"ตอนจบแพทย์ใหม่ๆ ทำงานอยู่โรงพยาบาล 10 เตียง ต่อมาขยายเป็นโรงพยาบาลขนาด 30, 60 และ 90 เตียง ตามลำดับ รู้สึกว่าความสุขในการทำงานก็น้อยลงตามลำดับ หลายเดือนมานี้ เมื่อได้ลงมาทำงานที่ศูนย์แพทย์ชุมชนแห่งนี้ ได้ดูผู้ป่วยแบบองค์รวม ได้ออกไปเยี่ยมบ้านร่วมกับทีมงาน ทำให้ได้เรียนรู้งานเวชศาสตร์ครอบครัวได้อย่างลึกซึ้ง และมีความสุข......"
นั่นคือ ความในใจของ คุณหมอวศิน โพธิพฤกษ์ ที่ได้กล่าวต่อหน้าคณะเยี่ยมเยียนจาก สปสช. ซึ่งมีนายแพทย์อุทัย สุดสุข อดีตปลัดกระทรวงสาธารณสุขเป็นผู้นำคณะที่ได้แวะมาดูงาน และให้กำลังใจแก่ทีมงานที่ศูนย์แพทย์ชุมชนตลุกดู่ อำเภอทัพทัน จังหวัดอุทัยธานี เมื่อกลางเดือนมีนาคม ที่ผ่านมา.
ศูนย์แพทย์ชุมชนแห่งนี้ แต่เดิมเป็นสถานีอนามัย ซึ่งอยู่ในเขตชนบท. เมื่อปี 2544 ได้ยกเป็นศูนย์สุขภาพชุมชน (PCU) และเมื่อปลายปี 2549 ได้ยกเป็นศูนย์แพทย์ชุมชน ซึ่งมีแพทย์จากโรงพยาบาลทัพทัน (คุณหมอวศิน) ออกมาอยู่ประจำ ตามโครงการสนับสนุนของสปสช. คุณหมอนอกจากตรวจรักษาผู้ป่วยทั่วไปและกลุ่มโรคเรื้อรัง ได้แก่ เบาหวาน ความดันโลหิตสูง โดยมีเวลาพูดคุยและปฏิสัมพันธ์กับผู้ป่วยและญาติอย่างใกล้ชิดแล้ว ช่วงบ่ายยังได้ออกไปเยี่ยมบ้านผู้ป่วยกับทีมงาน เช่น ผู้ป่วยจิตเวช มะเร็งต่อมลูกหมากระยะสุดท้าย เด็กที่เป็นโรคลิ้นหัวใจพิการ เป็นต้น.
การเยี่ยมบ้านดูเหมือนจะเป็นบทบาทใหม่ของคุณหมอ ซึ่งเมื่อทำงานที่โรงพยาบาล แทบไม่เคยออกไปเยี่ยมบ้านเลย ทำให้เรียนรู้ชีวิตของผู้ป่วยอย่างเป็นองค์รวม และเข้าใจศาสตร์ของวิชาเวชศาสตร์ครอบครัวได้ลึกซึ้งมากกว่าการอ่านจากหนังสือเป็นไหนๆ. คุณหมอกล่าวว่าเนื่องจากทีมงานที่มีความสัมพันธ์กับชาวบ้านมาช้านาน เข้าใจและเข้าถึงชาวบ้านเป็นอย่างดี จึงทำให้คุณหมอทำงานได้ง่ายและสบายใจ.
ทีมงานต่างรู้สึกมีคุณค่า และมีความสุขในการดูแลประชาชนในเขตรับผิดชอบ ประมาณ 10,000 คน. การมีแพทย์อยู่ประจำช่วยให้ผู้ป่วยโดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ป่วยโรคเรื้อรังเข้าถึงบริการได้ง่าย และใกล้ชิดกับแพทย์ผู้รักษาไม่ต้องเสียเงินเสียเวลาเดินทางไปถึงโรงพยาบาล.
นอกจากนี้ เทศบาล (โดยนายกเทศมนตรี) ก็ได้ให้การสนับสนุนงานของศูนย์แพทย์ชุมชนแห่งนี้อย่างเต็มที่ เช่น จัดงบประมาณพัฒนางานหลายด้าน และจัดรถนำส่งผู้ป่วยไปโรงพยาบาลโดยมีบริการให้ตลอด 24 ชั่วโมง รวมทั้งมีโครงการให้ทุนนักเรียนในท้องถิ่นไปเรียนพยาบาลและให้เงินช่วยเหลือผู้สูงอายุ.
สปสช. ได้ผลักดันให้เกิดโครงการนำร่องในการให้มีแพทย์ลงไปประจำที่ศูนย์สุขภาพชุมชน (PCU) โดยเรียกว่า ศูนย์แพทย์ชุมชน (community medical unit หรือ CMU) ขณะนี้มีอยู่ประมาณ 200 แห่งทั่วประเทศ.
ปัญหาที่พบก็คือ การขาดแคลนแพทย์ที่จะลงไปประจำที่ศูนย์แพทย์ชุมชน ส่วนใหญ่ต้องดึงไปจากโรงพยาบาลชุมชน ซึ่งก็มีปัญหาแพทย์ไม่พออยู่แล้ว. นายแพทย์ปรารถดี ประสงค์ดี ผู้อำนวยการโรงพยาบาลทัพทัน ซึ่งส่งแพทย์ 2 คน (จากที่มีอยู่ 6 คนสำหรับโรงพยาบาลขนาด 90 เตียง) ก็ตระหนักถึงปัญหานี้และคาดการณ์ว่า ในอนาคตโรงพยาบาลมีปัญหาขาดแพทย์ ก็คงไม่สามารถส่งแพทย์ไปประจำที่ศูนย์แพทย์ชุมชนได้.
ที่จังหวัดระยอง ซึ่งคณะจากสปสช. ได้ลงไปเยี่ยมเยียนในช่วงปลายเดือนมีนาคม ได้เห็นรูปแบบการใช้แพทย์อาวุโสลงไปช่วยงานที่ศูนย์แพทย์ชุมชน. ที่นั่นมี นายแพทย์ฉลอง ควรหา อดีตรองปลัดกระทรวงสาธารณสุข ปัจจุบันอายุ 70 ปี หลังเกษียณอายุได้กลับมาอยู่บ้านที่อำเภอแกลง ได้มาช่วยพัฒนางานของศูนย์สุขภาพชุมชน และศูนย์แพทย์ชุมชนหลายแห่ง และขณะนี้ได้มาเป็นแพทย์ประจำที่ศูนย์แพทย์ชุมชน ตำบลคลองปูน อำเภอแกลง ระยอง ซึ่งดูแลประชากร 18,000 คน. นอกจากช่วยตรวจผู้ป่วยแล้ว ท่านยังได้ช่วยจัดระบบงาน ถ่ายทอดความรู้ให้พยาบาลเวชปฏิบัติและเจ้าหน้าที่สาธารณสุข เผยแพร่การใช้สมุนไพร สอนชาวบ้านทำปุ๋ยอินทรีย์และเกษตรปลอดสารพิษ.
โครงการนำร่องเรื่องศูนย์แพทย์ชุมชน ซึ่งมีรูปแบบหลากหลาย หากดำเนินไปสักระยะหนึ่ง ย่อมให้บทเรียนที่น่าสนใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการกำหนดทิศทางการพัฒนากำลังคนในอนาคต เช่น การผลิตแพทย์อาจจะต้องมีนวัตกรรมในการผลิตแพทย์เพื่อการทำงานที่ศูนย์แพทย์ชุมชน ซึ่งจะต้องมีการขยายตัวออกไปอย่างกว้างขวางในอนาคต.
- อ่าน 5,285 ครั้ง
- พิมพ์หน้านี้