มะเร็งปากมดลูก
แพทย์จะให้การดูแลรักษาตามลักษณะ และระยะของโรคที่ตรวจพบ ถ้าตรวจแพ็ปสเมียร์พบว่าเป็นเพียงเซลล์เยื่อบุปากมดลูกผิดปกติ ซึ่งยังไม่เป็นมะเร็ง แต่หากปล่อยไว้อาจกลายเป็นมะเร็ง (เรียกว่า "ระยะก่อนเป็นมะเร็ง") แพทย์อาจทำการตัดชิ้นเนื้อบริเวณปากมดลูกออกไป และนัดตรวจเป็นระยะๆ ถ้าตรวจพบมะเร็งปากมดลูกระยะแรกเริ่ม ก็จะรักษาโดยวิธีผ่าตัด ถ้ามะเร็งจำกัดเฉพาะปากมดลูก อาจจะตัดเฉพาะบริเวณปากมดลูก แต่ถ้ามะเร็งแพร่กระจายมาก อาจจะตัดมดลูก รังไข่ ท่อรังไข่ และต่อมน้ำเหลืองใกล้เคียง และอาจจำเป็นต้องให้การรักษาทางรังสีบำบัด และเคมีบำบัดร่วมด้วย รังสีบำบัด (ชาวบ้านเรียกว่า "การฉายแสง") จะใช้ในกรณีที่คนไข้หลังผ่าตัดมะเร็งปากมดลูก ที่คิดว่าอาจมีการแพร่กระจายออกนอกปากมดลูก หรือในกรณีที่เป็นมากจนผ่าตัดไม่ได้
รังสีบำบัดทำได้ 2 วิธี คือ การฉายเครื่องฉายรังสี และการฝังแร่อาบรังสีบริเวณปากมดลูก ผลข้างเคียง อาจทำให้มีอาการซีด เพลีย ไม่มีแรง เบื่ออาหาร ผมร่วง ผิวบริเวณสัมผัสรังสีอาจมีสีน้ำตาล อาการต่างๆ จะหายไปหลังหยุดการรักษา ในบางคนที่รับรังสีบำบัด และมีชีวิตยืนยาวอาจมีผลข้างเคียงจากที่เกิดขึ้นในระยะยาว เช่น ลำไส้อักเสบ (ท้องเดินหรือถ่ายเป็นมูกเลือดเรื้อรัง), ท่อไตตีบตัน, ลำไส้ตีบตัน, ช่องคลอดตีบ, เท้าบวม เป็นต้น ส่วนเคมีบำบัดเพื่อช่วยฆ่าเซลล์มะเร็ง แพทย์อาจเลือกใช้ก่อนการผ่าตัดหรือร่วมกับรังสีบำบัด หรือใช้ในระยะที่โรคกำเริบมาก เพื่อทำให้ก้อนมะเร็งฝ่อตัว สะดวกแก่การผ่าตัด หรือลดภาวะแทรกซ้อนต่างๆ แต่อาจมีผลข้างเคียง เช่น ซีด เพลีย คลื่นไส้อาเจียน ผมร่วง แผลเปื่อยในปาก เป็นต้น
การวินิจฉัย
แพทย์สามารถวินิจฉัยมะเร็งปากมดลูกตั้งแต่ระยะแรกเริ่ม (ระยะไม่มีอาการ) โดยการขูดเอาเซลล์เยื่อบุปากมดลูกไปตรวจด้วยกล้องจุลทรรศน์ ดังที่เรียกว่า แพ็ปสเมียร์ (Pap smear) ถ้าพบว่ามีความผิดปกติ แพทย์จะตรวจโดยการใช้กล้องส่องปากมดลูก (colposcopy) และตัดเอาชิ้นเนื้อปากมดลูกไปตรวจพิสูจน์ หากพบว่าเป็นมะเร็งปากมดลูกจริง ก็จะตรวจเพิ่มเติมเพื่อดูว่ามะเร็งอยู่ในระยะใด หรือมีการแพร่กระจายไปมากน้อยเพียงใด แพทย์จะทำการตรวจเลือด ดูว่ามีภาวะซีด (จากการตรวจเลือด) หรือไม่ เกล็ดเลือดปกติหรือไม่ ไตเริ่มวายหรือไม่ (มะเร็งอาจไปอุดทางเดินปัสสาวะ) ตับทำงานปกติหรือไม่ (มะเร็งอาจแพร่ไปที่ตับ) นอกจากนี้อาจทำการตรวจพิเศษอื่นๆ เช่น ส่องกล้องตรวจกระเพาะปัสสาวะ (cystoscopy) ส่องกล้องตรวจลำไส้ใหญ่ (proctosigmoidoscopy) ตรวจอัลตราซาวนด์, เอกซเรย์คอมพิวเตอร์ เป็นต้น
แพทย์จะแบ่งระยะของมะเร็งออกเป็น 4 ระยะได้แก่
- ระยะที่ 1 เซลล์มะเร็งจำกัดอยู่เฉพาะในบริเวณปากมดลูก
- ระยะที่ 2 เซลล์มะเร็งลุกลามไปบริเวณโดยรอบ เช่น ช่องคลอดส่วนบน, เนื้อเยื่อที่อยู่ติดกับปากมดลูก
- ระยะที่ 3 เซลล์มะเร็งแพร่ไปยังเนื้อเยื่อข้างเคียง เช่น ช่องคลอดส่วนล่าง ต่อมน้ำเหลือง เนื้อเยื่อภายในอุ้งเชิงกราน
- ระยะที่ 4 เซลล์มะเร็งแพร่กระจายไปยังกระเพาะปัสสาวะ ลำไส้ หรือออกนอกอุ้งเชิงกราน รวมทั้งปอด ตับ กระดูก
การแบ่งระยะของมะเร็งจะช่วยกำหนดวิธีการรักษาและพยากรณ์ผลการรักษา
- อ่าน 9,795 ครั้ง
- พิมพ์หน้านี้