Skip to main content
ข้อมูลสุขภาพ มูลนิธิหมอชาวบ้าน
menu

Login Pop

  • เข้าสู่ระบบ
    • ลืมรหัสผ่าน
search
  • เว็บหลักหมอชาวบ้าน
  • สำนักพิมพ์หมอชาวบ้าน
  • มูลนิธิหมอชาวบ้าน
  • หน้าแรก
  • ดูแลสุขภาพด้วยตัวเอง
  • บทความสุขภาพน่ารู้
  • สื่อสุขภาพ
  • คำถามสุขภาพ
  • ข่าวสาร
  • ติดต่อหมอชาวบ้าน
  • ข้อปฏิเสธความรับผิดชอบ
หน้าแรก » บทความสุขภาพน่ารู้ » แผนพัฒนาระบบบริการและกำลังคนด้านสุขภาพแห่งชาติ
  • ขนาดตัวอักษร  Normal size text | Increase text size by 10% | Increase text size by 20% | Increase text size by 30%

แผนพัฒนาระบบบริการและกำลังคนด้านสุขภาพแห่งชาติ

โพสโดย Anonymous เมื่อ 1 กันยายน 2551 00:00

ในระยะนี้ผมมีโอกาสเข้าร่วมประชุมกับหน่วยงานหลายแห่งที่หารือเกี่ยวกับการพัฒนาระบบสุขภาพ ซึ่งครอบคลุมทั้งระบบบริการสาธารณสุขและกระบวนการสร้างเสริมสุขภาพของชุมชน เช่น สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สช.) กำลังดำเนินการร่างธรรมนูญสุขภาพเพื่อวางเป็นกรอบนโยบายและทิศทางการพัฒนาสุขภาพสำหรับคนไทยใน 5-10 ปีข้างหน้า โดยแต่งตั้งคณะทำงานขึ้นหลายชุดซึ่งประกอบด้วยตัวแทนจากภาคส่วนต่างๆ รวมทั้งใช้กระบวนการประชาพิจารณ์ในการระดมความคิดเห็นจากสาธารณชน, สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ได้จัดงบลงทุนในการพัฒนาเครือข่ายบริการปฐมภูมิทั่วประเทศ เพื่อให้เกิดสถานพยาบาล "ใกล้บ้าน-ใกล้ใจ" ที่มีคุณภาพกระจายอย่างทั่วถึง, รัฐบาลกำลังจัดทำแผนการลงทุนด้านสุขภาพให้ครอบคลุมระบบบริการสาธารณสุขของประเทศทั้งระบบ โดยเชิญตัวแทนจากองค์กรด้านสุขภาพทุกฝ่าย (ทั้งฝ่ายผู้จัดบริการและฝ่ายผลิตบุคลากรสาธารณสุข) เข้าร่วมหารือ.

การเคลื่อนไหวเหล่านี้นับว่าเป็นแรงผลักดันอันสำคัญต่อการสร้างระบบสุขภาพที่แข็งแรงและยั่งยืนแก่ประเทศ. ทั้งนี้มีข้อสรุปร่วมกันเกี่ยวกับแนวทางการดำเนินการดังนี้

♦ เริ่มต้นด้วยการวิเคราะห์และประเมินภาระโรค (burden of disease) และความเสี่ยงด้านสุขภาพของคนไทย รวมทั้งจุดอ่อน-จุดแข็งของระบบบริการสุขภาพในปัจจุบัน.

ภาระโรคที่สำคัญ เช่น อุบัติเหตุ มะเร็ง โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง เอดส์ เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ภาวะน้ำหนักเกินและโรคอ้วน เป็นต้น.

ความเสี่ยงด้านสุขภาพ เช่น การสูบบุหรี่ การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ การขาดการออกกำลังกาย การบริโภคอาหารที่ไม่เหมาะสม การมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ปลอดภัย ความเครียด การแตกสลายและความรุนแรงของครอบครัวและชุมชน ความเสี่ยงจากการทำงาน เป็นต้น.

เพื่อประเมินภาระโรคได้ถูกต้อง ทันสมัยและใช้วางแผนในการป้องกันและควบคุมโรค ควรมีระบบข้อมูลที่สามารถเชื่อมโยงได้อย่างทั่วถึงทั้งประเทศ.

♦ ลดความเสี่ยงและสิ่งคุกคามต่อสุขภาพ รวมทั้งการส่งเสริมสุขภาพและ การป้องกันโรค โดยส่งเสริมกระบวนการสร้างเสริมสุขภาพบนหลักการของ "สังคม เข้มแข็ง" (สนับสนุนให้ประชาชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และทุกภาคส่วนของสังคมเข้ามีส่วนร่วมในการพัฒนาสุขภาพตนเองอย่างแข็งขัน) และการสร้างระบบและกลไกในการป้องกันและควบคุมโรคอย่างมีประสิทธิภาพและกระจายทั่วถึง.

♦ พัฒนาเครือข่ายระบบบริการสุขภาพ
โดยให้มีความเชื่อมโยงตั้งแต่บริการระดับปฐมภูมิ ทุติยภูมิ จนถึงตติยภูมิ. ประสานความร่วมมือและใช้ทรัพยากรร่วมกันระหว่างหน่วยงานของรัฐ (กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงกลาโหม และกระทรวงมหาดไทย) และภาคเอกชน, จัดระบบการส่งต่อผู้ป่วยอย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งจัดระบบการเงินการคลังด้านสุขภาพที่เหมาะสม.

ในระดับชุมชน
(เช่น ตำบลหรือชุมชนที่มีประชากร 5,000-10,000 คน) ควรมีสถานบริการระดับปฐมภูมิ (primary care) ที่ให้บริการสาธารณสุขขั้นจำเป็นพื้นฐาน (basic essential care) แก่ประชากรกลุ่มวัยต่างๆ อย่างเป็นองค์รวม ผสมผสาน และต่อเนื่อง โดยบุคลากรมีความเข้าใจ-เข้าถึงและความสัมพันธ์ที่ดีกับบุคคล ครอบครัว และชุมชนอย่างแนบแน่น สามารถดูแลประชาชนด้วยหัวใจของความเป็นมนุษย์ ตลอดทั้งส่งเสริมสนับสนุนให้ชุมชนสามารถดูแลสุขภาพตนเอง (ทั้งในคนปกติ กลุ่มเสี่ยง ผู้ที่เจ็บป่วย ผู้พิการ และผู้ป่วยระยะสุดท้าย). รัฐควรสนับสนุนกำลังคนและทรัพยากรให้การบริการปฐมภูมิมีความเข้มแข็งและเป็นที่พึ่งพิงอันเชื่อถือได้และใกล้ชิดของประชาชน.

ในระดับอำเภอ
อาจมีรูปแบบการให้บริการได้แตกต่างกันตามจำนวนประชากร และความเจริญทางโครงสร้างพื้นฐาน (infrastructure) กล่าวคือ อำเภอที่มีประชากรน้อยและอยู่ใกล้อำเภอใหญ่ก็ไม่จำเป็นต้องมีโรงพยาบาลรองรับ แต่ควรสร้าง "ศูนย์แพทย์ชุมชน" ที่มีแพทย์และพยาบาลเวชศาสตร์ครอบครัวรับผิดชอบ ดูแลสุขภาพของชุมชนตามหลักการบริการปฐมภูมิ (ครอบคลุมทั้งการส่งเสริมสุขภาพ ป้องกันโรค ตรวจกรองโรคระยะแรก การรักษาพยาบาลและการฟื้นฟูสภาพ).

อำเภอขนาดกลาง ควรมีโรงพยาบาลชุมชนที่เน้นการให้บริการระดับ ปฐมภูมิและโรคที่ไม่ซับซ้อนมาก แต่ต้องการการตรวจวินิจฉัยทางห้องปฏิบัติ และการรับผู้ป่วยไว้ดูแลในโรงพยาบาลระยะสั้น.

ส่วนอำเภอขนาดใหญ่และอยู่ห่างไกลจากตัวจังหวัด ควรมีโรงพยาบาลทั่วไปขนาดเล็กถึงปานกลางที่เน้นการให้บริการระดับทุติยภูมิที่มีแพทย์เฉพาะทางสาขาหลัก (รวมทั้งจิตแพทย์).

ในระดับจังหวัด ถ้าเป็นจังหวัดขนาดเล็กถึงปานกลาง ควรมีโรงพยาบาลทั่วไปขนาดเล็กถึงปานกลางที่เน้นการให้บริการระกับทุติยภูมิที่มีแพทย์เฉพาะทางสาขาหลัก.

ถ้าเป็นจังหวัดขนาดใหญ่ ควรมีโรงพยาบาลศูนย์ที่เน้นการให้บริการระดับตติยภูมิที่มีแพทย์เฉพาะทางสาขาหลักและสาขาย่อย รวมทั้งทรัพยากรและเทคโนโลยีที่สามารถดูแลผู้ป่วยที่ซับซ้อน เช่น มะเร็ง โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง การบาดเจ็บรุนแรง (เช่น การบาดเจ็บที่ศีรษะ) เป็นต้น.

ทั้งนี้ควรทำ mapping ตามสภาพภูมิศาสตร์และเส้นทางคมนาคม เพื่อกำหนดจำนวนและจุดที่ตั้งของสถานบริการทุกระดับ โดยเน้นความเชื่อมโยงเป็นเครือข่ายในระดับเขต (กลุ่มจังหวัดกลุ่มละ 3-5 จังหวัด) โดยมีโรงพยาบาลศูนย์เป็นแม่ข่าย ซึ่งควรกระจายอย่างทั่วถึงให้ผู้ป่วยโรคซับซ้อนจากชนบทห่างไกลเข้าถึงได้ง่าย ไม่ต้องเสียเวลาและสิ้นเปลืองในการเดินทางไปยังส่วนกลางหรือโรงพยาบาลตติยภูมิที่ห่างไกล ดังเช่นปัจจุบัน.

ประเทศควรมีแผนพัฒนาระบบบริการระดับชาติที่ระบุจำนวนและการกระจายตัวของสถานบริการระดับต่างๆ ทั่วประเทศและแผนกำลังคนด้านสุขภาพที่ระบุถึงความต้องการและการพัฒนากำลังคนในสาขาต่างๆ เช่น สถานบริการระดับปฐมภูมิ นอกจากแพทย์ พยาบาล/เจ้าหน้าที่สาธารณสุข ทันตสาธารณสุขแล้ว อาจต้องมีเภสัชกรหรือผู้ช่วยเภสัชกร นักจิตวิทยา นักสุขศึกษา นักกายภาพบำบัดหรือผู้ช่วย เป็นต้น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความหนาแน่นของประชากร ภาระโรค และการอยู่ห่างจากสถานบริการระดับสูง.

♦ เมื่อมีแผนกำลังคนที่ชัดเจน สถาบันผลิตบุคลากรก็ควรเร่งผลิตบุคลากรตามความต้องการโดยมีการปฏิรูปหลักสูตร กระบวนการคัดเลือกคนที่เข้าเรียน กระบวนการเรียนการสอนและการประเมินผลที่เน้นวิชาการควบคู่กับคุณธรรมจริยธรรม (ความเป็นมุนษย์) โดยเฉพาะอย่างยิ่งจะต้องมุ่งผลิตบุคลากรที่มีใจรักชุมชนและสามารถปฏิบัติงานอยู่ในชุมชนได้อย่างมีความสุข นอกจากนี้รัฐบาลอาจต้องให้ทุนแก่ชาวชนบทเข้าเรียน และสร้างพันธะในการปฏิบัติงานในถิ่นบ้านเกิดอย่างยาวนานดังเช่น ที่ปฏิบัติกันในยุคก่อน.

♦ จะต้องมีแผนพัฒนากำลังอย่างชัดเจน ทั้งในด้านความก้าวหน้าทางวิชาการ ตำแหน่ง ค่าตอบแทน (ควรเน้นค่าตอบแทนสำหรับการปฏิบัติงานในที่ห่างไกล ทุรกันดาร และค่าตอบแทนตามผลงาน) เพื่อให้บุคลากรสามารถปฏิบัติอยู่ในชุมชนได้อย่างยาวนานและมีความสุขความพอใจในการดำรงชีวิตในชุมชน.

กล่าวโดยสรุป จะต้องให้ทุกภาคส่วนร่วมกันจัดทำแผนพัฒนาระบบบริการตาม ภาระโรค และความเสี่ยงด้านสุขภาพของคนไทย พร้อมๆ กับแผนผลิตและพัฒนากำลังคนด้านสุขภาพที่สอดคล้องกัน. รัฐบาลควรให้ความสำคัญแก่แผนกำลังคนอย่างจริงจัง เพราะถ้าขาดแคลนบุคลากร (ดังเช่นปัจจุบัน) ต่อให้มีนโยบายและแผนพัฒนาระบบบริการสวยหรูเพียงใด ก็อาจสะดุดหรือล้มเหลวได้.

 

ป้ายคำ:
  • คุยสุขภาพ
  • บทบรรณาธิการ
  • รศ.นพ.สุรเกียรติ อาชานานุภาพ
  • อ่าน 3,845 ครั้ง
  • พิมพ์หน้านี้พิมพ์หน้านี้

ข้อมูลสื่อ

285-004
วารสารคลินิก 285
กันยายน 2551
บทบรรณาธิการ
รศ.นพ.สุรเกียรติ อาชานานุภาพ
Skip to Top

บทความสุขภาพน่ารู้

  • ทั้งหมด
  • การแพทย์ทางเลือก
    • แพทย์แผนไทย
      • กดจุด
      • นวดไทย
    • แพทย์แผนจีน
  • ดูแลสุขภาพ
    • การดูแลผู้สูงอายุ
    • การปฐมพยาบาล
    • การรักษาเบื้องต้น
    • การใช้ยาสมุนไพร
    • คู่มือดูแลสุขภาพ
    • ยาและวิธีใช้
    • ตรวจสุขภาพด้วยตัวเอง
      • คำนวณค่า BMI
      • วินิจฉัยโรคเบื้องต้น
      • แนะนำการตรวจสุขภาพประจำปี
    • คุยสุขภาพ
      • กรณีศึกษา
      • ถามตอบปัญหาสุขภาพ
  • สุขภาพทางเพศและครอบครัว
    • การดูแลบุตร
    • แม่และเด็ก
    • การตั้งครรภ์
    • เรียนรู้เรื่องเพศและการวางแผนครอบครัว
  • สร้างเสริมสุขภาพ 3 อ. ​และป้องกันโรค
    • อาหาร
      • อาหาร 5 หมู่
      • อาหารของผู้่ป่วยโรคเรื้อรัง
        • ความดันสูง
        • หัวใจ
        • เกาต์
        • เบาหวาน
      • อาหารที่ควรหลีกเลี่ยง
      • อาหารป้องกันมะเร็ง
      • อาหารสมุนไพร
    • ออกกำลังกาย
      • วิ่ง เดิน ปั่นจักรยาน ว่ายน้ำ แอร์โรบิค แอร์โรบอคซิ่ง รำกระบอง ไทเก็ก ชี่กง โยคะ
    • อารมณ์
      • การทำสมาธิ
      • การพักผ่อน
      • การพัฒนา EQ
      • จิตอาสา/ ฉือจี้
  • พฤติกรรมอันตราย
    • พฤติกรรมเสี่ยงต่อสุขภาพ
    • อนามัยสิ่งแวดล้อม
    • อิริยาบถ
  • โรคและอาการ
    • โรคเรื้อรัง
      • กลุ่มอาการเมตาโบลิค
      • ความดันโลหิตสูง
      • ถุงลมปอดโป่งพอง
      • มะเร็ง
      • อัมพฤกษ์ อัมพาต
      • เบาหวาน
      • โรคข้อ/เกาต์
      • โรคทางจิตเวช เครียด หวาดระแวง
      • โรคหวัด ภูมิแพ้
      • โรคหัวใจ
      • โรคหืด
      • ไขมันในเลือดสูง/ผิดปกติ
      • ไตวาย
    • โรคตามระบบ
      • ระบบทางเดินอาหาร
      • โรคจากอุบัติเหตุ สารพิษ และสัตว์พิษ
      • โรคช่องปากและฟัน
      • โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
      • โรคติดเชื้อ
      • โรคผิวหนัง
      • โรคพยาธิ
      • โรคระบบกระดูกและกล้ามเนื้อ
      • โรคระบบต่อมไร้ท่อ
      • โรคระบบทางอวัยวะเพศชาย
      • โรคระบบทางอวัยวะเพศหญิง
      • โรคระบบทางเดินปัสสาวะ
      • โรคระบบทางเดินหายใจ
      • โรคระบบประสาทและสมอง
      • โรคระบบไหลเวียนโลหิต
      • โรคหู ตา คอ จมูก
    • โรคจากการทำงาน
      • พิษภัยจากสารเคมี (ยาฆ่าเมลง/ สารตะกั่ว)
      • โรคจากฝุ่นและสารเคมีในโรงงาน
      • โรคจากสัตว์ เช่น ฉี่หนู
      • โรคจากอริยาบทที่ผิดสุขลักษณะ
      • โรคเส้นเอ็นอักเสบ/ นิ้วล็อค
  • ทันกระแสสุขภาพ
  • คลังความรู้สื่อสังคมออนไลน์
  • อื่น ๆ

ได้รับความนิยม

  • นม
  • ถั่วพู
  • คนท้อง
  • ธาลัสซีเมีย
  • ผู้สูงอายุ
  • ผักพื้นบ้าน
  • สมุนไพร

แผนผังเว็บไซต์

  • หน้าแรก
  • ดูแลสุขภาพด้วยตัวเอง
  • บทความสุขภาพน่ารู้
  • สื่อสุขภาพ
  • คำถามสุขภาพ
  • ข่าวสาร
  • ติดต่อหมอชาวบ้าน
  • ข้อปฏิเสธความรับผิดชอบ

รวมลิงค์เครือข่าย

  • มูลนิธิหมอชาวบ้าน
  • สำนักพิมพ์หมอชาวบ้าน
  • สถาบันโยคะวิชาการ

สื่อสุขภาพ

  • คลิปสุขภาพ
  • หมอชาวบ้านรายเดือน
  • คลินิกรายเดือน
  • จดหมายข่าวย้อนหลัง
  • feed หมอชาวบ้าน
  • facebook หมอชาวบ้าน
  • youtube หมอชาวบ้าน
  • feed หมอชาวบ้าน
  • facebook หมอชาวบ้าน
  • twitter หมอชาวบ้าน
  • youtube หมอชาวบ้าน
สนับสนุนโดย สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)< และสถาบัน ChangeFusion< พัฒนาระบบโดย Opendream< สัญญาอนุญาต cc by-nc-sa <