Skip to main content
ข้อมูลสุขภาพ มูลนิธิหมอชาวบ้าน
menu

Login Pop

  • เข้าสู่ระบบ
    • ลืมรหัสผ่าน
search
  • เว็บหลักหมอชาวบ้าน
  • สำนักพิมพ์หมอชาวบ้าน
  • มูลนิธิหมอชาวบ้าน
  • หน้าแรก
  • ดูแลสุขภาพด้วยตัวเอง
  • บทความสุขภาพน่ารู้
  • สื่อสุขภาพ
  • คำถามสุขภาพ
  • ข่าวสาร
  • ติดต่อหมอชาวบ้าน
  • ข้อปฏิเสธความรับผิดชอบ
หน้าแรก » บทความสุขภาพน่ารู้ » เมื่อแพทย์ไม่ต้องถูกจำคุก
  • ขนาดตัวอักษร  Normal size text | Increase text size by 10% | Increase text size by 20% | Increase text size by 30%

เมื่อแพทย์ไม่ต้องถูกจำคุก

โพสโดย Anonymous เมื่อ 1 ตุลาคม 2551 00:00

วันที่ 6 ธันวาคม 2550 ศาลจังหวัดทุ่งสงได้มีคำพิพากษาจำคุกแพทย์โรงพยาบาลร่อนพิบูลย์ 3 ปี โดยไม่รอลงอาญา จากการฉีดยาเข้าช่องไขสันหลังผู้ป่วยเพื่อระงับความรู้สึกในการเตรียมผ่าตัดไส้ติ่ง แล้วผู้ป่วยหัวใจหยุดเต้น และเสียชีวิตในเวลาต่อมาอีก 16 วัน ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 291 ที่บัญญัติว่า ผู้ใดกระทำโดยประมาทและการกระทำนั้นเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี และปรับไม่เกินสองหมื่นบาท. ต่อมาเมื่อวันที่ 11 กันยายน 2551 ศาลอุทธรณ์ได้มีคำพิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง โดยศาลเชื่อถือคำเบิกความของพยานผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งเป็นประธานราชวิทยาลัยวิสัญญีแพทย์แห่งประเทศไทย ทำให้แพทย์หญิงของโรงพยาบาลร่อนพิบูลย์ไม่มีความผิดและไม่ต้องรับโทษทางอาญาแล้ว.

ในการปฏิบัติหน้าที่ของแพทย์เป็นการกระทำต่อชีวิตและร่างก่ายมนุษย์ ซึ่งมีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดภาวะอันไม่พึงประสงค์โดยไม่คาดคิดขึ้นได้เสมอ แม้ผู้ประกอบวิชาชีพจะได้ใช้ความระมัดระวังตามวิสัยและพฤติการณ์อย่างสูงแล้วก็ตาม การที่จะพิจารณาว่าผู้ประกอบวิชาชีพจะมีความผิดและต้องรับโทษทางอาญาหรือไม่จำเป็นต้องใช้ความรู้ทางวิชาการเฉพาะสาขาที่มีความสลับซับซ้อนมาก ซึ่งมีความก้าวหน้าและมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา.

ดังนั้น ในกรณีที่มีความเสียหายเกิดขึ้นจากการประกอบวิชาชีพด้านสุขภาพโดยไม่ได้เจตนา จึงไม่ควรใช้ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 291 มาตรา 300 และมาตรา 390 ที่ใช้สำหรับความผิดทั่วไปมาใช้บังคับลงโทษผู้ประกอบวิชาชีพด้านสุขภาพ แต่ควรมีกฎหมายพิเศษที่มีบทกำหนดความผิดบทกำหนดโทษและวิธีพิจารณาความแยกออกมาต่างหากเพื่อให้มีความคุ้มครองทั้งผู้ประกอบวิชาชีพด้านสุขภาพและประชาชนตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2550 มาตรา 80 (2) และเนื่องจากในปัจจุบันปัญหาการฟ้องร้องแพทย์ได้ทวีความรุนแรงขึ้นอย่างน่าวิตกทำให้เกิดผลกระทบใน วงกว้างและก่อให้เกิดความเสียหายดังต่อไปนี้คือ

1. แพทย์เปลี่ยนอาชีพโดยหาทางไปประกอบวิชาชีพอื่น เช่น ผู้พิพากษา อัยการ นักธุรกิจ เป็นต้น
2. แพทย์ลาออกจากระบบราชการโดยเฉพาะแพทย์ของกระทรวงสาธารณสุข ในแต่ละปีได้ลาออกเป็นจำนวนมาก เนื่องจากงานหนัก และค่าตอบแทนต่ำกว่าในภาคเอกชนมาก อีกทั้งยังมีความเสี่ยงสูงโดยเฉพาะอย่างยิ่งแพทย์ที่ประจำอยู่ตามโรงพยาบาลอำเภอ ซึ่งขาดทั้งกำลังคน และเครื่องมือทำให้มีความเสี่ยงต่อการถูกฟ้องร้องดำเนินคดีอาญาเพราะในกฎหมายปัจจุบัน เมื่อเกิดภาวะแทรกซ้อนอันไม่ พึงประสงค์เกิดขึ้นกับผู้ป่วย แพทย์จะถูกดำเนินคดีอาญาในลักษณะเดียวกับการกระทำผิดอย่างอื่น เช่น ขับรถชนคนตาย.
3. แพทย์ขาดความกล้าหาญในการทำงานโดยเฉพาะอย่างยิ่งแพทย์ที่อยู่ในที่ห่างไกล เช่น โรงพยาบาลอำเภอ อาจไม่กล้ารักษาผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงสูง เช่น ผู้ป่วยที่มีโอกาสเสียชีวิตร้อยละ 70 แพทย์อาจไม่กล้าตัดสินใจผ่าตัดผู้ป่วย เนื่องจากหากเสียชีวิต ตนเองอาจต้องรับโทษทางอาญาถึงขั้นติดคุก (ซึ่งในปัจจุบันมีคดีที่แพทย์ถูกศาลชั้นต้นสั่งจำคุกโดยไม่รอลงอาญาหลายคนแล้ว โดยขณะนี้คดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์) ทำให้แพทย์จำเป็นต้องลดความเสี่ยงของตนเอง โดยการส่งต่อผู้ป่วยไปยังโรงพยาบาลจังหวัดทำให้ผู้ป่วยอาจมีโอกาสเสียชีวิตได้สูงขึ้นจากการรักษาที่ล่าช้าไม่ทันการ.
4. นักศึกษาแพทย์ลาออกระหว่างการเรียน เพื่อไปเรียนวิชาอื่นๆ รวมทั้งผู้สมัครสอบเข้าเรียนแพทย์ที่สอบได้แล้วมีการสละสิทธิ์ถึงร้อยละ 20 จนต้องเรียกผู้ได้คะแนนสำรองถึงสามรอบ ซึ่งต่างกับในอดีตที่แย่งกันเข้าเรียนเป็นอันดับหนึ่งมาโดยตลอด ทั้งนี้เพราะกลัวปัญหาการฟ้องร้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในคดีอาญา.
5. ประชาชนมีความเสี่ยงมากขึ้น เนื่องจากแพทย์ไม่กล้าตัดสินใจรักษาผู้ป่วยทำให้ต้องถูกส่งไปยังโรงพยาบาลที่มีศักยภาพสูงกว่า โดยโรงพยาบาลอำเภอส่งไปยังโรงพยาบาลจังหวัด โรงพยาบาลจังหวัดส่งต่อไปยังโรงพยาบาลในกรุงเทพมหานคร และผู้ป่วยจะมีความเสี่ยงต่อความตายสูงขึ้นหากอยู่ในภาวะวิกฤต. อีกประการหนึ่ง แพทย์อาจเกิดความกลัวมากจนจำเป็นต้องประกอบวิชาชีพโดยวิธีป้องกันตนเองไว้ก่อน เช่น ผู้ป่วยมาด้วยอาการปวดศีรษะครั้งแรก ก็อาจจะส่งตรวจคอมพิวเตอร์สมองไว้ก่อนเพราะถ้าหากเป็นเนื้องอกในสมอง (ซึ่งมีโอกาสเป็นน้อยมาก) ซึ่งถ้าหากเป็นจริงแล้วไม่ส่งตรวจไว้ตั้งแต่แรกก็อาจถูกฟ้องร้องได้.

ด้วยเหตุผลดังกล่าวข้างต้นทำให้เกิดวิกฤตความสัมพันธ์ระหว่างแพทย์กับผู้ป่วยเกิดความไม่ไว้วางใจกันซึ่งเป็นการสูญเสียหลักการสำคัญของความจำเป็นในการรักษาพยาบาล ในที่สุดจะทำให้เกิดเป็นวงจรที่แก้ไขไม่ได้ ซึ่งจะสร้างความเสียหายต่อระบบสาธารณสุขทั้งประเทศ ดังนั้น จึงมีความจำเป็นต้องแก้ไข โดยการสร้างกฎหมายใหม่ขึ้น เพื่อให้มีการคุ้มครองประชาชนและให้แพทย์มีความมั่นใจในการปฏิบัติหน้าที่ดูแลรักษาและช่วยชีวิตประชาชน เพราะไม่มีทางที่จะแยกออกจากกันได้ เนื่องจากแพทย์ทุกคน ก็คือลูกหลานประชาชน และแพทย์เองก็ย่อมมีครอบครัว ญาติ พี่ น้อง ซึ่งต่างก็เป็นประชาชนคนไทยด้วยกันทั้งสิ้น.

อำนาจ กุสลานันท์ พ.บ.
น.บ., น.บ.ท.,
ว.ว. (นิติเวชศาสตร์)
ศาสตราจารย์คลินิก
เลขาธิการแพทยสภา

 

ป้ายคำ:
  • คุยสุขภาพ
  • อื่น ๆ
  • ข่าวสารจากเลขาธิการแพทยสภา
  • นพ.อำนาจ กุสลานันท์
  • อ่าน 3,549 ครั้ง
  • พิมพ์หน้านี้พิมพ์หน้านี้

ข้อมูลสื่อ

286-018
วารสารคลินิก 286
ตุลาคม 2551
ข่าวสารจากเลขาธิการแพทยสภา
นพ.อำนาจ กุสลานันท์
Skip to Top

บทความสุขภาพน่ารู้

  • ทั้งหมด
  • การแพทย์ทางเลือก
    • แพทย์แผนไทย
      • กดจุด
      • นวดไทย
    • แพทย์แผนจีน
  • ดูแลสุขภาพ
    • การดูแลผู้สูงอายุ
    • การปฐมพยาบาล
    • การรักษาเบื้องต้น
    • การใช้ยาสมุนไพร
    • คู่มือดูแลสุขภาพ
    • ยาและวิธีใช้
    • ตรวจสุขภาพด้วยตัวเอง
      • คำนวณค่า BMI
      • วินิจฉัยโรคเบื้องต้น
      • แนะนำการตรวจสุขภาพประจำปี
    • คุยสุขภาพ
      • กรณีศึกษา
      • ถามตอบปัญหาสุขภาพ
  • สุขภาพทางเพศและครอบครัว
    • การดูแลบุตร
    • แม่และเด็ก
    • การตั้งครรภ์
    • เรียนรู้เรื่องเพศและการวางแผนครอบครัว
  • สร้างเสริมสุขภาพ 3 อ. ​และป้องกันโรค
    • อาหาร
      • อาหาร 5 หมู่
      • อาหารของผู้่ป่วยโรคเรื้อรัง
        • ความดันสูง
        • หัวใจ
        • เกาต์
        • เบาหวาน
      • อาหารที่ควรหลีกเลี่ยง
      • อาหารป้องกันมะเร็ง
      • อาหารสมุนไพร
    • ออกกำลังกาย
      • วิ่ง เดิน ปั่นจักรยาน ว่ายน้ำ แอร์โรบิค แอร์โรบอคซิ่ง รำกระบอง ไทเก็ก ชี่กง โยคะ
    • อารมณ์
      • การทำสมาธิ
      • การพักผ่อน
      • การพัฒนา EQ
      • จิตอาสา/ ฉือจี้
  • พฤติกรรมอันตราย
    • พฤติกรรมเสี่ยงต่อสุขภาพ
    • อนามัยสิ่งแวดล้อม
    • อิริยาบถ
  • โรคและอาการ
    • โรคเรื้อรัง
      • กลุ่มอาการเมตาโบลิค
      • ความดันโลหิตสูง
      • ถุงลมปอดโป่งพอง
      • มะเร็ง
      • อัมพฤกษ์ อัมพาต
      • เบาหวาน
      • โรคข้อ/เกาต์
      • โรคทางจิตเวช เครียด หวาดระแวง
      • โรคหวัด ภูมิแพ้
      • โรคหัวใจ
      • โรคหืด
      • ไขมันในเลือดสูง/ผิดปกติ
      • ไตวาย
    • โรคตามระบบ
      • ระบบทางเดินอาหาร
      • โรคจากอุบัติเหตุ สารพิษ และสัตว์พิษ
      • โรคช่องปากและฟัน
      • โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
      • โรคติดเชื้อ
      • โรคผิวหนัง
      • โรคพยาธิ
      • โรคระบบกระดูกและกล้ามเนื้อ
      • โรคระบบต่อมไร้ท่อ
      • โรคระบบทางอวัยวะเพศชาย
      • โรคระบบทางอวัยวะเพศหญิง
      • โรคระบบทางเดินปัสสาวะ
      • โรคระบบทางเดินหายใจ
      • โรคระบบประสาทและสมอง
      • โรคระบบไหลเวียนโลหิต
      • โรคหู ตา คอ จมูก
    • โรคจากการทำงาน
      • พิษภัยจากสารเคมี (ยาฆ่าเมลง/ สารตะกั่ว)
      • โรคจากฝุ่นและสารเคมีในโรงงาน
      • โรคจากสัตว์ เช่น ฉี่หนู
      • โรคจากอริยาบทที่ผิดสุขลักษณะ
      • โรคเส้นเอ็นอักเสบ/ นิ้วล็อค
  • ทันกระแสสุขภาพ
  • คลังความรู้สื่อสังคมออนไลน์
  • อื่น ๆ

ได้รับความนิยม

  • นม
  • ถั่วพู
  • คนท้อง
  • ธาลัสซีเมีย
  • ผู้สูงอายุ
  • ผักพื้นบ้าน
  • สมุนไพร

แผนผังเว็บไซต์

  • หน้าแรก
  • ดูแลสุขภาพด้วยตัวเอง
  • บทความสุขภาพน่ารู้
  • สื่อสุขภาพ
  • คำถามสุขภาพ
  • ข่าวสาร
  • ติดต่อหมอชาวบ้าน
  • ข้อปฏิเสธความรับผิดชอบ

รวมลิงค์เครือข่าย

  • มูลนิธิหมอชาวบ้าน
  • สำนักพิมพ์หมอชาวบ้าน
  • สถาบันโยคะวิชาการ

สื่อสุขภาพ

  • คลิปสุขภาพ
  • หมอชาวบ้านรายเดือน
  • คลินิกรายเดือน
  • จดหมายข่าวย้อนหลัง
  • feed หมอชาวบ้าน
  • facebook หมอชาวบ้าน
  • youtube หมอชาวบ้าน
  • feed หมอชาวบ้าน
  • facebook หมอชาวบ้าน
  • twitter หมอชาวบ้าน
  • youtube หมอชาวบ้าน
สนับสนุนโดย สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และสถาบัน ChangeFusion พัฒนาระบบโดย Opendream สัญญาอนุญาต cc by-nc-sa