Skip to main content
ข้อมูลสุขภาพ มูลนิธิหมอชาวบ้าน
menu

Login Pop

  • เข้าสู่ระบบ
    • ลืมรหัสผ่าน
search
  • เว็บหลักหมอชาวบ้าน
  • สำนักพิมพ์หมอชาวบ้าน
  • มูลนิธิหมอชาวบ้าน
  • หน้าแรก
  • ดูแลสุขภาพด้วยตัวเอง
  • บทความสุขภาพน่ารู้
  • สื่อสุขภาพ
  • คำถามสุขภาพ
  • ข่าวสาร
  • ติดต่อหมอชาวบ้าน
  • ข้อปฏิเสธความรับผิดชอบ
หน้าแรก » บทความสุขภาพน่ารู้ » "เป็นมะเร็ง...ตายลูกเดียว" : ควรพูดไหม ?
  • ขนาดตัวอักษร  Normal size text | Increase text size by 10% | Increase text size by 20% | Increase text size by 30%

"เป็นมะเร็ง...ตายลูกเดียว" : ควรพูดไหม ?

โพสโดย Anonymous เมื่อ 1 เมษายน 2551 00:00

วันหนึ่ง ขณะที่เยี่ยมดูผู้ป่วยที่ห้องตรวจผู้ป่วยนอกของโรงพยาบาลชุมชมแห่งหนึ่ง มีผู้ป่วยชายอายุ 60 ปีเศษมาพบแพทย์ด้วยอาการไอเรื้อรังจนนอนไม่ได้ และน้ำหนักลดมา 2 เดือน. ผู้ป่วยเคยถูกส่งตัวไปตรวจที่โรงพยาบาลทั่วไปในจังหวัดเดียวกัน ซึ่งการตรวจภาพถ่ายรังสีและอัลตราซาวนด์พบว่ามีก้อนขนาดใหญ่ที่ตับ สงสัยเป็นมะเร็งตับ จึงส่งไปปรึกษาแพทย์เฉพาะทางที่โรงพยาบาลศูนย์ในจังหวัดข้างเคียง.

ผู้ป่วยเล่าว่า "หมอที่นั้นไม่ได้ซักถามและตรวจอะไร เพียงแต่ดูฟิล์มภาพถ่ายที่นำไปให้ แล้วก็บอกว่า ลุงเป็นมะเร็งตับ ตายลูกเดียว. ผมขอร้องให้หมอช่วยรักษาจะให้ผ่าตัดก็ยอม หมอพูดเพียงอย่างเดียวว่า รักษาไม่ได้ ผ่าตัดก็ไม่ได้ มีแต่ตายลูกเดียวให้ทำใจเสีย. ผมฟังแล้วก็ท้อแท้ หมดกำลังใจ นึกแปลกใจว่า ทำไมหมอจึงทำแบบนี้กับผม ยาสักเม็ดก็ไม่ได้ให้มากิน..."Ž

ผู้ป่วยจึงนำผลการตรวจทั้งหมดกลับมาพบแพทย์ที่โรงพยาบาลชุมชนแห่งนี้ ซึ่งได้พบแพทย์ที่คุ้นเคยกันมาก่อน. ผู้ป่วยจำได้ว่า เมื่อหลายปีก่อนแพทย์ท่านนี้เคยผ่าตัดท้องของผู้ป่วย. คราวนี้แพทย์ได้นำผลการตรวจมานั่งทบทวนและซักถามพูดคุยกับผู้ป่วยอย่างเป็นกันเอง. สุดท้ายจึงได้เขียนใบส่งตัวผู้ป่วย โดยบอกผู้ป่วยว่า "ตอนนี้ยังบอกไม่ได้ชัดว่าเป็นมะเร็งจริงหรือไม่ หมอจะส่งตัวลุงไปพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่สถาบันมะเร็งในจังหวัดข้างเคียง เพื่อให้คุณหมอทำการพิสูจน์ให้แน่ชัดอีกครั้ง. บางทีอาจจำเป็นต้องใช้เข็มเจาะชิ้นเนื้อตับไปพิสูจน์. ส่วนขั้นตอนการรักษาจะเป็นอย่างไรต่อไป ก็ต้องรอดูผลการตรวจเสียก่อน. วันนี้หมอจะให้ยาบรรเทาอาการไอ จะช่วยให้สบายขึ้นและนอนหลับได้ไปกินก่อน. หากลุงไปตรวจที่นั่นแล้ว มีปัญหาหรือข้อสงสัยอย่างไร ก็กลับมาพูดคุยกับหมอได้..."Ž
ผู้ป่วยลาคุณหมอกลับไปด้วยสีหน้าที่แช่มชื่นกว่าตอนแรกที่มารอตรวจ.

ครั้งหนึ่ง ญาติผมอายุ 65 ปี มีอาการปวดโรคกระเพาะ และน้ำหนักลด ได้ไปพบแพทย์เฉพาะทางที่คณะแพทยศาสตร์แห่งหนึ่ง. หลังจากทำการส่องกล้องตรวจกระเพาะและทราบผลชิ้นเนื้อว่าเป็นมะเร็งกระเพาะอาหาร แพทย์ก็บอกผู้ป่วยและภรรยาตรงๆว่า ผู้ป่วยเป็นมะเร็งระยะท้ายอยู่ได้อีก 3 เดือน. ญาติผมและครอบครัวฟังแล้วแทบจะช็อก รู้สึกว่าสับสนไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรต่อไป. มีคนรู้จักแนะนำให้ไปรักษาที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งที่มีการรักษาแบบการแพทย์ทางเลือกควบคู่กับการแพทย์แผนปัจจุบัน ซึ่งในที่สุดทางโรงพยาบาลก็ตัดสินใจให้เคมีบำบัด. เนื่องจากค่ารักษาแพงและบังเอิญมีอาการตกเลือดในกระเพาะอาหารร่วมด้วย ผมจึงได้แนะนำให้ผู้ป่วยไปรักษาที่คณะแพทยศาสตร์อีกแห่งหนึ่ง. ครั้งนี้ได้พบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ที่อธิบายขั้นตอนการรักษาและให้กำลังใจผู้ป่วยเป็นอย่างดี. ผู้ป่วยรับเคมีบำบัดตามคำแนะนำของแพทย์ ทำใจยอมรับสภาพปัญหาได้ดีขึ้น สามารถออกกำลังกาย ทำสมาธิ ทำกิจวัตรประจำวันได้เป็นปกติ อ่านหนังสือ รวมทั้งมีความสุขกับงานแปลหนังสือที่ตัวเองถนัด. ในที่สุดสามารถมีชีวิตที่มีคุณภาพและมีความสุขอยู่ได้ร่วม 2 ปี.

ทั้ง 2 กรณีนี้สะท้อนว่า การสื่อสารกับผู้ป่วยโดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ป่วยด้วยโรคร้ายหรือโรคที่สิ้นหวัง จำเป็นต้องมีแนวทางในการปฏิบัติที่เหมาะสม โดยต้องคำนึงถึงความรู้สึก ความคิด ความคาดหวัง การยอมรับของผู้ป่วยและสมาชิกในครอบครัว. การแจ้งข่าวร้ายแก่ผู้ป่วย จำเป็นต้องมีขั้นตอนและจังหวะที่เหมาะสม. หากใช้วาจาไม่เหมาะสมหรือไม่ถูกกาลเทศะ ย่อมส่งผลกระทบต่อจิตใจและครอบครัวของผู้ป่วย มีอิทธิพลกับพฤติกรรมและการแสวงหาบริการของผู้ป่วย รวมทั้งสร้างความไม่พึงพอใจหรือความแค้นเคืองแก่ผู้ป่วยได้.

แพทย์ผู้รักษาจำเป็นต้องมีเวลาทำความรู้จักและสร้างความสัมพันธ์กับผู้ป่วยและครอบครัว สำรวจว่าสามารถสื่อสารอะไร แค่ไหน กับใครได้บ้าง. ควรหลีกเลี่ยงการบอกผู้ป่วยอย่างทื่อๆว่า ตายลูกเดียว หรือกำหนดระยะตายของผู้ป่วย (คล้ายคำสั่งประหารชีวิต). นอกจากนี้ ควรมีทักษะในการให้กำลังใจ ปลอบขวัญผู้ป่วยและครอบครัว แนะนำการปฏิบัติตัวในการดูแลระยะท้ายของชีวิตของผู้ป่วยให้มีคุณภาพและมีความสุข.

นักศึกษาแพทย์และแพทย์ประจำบ้าน ควรเรียนศาสตร์การดูแลผู้ป่วยระยะท้าย และฝึกทักษะการสื่อสารกับผู้ป่วยในลักษณะต่างๆ รวมทั้งการแจ้งข่าวร้าย.

ป้ายคำ:
  • โรคเรื้อรัง
  • มะเร็ง
  • คุยสุขภาพ
  • บทบรรณาธิการ
  • รศ.นพ.สุรเกียรติ อาชานานุภาพ
  • อ่าน 3,140 ครั้ง
  • พิมพ์หน้านี้พิมพ์หน้านี้

ข้อมูลสื่อ

280-001
วารสารคลินิก 280
เมษายน 2551
บทบรรณาธิการ
รศ.นพ.สุรเกียรติ อาชานานุภาพ
Skip to Top

บทความสุขภาพน่ารู้

  • ทั้งหมด
  • การแพทย์ทางเลือก
    • แพทย์แผนไทย
      • กดจุด
      • นวดไทย
    • แพทย์แผนจีน
  • ดูแลสุขภาพ
    • การดูแลผู้สูงอายุ
    • การปฐมพยาบาล
    • การรักษาเบื้องต้น
    • การใช้ยาสมุนไพร
    • คู่มือดูแลสุขภาพ
    • ยาและวิธีใช้
    • ตรวจสุขภาพด้วยตัวเอง
      • คำนวณค่า BMI
      • วินิจฉัยโรคเบื้องต้น
      • แนะนำการตรวจสุขภาพประจำปี
    • คุยสุขภาพ
      • กรณีศึกษา
      • ถามตอบปัญหาสุขภาพ
  • สุขภาพทางเพศและครอบครัว
    • การดูแลบุตร
    • แม่และเด็ก
    • การตั้งครรภ์
    • เรียนรู้เรื่องเพศและการวางแผนครอบครัว
  • สร้างเสริมสุขภาพ 3 อ. ​และป้องกันโรค
    • อาหาร
      • อาหาร 5 หมู่
      • อาหารของผู้่ป่วยโรคเรื้อรัง
        • ความดันสูง
        • หัวใจ
        • เกาต์
        • เบาหวาน
      • อาหารที่ควรหลีกเลี่ยง
      • อาหารป้องกันมะเร็ง
      • อาหารสมุนไพร
    • ออกกำลังกาย
      • วิ่ง เดิน ปั่นจักรยาน ว่ายน้ำ แอร์โรบิค แอร์โรบอคซิ่ง รำกระบอง ไทเก็ก ชี่กง โยคะ
    • อารมณ์
      • การทำสมาธิ
      • การพักผ่อน
      • การพัฒนา EQ
      • จิตอาสา/ ฉือจี้
  • พฤติกรรมอันตราย
    • พฤติกรรมเสี่ยงต่อสุขภาพ
    • อนามัยสิ่งแวดล้อม
    • อิริยาบถ
  • โรคและอาการ
    • โรคเรื้อรัง
      • กลุ่มอาการเมตาโบลิค
      • ความดันโลหิตสูง
      • ถุงลมปอดโป่งพอง
      • มะเร็ง
      • อัมพฤกษ์ อัมพาต
      • เบาหวาน
      • โรคข้อ/เกาต์
      • โรคทางจิตเวช เครียด หวาดระแวง
      • โรคหวัด ภูมิแพ้
      • โรคหัวใจ
      • โรคหืด
      • ไขมันในเลือดสูง/ผิดปกติ
      • ไตวาย
    • โรคตามระบบ
      • ระบบทางเดินอาหาร
      • โรคจากอุบัติเหตุ สารพิษ และสัตว์พิษ
      • โรคช่องปากและฟัน
      • โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
      • โรคติดเชื้อ
      • โรคผิวหนัง
      • โรคพยาธิ
      • โรคระบบกระดูกและกล้ามเนื้อ
      • โรคระบบต่อมไร้ท่อ
      • โรคระบบทางอวัยวะเพศชาย
      • โรคระบบทางอวัยวะเพศหญิง
      • โรคระบบทางเดินปัสสาวะ
      • โรคระบบทางเดินหายใจ
      • โรคระบบประสาทและสมอง
      • โรคระบบไหลเวียนโลหิต
      • โรคหู ตา คอ จมูก
    • โรคจากการทำงาน
      • พิษภัยจากสารเคมี (ยาฆ่าเมลง/ สารตะกั่ว)
      • โรคจากฝุ่นและสารเคมีในโรงงาน
      • โรคจากสัตว์ เช่น ฉี่หนู
      • โรคจากอริยาบทที่ผิดสุขลักษณะ
      • โรคเส้นเอ็นอักเสบ/ นิ้วล็อค
  • ทันกระแสสุขภาพ
  • คลังความรู้สื่อสังคมออนไลน์
  • อื่น ๆ

ได้รับความนิยม

  • นม
  • ถั่วพู
  • คนท้อง
  • ธาลัสซีเมีย
  • ผู้สูงอายุ
  • ผักพื้นบ้าน
  • สมุนไพร

แผนผังเว็บไซต์

  • หน้าแรก
  • ดูแลสุขภาพด้วยตัวเอง
  • บทความสุขภาพน่ารู้
  • สื่อสุขภาพ
  • คำถามสุขภาพ
  • ข่าวสาร
  • ติดต่อหมอชาวบ้าน
  • ข้อปฏิเสธความรับผิดชอบ

รวมลิงค์เครือข่าย

  • มูลนิธิหมอชาวบ้าน
  • สำนักพิมพ์หมอชาวบ้าน
  • สถาบันโยคะวิชาการ

สื่อสุขภาพ

  • คลิปสุขภาพ
  • หมอชาวบ้านรายเดือน
  • คลินิกรายเดือน
  • จดหมายข่าวย้อนหลัง
  • feed หมอชาวบ้าน
  • facebook หมอชาวบ้าน
  • youtube หมอชาวบ้าน
  • feed หมอชาวบ้าน
  • facebook หมอชาวบ้าน
  • twitter หมอชาวบ้าน
  • youtube หมอชาวบ้าน
สนับสนุนโดย สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)< และสถาบัน ChangeFusion< พัฒนาระบบโดย Opendream< สัญญาอนุญาต cc by-nc-sa <