Skip to main content
ข้อมูลสุขภาพ มูลนิธิหมอชาวบ้าน
menu

Login Pop

  • เข้าสู่ระบบ
    • ลืมรหัสผ่าน
search
  • เว็บหลักหมอชาวบ้าน
  • สำนักพิมพ์หมอชาวบ้าน
  • มูลนิธิหมอชาวบ้าน
  • หน้าแรก
  • ดูแลสุขภาพด้วยตัวเอง
  • บทความสุขภาพน่ารู้
  • สื่อสุขภาพ
  • คำถามสุขภาพ
  • ข่าวสาร
  • ติดต่อหมอชาวบ้าน
  • ข้อปฏิเสธความรับผิดชอบ
หน้าแรก » บทความสุขภาพน่ารู้ » ช่วยด้วย...มดลูกตกหลุมอากาศ
  • ขนาดตัวอักษร  Normal size text | Increase text size by 10% | Increase text size by 20% | Increase text size by 30%

ช่วยด้วย...มดลูกตกหลุมอากาศ

โพสโดย Anonymous เมื่อ 1 มีนาคม 2551 00:00

อาชีวเวชศาสตร์ปริทัศน์ฉบับที่ผ่านมาได้กล่าวถึงความเจ็บป่วยจากการทำงานหลากหลาย ด้วยหวังให้ท่านผู้อ่านได้ตระหนักว่าความเจ็บป่วยเหล่านั้นอยู่ใกล้ตัวผู้ประกอบเวชปฏิบัติและไม่ยากนักที่จะค้นหาสาเหตุ เพื่อให้การดูแลรักษาอย่างถูกต้องให้กับผู้ป่วย รวมทั้งทำการป้องกันอาการเจ็บป่วยให้กับเพื่อนร่วมงานของผู้ป่วย.

ไม่นานมานี้ ผู้เขียนได้รับฟังเรื่องราวจากแพทย์อาชีวเวชศาสตร์รุ่นน้อง 2 คนซึ่งทำหน้าที่เป็น ที่ปรึกษาสถานประกอบการ 2 แห่ง เกี่ยวกับความเจ็บป่วยของพนักงาน ซึ่งมีประเด็นที่น่าสนใจ ไม่น้อยกว่าเรื่องราวของผู้ป่วยที่ได้นำเสนอไปแล้ว จึงจะขอนำเสนอในฉบับนี้ต่อไป.

กรณีแรก : กระเพาะปัสสาวะอักเสบ
"นางสาวสุดสวย" เป็นพนักงานแผนกผลิตในโรงงานแห่งหนึ่ง เธอทำหน้าที่บรรจุก้อนสบู่ที่เลื่อนไหลมาตามสายพานลงลังกระดาษ เนื่องจากต้องทำงานเป็นทีมและทำยอดการบรรจุตามเป้าที่กำหนดไว้ในแต่ละชั่วโมง ทำให้เธอต้องกลั้นปัสสาวะตั้งแต่เข้ากะทำงานไปจนถึงเวลาพักกินข้าวอยู่เสมอ. ช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา รู้สึกปวดแสบบริเวณท้องน้อยและช่องคลอดเวลาปัสสาวะต้องเบ่งเพื่อให้ปัสสาวะได้ ซึ่งทำให้เจ็บมากขึ้น และต้องปัสสาวะบ่อย จนเริ่มมีปัญหากับทีมงาน เพราะต้องลุกไปปัสสาวะหลายครั้งในขณะทำงาน เธอจึงไปพบแพทย์ที่ห้องพยาบาล. แพทย์สรุปว่าสุดสวยเป็นโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบและให้ยาไปรับประทาน. ในวันที่แพทย์นัดตรวจติดตามอาการ สุดสวยขอใบรับรองแพทย์เพื่อรับรองว่าเธอป่วยจากการทำงาน.

กรณีที่สอง : มดลูกอักเสบ
"นางสาวภูริดา" เป็นพนักงานต้อนรับประจำสายการบินแห่งหนึ่ง. ประมาณ 1 เดือนที่แล้ว เครื่องบินลำที่เธอกำลังปฏิบัติงานอยู่เกิดตกหลุมอากาศอย่างรุนแรง ทำให้เธอล้มกระแทกพื้น เธอรู้สึกปวดเมื่อยตามร่างกายบ้างแต่ไม่มีอาการรุนแรงหรืออาการอื่นๆ. ในเวลาอีก 2 สัปดาห์ต่อมา เธอปวดท้องน้อยมาก มีไข้และมีตกขาวผิดปกติ ไปพบแพทย์และได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมดลูกอักเสบ. แพทย์ให้นอนพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลเป็นเวลา 5 วันจนอาการดีขึ้น วันนี้เธอยื่นเรื่องเพื่อขอเบิกเงินค่ารักษาพยาบาลจากบริษัท โดยอ้างว่าเธอป่วยจากการทำงาน.

แพทย์ทั้งสองท่านสงสัยว่ากรณีทั้งสองนี้ถือว่าเป็นการเจ็บป่วยจากการทำงานหรือไม่ ? การตอบคำถามนี้มีประเด็นที่น่าสนใจและท้าทายวงการอาชีวเวชศาสตร์อยู่ไม่น้อย ดังต่อไปนี้
 

"Double" Diagnosis
การวินิจฉัยว่าความเจ็บป่วยที่เกิดขึ้นเกิดจากการทำงานหรือไม่ ประกอบด้วย 2 ขั้นตอนคือ การวินิจฉัยโรค เช่น มะเร็งปอด การได้ยินเสื่อม ข้อเข่าอักเสบ กระจกตาอักเสบ เป็นต้น และการวินิจฉัยว่าโรคเหล่านั้นมีสาเหตุจากการทำงานหรือไม่ หรือที่ใช้ศัพท์ภาษาอังกฤษว่า "work-relatedness".

การวินิจฉัยโรคทั่วไป อาศัยความรู้ความชำนาญของแพทย์เวชปฏิบัติทั่วไป แต่โรคบางชนิดต้องอาศัยความเชี่ยวชาญเฉพาะทางของแพทย์เฉพาะทางสาขาต่างๆเพื่อทำการวินิจฉัย ยกตัวอย่างเช่น ผู้ป่วยรายหนึ่งมีอาการปวดศีรษะไม่ทราบสาเหตุ. แพทย์เวชปฏิบัติทั่วไปอาจสามารถวินิจฉัยได้เบื้องต้นว่าผู้ป่วยมีเนื้องอกในสมอง แต่การวินิจฉัยขั้นสุดท้ายว่าเป็นเนื้องอกชนิดใด จะให้การรักษาอย่างไร ต้องอาศัยแพทย์เฉพาะทางอีกหลายสาขามาร่วมทำการวินิจฉัยโรค.

การวินิจฉัยโรคส่วนมาก มักจบลงที่คำวินิจฉัยของแพทย์เฉพาะทาง ซึ่งอาจจะสามารถหา "สาเหตุ" ของการเกิดโรคได้หรือบางครั้งก็ไม่ได้ แต่แพทย์ก็จะสามารถให้การรักษาได้ในระดับหนึ่ง เพื่อทำให้อาการเจ็บป่วยทุเลาหรืออาจหายขาดได้.

อย่างไรก็ตาม ยังมีโรคอีกกลุ่มหนึ่งที่ถ้าหากแพทย์สนใจจะสามารถระบุสาเหตุได้ว่าเกิดจากการทำงาน ซึ่งแพทย์ที่จะทำการวินิจฉัยได้นี้ อาจเป็นแพทย์เวชปฏิบัติทั่วไปหรือแพทย์เฉพาะทางสาขาต่างๆ. สำหรับกรณีที่ความเจ็บป่วยค่อนข้างชัดเจนว่าเกิดจากการทำงาน เช่น กรณีเครื่องจักรตัดนิ้วขาด โรคหอบหืดจากการสัมผัสฝุ่น แต่ในบางครั้ง แพทย์เวชปฏิบัติทั่วไปหรือแพทย์เฉพาะทางสาขาต่างๆ ก็ต้องอาศัยแพทย์เฉพาะทางสาขาอาชีวเวชศาสตร์1 ซึ่งผ่านการฝึกอบรมให้ทำการสืบค้นข้อมูล เพื่อวิเคราะห์ว่าการทำงานเป็นสาเหตุหรือ "เกี่ยวเนื่อง" กับการเจ็บป่วยที่เกิดขึ้นหรือไม่. ทั้งนี้ ข้อมูลสำคัญที่ใช้ในการวินิจฉัยคือ ประวัติการทำงานจนถึงปัจจุบันของผู้ป่วย และข้อมูลสภาพแวดล้อมการทำงาน โดยที่ความเจ็บป่วยที่เกิดขึ้นต้องมีความเป็นไปได้ทางชีววิทยาและพิษวิทยา รวมทั้งสอดคล้องด้านระยะเวลากับสิ่งก่อโรคที่พบในที่ทำงาน (ถ้าตรวจได้) หรือสภาพการทำงาน.

เนื่องจากโรคจากการทำงานต้องอาศัยการ "วินิจฉัย" 2 ส่วนเช่นนี้ ทำให้ผู้ป่วยและคนทั่วไป รวมทั้งแพทย์เองในบางครั้งเกิดความสับสน กล่าวคือ แพทย์ส่วนมากทำการวินิจฉัยโรค แต่ไม่ได้วินิจฉัยว่าเกี่ยวข้องกับงานหรือไม่ ซึ่งอาจเนื่องจากแพทย์ คิดว่าเกิดจากสาเหตุอื่นมากกว่าการทำงาน ความไม่สนใจของแพทย์เอง การไม่รู้จักสิ่งก่อโรคในที่ทำงานหรือการขาดข้อมูลสนับสนุน ซึ่งการไม่ได้วินิจฉัย "ความเกี่ยวเนื่องกับงาน" นี้เอง ทำให้ผู้ป่วยกลุ่มหนึ่งที่คิดว่าตนเองป่วยจากการทำงาน สงสัยหรือ "ข้องใจ" ว่าเหตุใดแพทย์จึงไม่วินิจฉัย และหลายคนเกิดวิกฤตศรัทธา คิดว่าแพทย์ไม่กล้าหาญเพียงพอที่จะสรุปสาเหตุเพราะไม่อยากเป็นศัตรูกับนายจ้างของผู้ป่วย.

ที่มาของปัญหา
สาเหตุที่สำคัญอันหนึ่งที่ทำให้แพทย์ไม่ว่าสาขาอาชีวเวชศาสตร์เองหรือสาขาอื่นๆ ไม่สามารถวินิจฉัย ว่าความเจ็บป่วยเกิดขึ้นจากการทำงานหรือไม่ เป็นเพราะโรคจากการทำงานมี "พิสัย" ของความสัมพันธ์ระหว่างสาเหตุกับความเจ็บป่วย ดังเช่นที่ระบุไว้ในเอกสารขององค์การอนามัยโลก (1) ว่า โรคจากการทำงาน (occupational disease) อยู่สุดทางด้านหนึ่งของพิสัย โดยเป็นโรคที่ "เกี่ยวเนื่อง" กับการทำงาน (work-related disease) ซึ่งสามารถระบุได้ชัดเจนว่าสิ่งก่อโรคคืออะไร สามารถวัดปริมาณสิ่งก่อโรคได้ และทำให้สามารถควบคุมป้องกันโรคได้. ขณะที่สุดทางอีกด้านหนึ่งของพิสัย เป็นกลุ่มของความเจ็บป่วยที่น่าจะ "เกี่ยวเนื่อง" กับการทำงาน แต่ไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าเกี่ยวข้องจริงกับสาเหตุ เช่น ปริมาณสารเคมีที่ผู้ป่วยสัมผัสน้อยมากเกินกว่าจะก่อโรคได้ พนักงานที่ทำงานแผนกเดียวกันไม่มีใครป่วยนอกจากผู้ป่วย หรือผู้ป่วยสัมผัสสิ่งก่อโรคหลายอย่างทั้งในขณะทำงานและจากชีวิตประจำวันจนแยกได้ยากว่าเกิดจากอะไรเป็นสาเหตุหลัก.

นอกจากนั้น เอกสารชุดดังกล่าวนี้ ยังให้นิยามเปิดกว้างไว้ด้วยว่า สภาพแวดล้อมการทำงานอาจไม่ใช่ สาเหตุโดยตรงของความเจ็บป่วย แต่มีส่วนกระตุ้น ให้เจ็บป่วย (aggravate) ลดระยะเวลาที่จะเจ็บป่วย (accelerate) ทำให้อาการป่วยเป็นมากขึ้น (exacerbate) หรือทำให้ความสามารถในการทำงานลดลง (impair working capacity) ซึ่งการเจ็บป่วยในลักษณะทั้งหมดที่กล่าวมานี้ ถ้ายึดถือตามนิยามอย่างจริงจังแล้วจัดเป็นโรคที่เกี่ยวเนื่องกับการทำงานแต่ไม่ใช่โรคจากการทำงาน. อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญและแพทย์อาชีวเวชศาสตร์หลายท่าน เห็นว่าคำศัพท์ทั้งสอง2 สามารถใช้แทนกันได้. แต่สำหรับบริบทประเทศไทยแล้ว สำนักงานกองทุนเงินทดแทนพิจารณาจ่าย เงินทดแทนเฉพาะโรคจากการทำงานเท่านั้น ซึ่งหมายความว่าต้องเป็นโรคที่สามารถพิสูจน์ได้ชัดเจนว่าเกิดจากสภาพแวดล้อมการทำงาน มิใช่โรคที่ถูกกระตุ้น หรือลดระยะเวลาเจ็บป่วยต่างๆที่กล่าวมาแล้ว.


คำเฉลย ?
จากคำอธิบายที่กล่าวมาแล้ว สำหรับกรณีของ "สุดสวย" ที่เป็นโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบนั้น ไม่ใช่ โรคจากการทำงาน ไม่ว่าจะเป็นนิยามแบบเข้มงวดหรือนิยามแบบเปิดกว้าง เนื่องจากการทำงานบรรจุดังกล่าว ไม่มีการสัมผัสสารเคมีหรือเชื้อโรคที่ทำให้กระเพาะปัสสาวะอักเสบโดยตรง รวมทั้งสภาพแวดล้อมการทำงานไม่ได้กระตุ้นให้ปวดปัสสาวะบ่อย เช่น ไม่ได้มีอุณหภูมิต่ำจนร่างกายต้องอาศัยการระบายความร้อนทางปัสสาวะแทนเหงื่อ.

สำหรับกรณีของ "ภูริดา" การปฏิบัติงานในฐานะพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินโดยทั่วไปและการบาดเจ็บที่เกิดขึ้นจากเครื่องบินตกหลุมอากาศไม่น่าก่อให้เกิดการอับเสบของมดลูกโดยตรง รวมทั้งไม่ได้กระตุ้นหรือลดระยะเวลาการอักเสบแต่อย่างใด นั่นคือ ไม่ใช่การเจ็บป่วยจากการทำงาน.

ถ้าเช่นนั้นแล้ว การดูแลรักษาความเจ็บป่วยของพนักงานหญิงสองคนนี้ ควรต้องอาศัยความเชี่ยวชาญ ของแพทย์อาชีวเวชศาสตร์หรือไม่ ?

สำหรับกรณีกระเพาะปัสสาวะอักเสบนั้น โรงงานน่าจะสามารถจัดเวลาให้พนักงานสามารถไปปัสสาวะได้ในขณะทำงาน เช่น ให้หัวหน้างานมาแทนในขณะที่ไปเข้าห้องน้ำ หรือการปรับเป้าหมายการทำงานไม่ให้ยึดกับยอดรายชั่วโมงแต่เป็นจำนวนยอดรายวันหรือค่าเฉลี่ยต่อวันแทน เพื่อพนักงานจะได้ไม่มุ่งมั่นกับการทำยอดจนไม่ยอมไปเข้าห้องน้ำ ซึ่งก็จะทำให้ลดการเกิดกระเพาะปัสสาวะอักเสบของพนักงานได้.

สำหรับกรณีมดลูกอักเสบนั้น การปรับสภาพแวดล้อมการทำงานหรือพฤติกรรมในการทำงาน ไม่น่าจะช่วยป้องกันอาการเจ็บป่วยได้ เนื่องจากไม่เกี่ยวข้องกับการทำงานจริงๆ.

ทั้งนี้ หากพิจารณาในแง่ความสัมพันธ์ระหว่างนายจ้างกับลูกจ้าง คำวินิจฉัยของแพทย์ว่าไม่ใช่การเจ็บป่วยจากการทำงานสำหรับพนักงานหญิง 2 คนนี้ อาจทำให้นายจ้างไม่ยอมปรับสภาพแวดล้อมการทำ งานเพื่อป้องกันโรค หรือลูกจ้างที่อยากได้ผลประโยชน์มาก ได้รับผลประโยชน์จากการเจ็บป่วยน้อยเกินไป. ขณะเดียวกัน นายจ้างหลายคนอาจขอบคุณที่แพทย์ช่วยลดค่าใช้จ่ายที่เกินจริงของบริษัท หรือลูกจ้างขอบคุณที่แพทย์ทำให้เขาได้ทำงานที่ถนัดต่อไป ไม่ต้องย้ายงานเพราะความเจ็บป่วย ซึ่งแพทย์อาชีวเวชศาสตร์ต้องพิจารณาผลประโยชน์ของทั้งนายจ้างและลูกจ้างเหล่านี้ รวมทั้งศักดิ์ศรีและจรรยาบรรณวิชาชีพ ก่อนให้คำตัดสินสุดท้าย.

เอกสารอ้างอิง
1. World Health Organisation. Identification and control of work-related diseases. Technical Report no.174. Geneva : WHO, 1985.

ฉันทนา ผดุงทศ พ.บ.
DrPH in Occupational Health, สำนักโรคจากการประกอบอาชีพและสิ่งแวดล้อม,
กรมควบคุมโรค,กระทรวงสาธารณสุข
E-mail address : [email protected]

 

ป้ายคำ:
  • กรณีศึกษา
  • โรคตามระบบ
  • โรคระบบทางอวัยวะเพศหญิง
  • คุยสุขภาพ
  • อาชีวเวชศาสตร์ปริทัศน์
  • มดลูก
  • พญ.ฉันทนา ผดุงทศ
  • อ่าน 3,422 ครั้ง
  • พิมพ์หน้านี้พิมพ์หน้านี้

ข้อมูลสื่อ

279-010
วารสารคลินิก 279
มีนาคม 2551
อาชีวเวชศาสตร์ปริทัศน์
พญ.ฉันทนา ผดุงทศ
Skip to Top

บทความสุขภาพน่ารู้

  • ทั้งหมด
  • การแพทย์ทางเลือก
    • แพทย์แผนไทย
      • กดจุด
      • นวดไทย
    • แพทย์แผนจีน
  • ดูแลสุขภาพ
    • การดูแลผู้สูงอายุ
    • การปฐมพยาบาล
    • การรักษาเบื้องต้น
    • การใช้ยาสมุนไพร
    • คู่มือดูแลสุขภาพ
    • ยาและวิธีใช้
    • ตรวจสุขภาพด้วยตัวเอง
      • คำนวณค่า BMI
      • วินิจฉัยโรคเบื้องต้น
      • แนะนำการตรวจสุขภาพประจำปี
    • คุยสุขภาพ
      • กรณีศึกษา
      • ถามตอบปัญหาสุขภาพ
  • สุขภาพทางเพศและครอบครัว
    • การดูแลบุตร
    • แม่และเด็ก
    • การตั้งครรภ์
    • เรียนรู้เรื่องเพศและการวางแผนครอบครัว
  • สร้างเสริมสุขภาพ 3 อ. ​และป้องกันโรค
    • อาหาร
      • อาหาร 5 หมู่
      • อาหารของผู้่ป่วยโรคเรื้อรัง
        • ความดันสูง
        • หัวใจ
        • เกาต์
        • เบาหวาน
      • อาหารที่ควรหลีกเลี่ยง
      • อาหารป้องกันมะเร็ง
      • อาหารสมุนไพร
    • ออกกำลังกาย
      • วิ่ง เดิน ปั่นจักรยาน ว่ายน้ำ แอร์โรบิค แอร์โรบอคซิ่ง รำกระบอง ไทเก็ก ชี่กง โยคะ
    • อารมณ์
      • การทำสมาธิ
      • การพักผ่อน
      • การพัฒนา EQ
      • จิตอาสา/ ฉือจี้
  • พฤติกรรมอันตราย
    • พฤติกรรมเสี่ยงต่อสุขภาพ
    • อนามัยสิ่งแวดล้อม
    • อิริยาบถ
  • โรคและอาการ
    • โรคเรื้อรัง
      • กลุ่มอาการเมตาโบลิค
      • ความดันโลหิตสูง
      • ถุงลมปอดโป่งพอง
      • มะเร็ง
      • อัมพฤกษ์ อัมพาต
      • เบาหวาน
      • โรคข้อ/เกาต์
      • โรคทางจิตเวช เครียด หวาดระแวง
      • โรคหวัด ภูมิแพ้
      • โรคหัวใจ
      • โรคหืด
      • ไขมันในเลือดสูง/ผิดปกติ
      • ไตวาย
    • โรคตามระบบ
      • ระบบทางเดินอาหาร
      • โรคจากอุบัติเหตุ สารพิษ และสัตว์พิษ
      • โรคช่องปากและฟัน
      • โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
      • โรคติดเชื้อ
      • โรคผิวหนัง
      • โรคพยาธิ
      • โรคระบบกระดูกและกล้ามเนื้อ
      • โรคระบบต่อมไร้ท่อ
      • โรคระบบทางอวัยวะเพศชาย
      • โรคระบบทางอวัยวะเพศหญิง
      • โรคระบบทางเดินปัสสาวะ
      • โรคระบบทางเดินหายใจ
      • โรคระบบประสาทและสมอง
      • โรคระบบไหลเวียนโลหิต
      • โรคหู ตา คอ จมูก
    • โรคจากการทำงาน
      • พิษภัยจากสารเคมี (ยาฆ่าเมลง/ สารตะกั่ว)
      • โรคจากฝุ่นและสารเคมีในโรงงาน
      • โรคจากสัตว์ เช่น ฉี่หนู
      • โรคจากอริยาบทที่ผิดสุขลักษณะ
      • โรคเส้นเอ็นอักเสบ/ นิ้วล็อค
  • ทันกระแสสุขภาพ
  • คลังความรู้สื่อสังคมออนไลน์
  • อื่น ๆ

ได้รับความนิยม

  • นม
  • ถั่วพู
  • คนท้อง
  • ธาลัสซีเมีย
  • ผู้สูงอายุ
  • ผักพื้นบ้าน
  • สมุนไพร

แผนผังเว็บไซต์

  • หน้าแรก
  • ดูแลสุขภาพด้วยตัวเอง
  • บทความสุขภาพน่ารู้
  • สื่อสุขภาพ
  • คำถามสุขภาพ
  • ข่าวสาร
  • ติดต่อหมอชาวบ้าน
  • ข้อปฏิเสธความรับผิดชอบ

รวมลิงค์เครือข่าย

  • มูลนิธิหมอชาวบ้าน
  • สำนักพิมพ์หมอชาวบ้าน
  • สถาบันโยคะวิชาการ

สื่อสุขภาพ

  • คลิปสุขภาพ
  • หมอชาวบ้านรายเดือน
  • คลินิกรายเดือน
  • จดหมายข่าวย้อนหลัง
  • feed หมอชาวบ้าน
  • facebook หมอชาวบ้าน
  • youtube หมอชาวบ้าน
  • feed หมอชาวบ้าน
  • facebook หมอชาวบ้าน
  • twitter หมอชาวบ้าน
  • youtube หมอชาวบ้าน
สนับสนุนโดย สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)< และสถาบัน ChangeFusion< พัฒนาระบบโดย Opendream< สัญญาอนุญาต cc by-nc-sa <