กลุ่มอาการสตีเวนส์จอห์นสัน
ที่สำคัญคือ มีอาการผื่นตุ่มขึ้นที่ผิวหนังและเยื่อบุผิว โดยก่อนมีผื่นขึ้น 1-14 วัน ผู้ป่วยจะมีอาการไข้ ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตามตัว เจ็บคอ เป็นหวัด ไอ ปวดข้อ อาเจียน ถ่ายเหลว เป็นอาการนำมาก่อน ผื่นที่ผิวหนังเริ่มที่หน้า คอ คาง ลำตัว แล้วลามไปทั่วร่างกาย เริ่มแรกมีลักษณะเป็นผื่นแดง ต่อมากลายเป็นตุ่มน้ำพุพองและลอกออก ถ้าใช้แรงกดรูดผิวหนังจะเป็นตุ่มน้ำเกิดขึ้น ผื่นมักจะไม่คัน เป็นอยู่นาน 2-6 สัปดาห์ และเมื่อหายจะเหลือให้เห็นเป็นรอยคล้ำ ส่วนผื่นที่เยื่อบุอาจเกิดพร้อมกับผื่นที่ผิวหนัง หรือเกิดตามมาทีหลังก็ได้ พบได้ทั้งที่เยื่อบุตา จมูก ปาก บริเวณอวัยวะเพศ และบริเวณทวารหนัก เยื่อบุปากจะขึ้นเป็นตุ่มน้ำ แล้วแตกเป็นสะเก็ดสีม่วงแดง ผู้ป่วยอาจมีอาการเจ็บปาก จนกินอาหาร ดื่มน้ำได้น้อยหรือไม่ได้เลย ผื่นที่เยื่อบุตา ทำให้เจ็บตา น้ำตาไหล ตาแดง ตาแฉะ อาจทำให้ลืมตาไม่ได้ ผื่นที่บริเวณอวัยวะเพศและทวารหนัก จะทำให้ถ่ายปัสสาวะและอุจจาระลำบาก ปัสสาวะแสบขัด ท้องผูก
การดำเนินโรค
ในรายที่เป็นไม่รุนแรง มักจะหายได้ภายใน 1-2 สัปดาห์ โดยไม่มีภาวะแทรกซ้อน ถ้าผิวหนังมีการติดเชื้อแทรกซ้อน ผื่นตุ่มอาจหายช้า และอาจเป็นนาน 2-6 สัปดาห์ ในรายที่เป็นรุนแรงอาจเกิดภาวะแทรกซ้อนดังกล่าว
โรคนี้มีอัตราตายประมาณร้อยละ 3-15
ภาวะแทรกซ้อน
ในรายที่เป็นรุนแรงอาจเกิดภาวะแทรกซ้อนของอวัยวะต่างๆ เช่น
- ตา : แผลที่กระจกตา ม่านตาอักเสบ กระจกตาอักเสบ หนังตาติดกัน ตาบอด (พบได้ร้อยละ 3-10)
- ทางเดินหายใจ : ปอดอักเสบ ภาวะการหายใจล้มเหลว
- ทางเดินอาหาร : หลอดอาหารตีบ
- ไต : ไตวายเฉียบพลัน
- อวัยวะเพศ : ช่องคลอดตีบ หนังหุ้มปลายองคชาตติดกัน
- ผิวหนัง : แผลเป็นที่แลดูน่าเกลียด
- ภาวะติดเชื้อร้ายแรง : ถึงขั้นเกิดภาวะเลือดเป็นพิษ
การแยกโรค
อาการมีผื่นที่ผิวหนังร่วมกับผื่นที่เยื่อบุ อาจเกิดจากโรคผิวหนังอื่นๆ ที่สำคัญ เช่น
- โรคอีเอ็ม (EM ย่อมาจาก erythema multi-forme) ซึ่งมีผื่นตุ่มขึ้นที่ผิวหนัง ลักษณะคล้ายกับกลุ่มอาการสตีเวนส์จอห์นสัน แต่มีความรุนแรงน้อยกว่า และมีผื่นที่เยื่อบุเพียง 1 แห่ง (มักขึ้นในเยื่อบุปาก) หรือไม่มีเลยก็ได้ มักไม่มีไข้และอาการอย่างอื่นๆ นำมาก่อนผื่นขึ้น ผื่นมักจะเป็นอยู่นาน 1-3 สัปดาห์ และไม่มีการแทรกซ้อนร้ายแรง
- โรคทีอีเอ็น (TEN ย่อมาจาก toxic epidermal necrolysis) ซึ่งจัดเป็นโรคในกลุ่มเดียวกันกับกลุ่มอาการ สตีเวนส์จอห์นสัน แต่มีความรุนแรงมาก ผิวหนังจะมีตุ่มน้ำ ขนาดใหญ่ขึ้นทั่วร่างกายและลอกออก คล้ายแผลไฟไหม้ น้ำร้อนลวก กินพื้นที่มากกว่าร้อยละ 30 ของพื้นผิวกาย เยื่อบุผิวจะอักเสบเป็นตุ่มเป็นแผลรุนแรง มักจะเกิดจากการแพ้ยา และมีอัตราตายสูง (กลุ่มอาการสตีเวนส์จอห์นสัน จะมีผิวหนังพุพองและลอกออก กินพื้นที่น้อยกว่าร้อยละ 10 ของพื้นผิวกาย)
นอกจากนี้ อาการแรกเริ่มของกลุ่มอาการสตีเวนส์จอห์นสัน ก่อนจะมีอาการทั่วร่างกาย อาจมีอาการคล้ายกับโรคอื่น เช่น
- ตุ่มพุพองที่ผิวหนัง อาจดูคล้ายแผลพุพอง หรือแผลไฟไหม้ น้ำร้อนลวก หรือแผลถูกสารเคมี
- ผื่นที่เยื่อบุตา อาจดูคล้ายอาการเยื่อบุตาอักเสบ
- ผื่นในปาก อาจดูคล้ายแผลร้อนใน (แผลแอฟทัส) แผลเริมที่เกิดในเยื่อบุปาก
- อ่าน 14,739 ครั้ง
- พิมพ์หน้านี้