอเพราะจะมียาแก้แพ้ คลอร์เฟนิรามีน ผสม ทำให้เสลดเหนียวขับออกยาก.
- ถ้าน้ำมูกข้นเหลืองหรือสีเขียวเกิน 24 ชั่วโมง, หรือไอมีเสลดเหลืองหรือเขียว, หรือมีไข้เกิน 4 วัน ควรไปหาหมอเพื่อพิจารณาให้ยาปฏิชีวนะ เช่น อะม็อกซีซิลลินชนิดน้ำเชื่อม 5-7 วัน.
- ถ้ามีอาการหายใจเร็วกว่าปกติ (เด็กแรกเกิด-2 เดือน หายใจมากกว่านาทีละ 60 ครั้ง, 2 เดือน-1 ปี มากกว่านาทีละ 50 ครั้ง, 1-5 ปี มากกว่านาทีละ 40 ครั้ง อาจเป็นปอดอักเสบ) หรือปวดหู หูอื้อ (อาจเป็นหูชั้นกลางอักเสบ) หรือมีประวัติสัมผัสสัตว์ปีกที่ป่วย หรือตายภายใน 7 วันก่อนมีไข้ หรืออยู่ในพื้นที่ที่มีไข้หวัดนก หรือไข้หวัดใหญ่ (ร้ายแรง) ระบาดภายใน 14 วันก่อนมีไข้ ต้องไปหาหมอโดยเร็ว.
- อ่าน 12,293 ครั้ง
- พิมพ์หน้านี้