Skip to main content
ข้อมูลสุขภาพ มูลนิธิหมอชาวบ้าน
menu

Login Pop

  • เข้าสู่ระบบ
    • ลืมรหัสผ่าน
search
  • เว็บหลักหมอชาวบ้าน
  • สำนักพิมพ์หมอชาวบ้าน
  • มูลนิธิหมอชาวบ้าน
  • หน้าแรก
  • ดูแลสุขภาพด้วยตัวเอง
  • บทความสุขภาพน่ารู้
  • สื่อสุขภาพ
  • คำถามสุขภาพ
  • ข่าวสาร
  • ติดต่อหมอชาวบ้าน
  • ข้อปฏิเสธความรับผิดชอบ
หน้าแรก » บทความสุขภาพน่ารู้ » การผ่าตัดด้วยคลื่นความถี่วิทยุ (Radiofrequency Ablation, RFA)
  • ขนาดตัวอักษร  Normal size text | Increase text size by 10% | Increase text size by 20% | Increase text size by 30%

การผ่าตัดด้วยคลื่นความถี่วิทยุ (Radiofrequency Ablation, RFA)

โพสโดย Anonymous เมื่อ 1 มิถุนายน 2550 00:00

การผ่าตัดด้วยคลื่นความถี่วิทยุ (Radiofrequency Ablation) หรือ RFA เป็นหนึ่งในวิธีการผ่าตัดโดยใช้ความร้อน (thermal ablation) เพื่อกำจัดหรือทำลายการทำงานของเนื้อเยื่อเป้าหมาย ในปัจจุบัน RFA กำลังได้รับความสนใจมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งในประเทศสหรัฐอเมริกาและประเทศในกลุ่มยุโรปโดยเป็นทางเลือกหนึ่งในการกำจัดเนื้อเยื่อมะเร็ง และในการแก้ไขภาวะหัวใจเต้นผิดปกติ (cardiac arrhythmia).

                                           
             

                                             

                                                                          
(ก)
    
          

    
          
                                                                            
(ข)

ภาพที่ 1.
ในการผ่าตัดด้วยคลื่นวิทยุ อิเล็กโทรดจะถูกสอดเข้าไปที่จุดที่ต้องการผ่านทางผิวหนัง (หรือสวนเข้าทางหลอดเลือด) เนื้อเยื่อเป้าหมายจะถูกทำลายด้วยความร้อนที่เกิดจากพลังงานจากคลื่นวิทยุที่บริเวณปลายของสายสวน (ก) เมื่อใช้อิเล็กโทรดแบบธรรมดา9 และ (ข) เมื่อใช้อิเล็กโทรดแบบกางได้.10







ภาพที่ 2.
อิเล็กโทรดทั้งแบบขั้วเดียวและแบบสองขั้วในรูปแบบต่างๆ กันเพื่อความเหมาะสมในการใช้งานที่แตกต่างกัน.11

หลักการทำงานของ RFA
คลื่นความถี่วิทยุใน RFA เกิดจากพลังงานไฟฟ้าที่ความถี่สูงประมาณ 500 kHz ถึง 1 MHz ส่งผ่านบริเวณปลายของอิเล็กโทรดที่สัมผัสอยู่กับเนื้อเยื่อที่ต้องการทำลาย ส่งผลให้ไอออนภายในเซลล์ที่สัมผัสกับอิเล็กโทรดเกิดการสั่นไปมา (agitation) และเกิดความร้อนจากการเสียดสี หรือ frictional heat ทำให้เซลล์นั้นๆ มีอุณหภูมิสูงขึ้นและเมื่ออุณหภูมิของเซลล์สูงถึงประมาณ 45 ถึง 50 องศาเซลเซียส โปรตีนที่จำเป็นต่อการมีชีวิตของเซลล์นั้นๆ จะแปลงสภาพ (denature) และเยื่อหุ้มเซลล์จะถูกทำลายเนื่องจากการหลอมละลายของไขมันที่ห่อหุ้มเซลล์ (lipid bilayer) สำหรับเซลล์ที่อยู่ถัดไปจากจุดที่สัมผัสกับอิเล็กโทรดก็จะมีอุณหภูมิสูงขึ้นด้วยโดยกระบวนการนำความร้อนจากเซลล์ที่สัมผัสกับอิเล็กโทรดโดยตรง ภาพที่ 1 แสดงขั้นตอนการทำงานของ RFA.

อิเล็กโทรดที่ใช้งานใน RFA นี้แบ่งได้เป็น 2 ประเภทคือ 1) อิเล็กโทรดแบบขั้วเดียว (monopolar electrode) และ 2) อิเล็กโทรดแบบสองขั้ว (bipolar electrode) ทั้ง 2 ประเภทยังแบ่งออกได้อีกหลายชนิดย่อยดังภาพที่ 2.

ในการผ่าตัดด้วย RFA รังสีแพทย์จะใช้เอกซเรย์ อัลตราซาวนด์ ซีทีสแกนหรือเอ็มอาร์ไอ ในการหาตำแหน่งที่ชัดเจนของเป้าหมายและช่วยให้แพทย์สามารถมองเห็นขั้นตอนในการรักษาได้ตลอดเวลา โดยไม่ต้องมีการผ่าตัดเปิดช่องอกหรือช่องท้อง.

สำหรับขนาดของรอยแผลจากการผ่าตัดด้วย วิธีนี้จะขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการเช่น 1) คุณสมบัติการนำความร้อนของเนื้อเยื่อนั้นๆ 2) คุณสมบัติการ พาความร้อนของเลือดที่ไหลผ่านบริเวณนั้นๆ 3) เวลา และกำลังงานที่ใช้ในการผ่าตัด 4) คุณสมบัติอื่นๆ ของเนื้อเยื่อและของเลือดในบริเวณที่มีการผ่าตัด 5) อิเล็กโทรดที่เลือกใช้และสภาพการสัมผัสของอิเล็กโทรดกับเนื้อเยื่อว่ามีความลึกเท่าไรและมีมุมในการสัมผัสเป็นอย่างไร ภาพที่ 3 แสดงรอยแผลที่เกิดจากการใช้ RFA.


                                               
              ภาพที่ 3.
รอยแผลที่เกิดจากการใช้คลื่นความถี่วิทยุในการทำลายเนื้อเยื่อปรากฏเป็นสีขาว.


                
                                      
 (ก)                                                                      (ข)
    ภาพที่ 4.
อุปกรณ์ที่ใช้ในการผ่าตัดด้วยคลื่นความถี่วิทยุสำหรับการแก้ไขความผิดปกติของจังหวะ
                     การเต้นของหัวใจ
                     (ก) อิเล็กโทรดรุ่น 7F ขนาด 4 มม. 
                     (ข) เครื่องกำเนิดไฟฟ้าคลื่นความถี่วิทยุ.

การใช้ RFA แก้ไขภาวะหัวใจเต้นผิดปกติ
การรักษาด้วย RFA สามารถทำได้โดยไม่ต้องมีการผ่าตัดเปิดช่องอก แต่ใช้อิเล็กโทรดแบบสายสวน (radiofrequency catheter electrode) สอดเข้าไปในหัวใจผ่านทางหลอดเลือดแดงบริเวณต้นขา (femoral vein) หรือหลอดเลือดดำใต้ไหปลาร้า (subclavian vein) หรือหลอดเลือดดำบริเวณลำคอ (jugular vein) แล้วจึงปล่อยพลังงานความถี่คลื่น วิทยุที่ออกทางปลายอิเล็กโทรดเพื่อทำลายเนื้อเยื่อเป้าหมายทำให้เกิดเป็นรอยแผลเป็นที่ผนังหัวใจซึ่งเป็นการตัดเส้นทางการเดินที่ผิดปกติของกระแสไฟฟ้าได้ ภาพที่ 4 แสดงอุปกรณ์ที่ใช้ในการผ่าตัดด้วย RFA เพื่อแก้ไขความผิดปกติของจังหวะการเต้น ของหัวใจ และภาพที่ 5 แสดงภาพการแก้ไขจังหวะการเต้นของหัวใจผิดปกติใช้อิเล็กโทรดสายสวน.

ด้วยวิธีการนี้ เนื่องจากไม่ต้องมีการผ่าตัดเปิดหน้าอก ทำให้มีความเสี่ยงในการติดเชื้อต่ำ มีการสูญเสียเลือดน้อย ใช้เวลาในการพักฟื้นในโรงพยาบาลหลังการผ่าตัดน้อยมาก อีกทั้งยังมีประสิทธิภาพในการรักษาทัดเทียมกับวิธี Maze operation ซึ่งนิยมใช้ในปัจจุบัน.

สำหรับผลของการใช้ RFA ในการแก้ไขความผิดปกติของจังหวะการเต้นของหัวใจนั้น ในกรณีของ PSVT แบบ fast pathway มีอัตราความสำเร็จในระยะยาว (long term success rate) อยู่ที่ประมาณ 82-96% มีอัตราการเกิดซ้ำ (recurrence rate) ประมาณ 5-14% มีการเกิด AV block แบบขั้นสูงที่ประมาณ 0-10% ส่วนกรณีของ PSVT แบบ slow pathway มีอัตราความสำเร็จในระยะยาวอยู่ที่ประมาณ 98-100% มีอัตราการเกิดซ้ำประมาณ 0-2% มีการเกิด AV block แบบขั้นสูงที่ประมาณ 0-1.3% ส่วนในกรณีของ AF มีอัตราความสำเร็จในระยะยาวอยู่ที่ประมาณ 98-100% มีอัตราการเสียชีวิตหลังจากการผ่าตัดที่ประมาณ 1-2 % เนื่องจากโรคหัวใจที่เป็นอยู่ ไม่ได้เกิดจากขั้นตอนการผ่าตัด ส่วนในกรณีของ VT มีอัตราความสำเร็จในระยะยาวอยู่ที่ประมาณ 85-100%.5


         

                                                        

                   ภาพที่ 5.
การรักษาโรคหัวใจบางประเภทโดยการผ่าตัดด้วยคลื่นความถี่วิทยุ 
                                   (ก) เครื่องมือที่ใช้ในการผ่าตัดด้วยคลื่นความถี่วิทยุในการแก้ไขความผิดปกติ
                                         ของจังหวะการเต้นของหัวใจ 
                                   (ข) สายสวนจะถูกสอดเข้าไปในหัวใจและพลังงานความถี่คลื่นวิทยุที่ปล่อยออก
                                         จากปลายอิเล็กโทรดจะทำลายเนื้อเยื่อที่ผิดปกติ ทำให้กิจกรรมทางไฟฟ้า
                                         ของเนื้อเยื่อหัวใจกลับมาทำงานตามปกติ.

การใช้ RFA ในการทำลายเนื้อเยื่อมะเร็งในอวัยวะต่างๆ
วิธีการทำลายเนื้อเยื่อมะเร็งด้วย RFA นั้น เริ่มจากการหาตำแหน่งที่แน่นอนของเนื้อเยื่อมะเร็ง จากนั้นจึงสอดอิเล็กโทรดผ่านทางผิวหนังโดยให้ปลายของ อิเล็กโทรดอยู่ในตำแหน่งของเนื้อเยื่อมะเร็ง จากนั้น จึงปล่อยกระแสไฟฟ้าความถี่สูงเพื่อทำลายเนื้อเยื่อบริเวณนั้น ภาพที่ 6  แสดงอุปกรณ์ที่


        

               

ภาพที่ 6.
อิเล็กโทรดสำหรับการผ่าตัดด้วยคลื่นความถี่วิทยุสำหรับการทำลายเซลล์มะเร็งในตับ ปอด หรือในอวัยวะอื่นๆ.12

ใช้ในการทำลายเนื้อเยื่อมะเร็งด้วยการผ่าตัดด‰วย RFA หากเนื้อเยื่อมะเร็งมีขนาดใหญ่ ศัลยแพทย์สามารถเลือกที่จะใช้อิเล็กโทรดแบบกางได้ (ทั้งแบบขั้วเดียวและสองขั้ว) หรือเลือกใช้อิเล็กโทรดมากกว่า 1 ชิ้น ในการทำลายเนื้อเยื่อมะเร็งนี้ ขนาดของเนื้อเยื่อมะเร็งที่ถูกทำลายด้วย RFA นั้นจะมีขนาดไม่เกิน 15 ลบ.ซม. เมื่อใช้อิเล็กโทรดสองขั้วแบบกางได้ และจะมีขนาดไม่เกิน 8 ลบ.ซม. เมื่อใช้อิเล็กโทรดขั้วเดียวแบบกางได้.6

วิธีการนี้จะนิยมใช้ในการทำลายมะเร็งที่ตับ ทั้งแบบปฐมภูมิและแบบทุติยภูมิ โดยวิธีการนี้จะมีข้อดีกว่าการผ่าตัดแบบเดิมที่ใช้การเฉือนก้อนมะเร็งออกไปที่วิธีการนี้จะมีทำลายเนื้อเยื่อดีที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงในปริมาณที่น้อยมาก และถ้าเนื้อเยื่อบริเวณนั้นกลับมาเป็นมะเร็งอีกก็สามารถใช้วิธีการนี้ในการทำลายเนื้อเยื่อมะเร็งใหม่ซ้ำได้อีก นอกจากนี้ยังมีการสูญเสียเลือดที่น้อย มีรอยเปิดของแผลที่มีขนาดเล็กมาก ทำให้ใช้เวลาในการพักฟื้นสั้นไม่ต้องพักที่โรงพยาบาลนาน มีความเสี่ยงในการติดเชื้อที่น้อย มาก มีอัตราการกลับเป็นซ้ำของเนื้องอก (tumor recurrence rate) ที่ต่ำ (ประมาณ 1.8%7) และ อัตราการเกิดภาวะแทรกซ้อน (rate of complication) ที่ต่ำ (ประมาณ 3.6%) และเป็นภาวะแทรกซ้อนที่ไม่รุนแรง8 โดยอาการแทรกซ้อนนั้นได้แก่ การเป็นฝีที่ตับ (abscess) เลือดออก ปอดแฟบ (collapse of lung) หัวใจเต้นผิดจังหวะ และมีรอยไหม้ที่ผิวหนัง ภาพที่ 7  แสดงภาพเนื้อร้ายที่ตับก่อนและหลังจากใช้การรักษาด้วย RFA.


 
   
                                           (ก)                                                                             (ข)

ภาพที่ 7. เนื้อร้ายที่ตับก่อนและหลังจากใช้การรักษาด้วยคลื่นวิทยุ
(ก) เนื้อร้าย (tumor) ก่อนการรักษา
(ข) เนื้อร้ายที่ถูกทำลายด้วยคลื่นวิทยุ จะพบว่ามีขนาดใหญ่กว่าและสีเข้มกว่าเนื้อร้ายที่ยังไม่ถูกทำลาย แต่เมื่อเวลาผ่านไป ขนาดของเนื้อร้ายที่ตายแล้วนี้จะหดลงเพราะร่างกายจะดูดซึมและขับถ่ายเซลล์ที่ตายแล้วออกไป.9

นอกจากนี้ การผ่าตัดด้วย RFA ยังถูกใช้ในการรักษามะเร็งที่ต่อมลูกหมาก มะเร็งที่ไต มะเร็งที่ต่อมหมวกไต และมะเร็งที่ผิวหนังบางประเภทและเนื้องอกที่กระดูกบางประเภท เช่น Osteoid osteomaได้อีกด้วย.

สรุป
ในปัจจุบันการผ่าตัดด้วย RFA ได้รับการยอมรับจากองค์การอาหารและยาของประเทศสหรัฐอเมริกาหรือ FDA ในการใช้รักษามะเร็งที่ตับได้. นอกจากนี้ การผ่าตัดด้วย RFA กำลังกลายเป็นมาตรฐานในการรักษาภาวะจังหวะหัวใจเต้นผิดปกติบางชนิดและโรคเนื้องอกในตับที่ทำการผ่าตัดแบบเดิมไม่ได้ แต่สำหรับโรคมะเร็งและความผิดปกติในอวัยวะอื่นๆ นั้น แม้ในปัจจุบันจะมีแนวโน้มที่จะนำการผ่าตัดด้วย RFA มาใช้ในการรักษาเพิ่มมากขึ้น แต่ก็ยังอยู่ในขั้นตอนการวิจัยทดลอง ยังไม่สามารถใช้เป็นมาตรฐานในการรักษาได้.

เอกสารอ้างอิง
1. Krishnamurthy VN, Casillas VJ, Latorre L. Radiofrequency Ablation of Hepatic Lesions : A Review.Appl Radiol 2003;32 (10): 11-26.
2. džArsonval MA. Action physiologique des courants alternatifs. CR Soc Biol 1891;43: 283-6.
3. McGahan JP, Dodd GD III. Radiofrequency ablation of liver. AJR Am J Roentgenol 2001;176:3-16.
4. Rossi S, Fornari F, Paties C, Buscarini L. Thermal lesions induced by 480-KHz localized current field in guinea pig and in pig livers. Tumori 1990;76:54-7.
5. Wood AJJ. Radio-Frequency Ablation As Treatment For Cardiac Arrhythmias. New Eng J Med 1999;340:534-44.
6. Haemmerich D, Staelin ST, Tungjitkusolmun S, Lee FT, Mahvi DM, Webster JG. Hepatic Bipolar Radio-Frequency Ablation Between Saparated Multiprong Electrodes. IEEE Trans Biomed Eng 2001;48:1145-52.
7. Curley SA, Izzo F, Delrio P, Ellis LM, Granchi J, Vallone P, Fiore F, Pignata S, Daniele B, Cremona F. Radiofrequency ablation of unresectable primary and metastatic hepatic malignancies : results in 123 patients. Ann Surg 1999;230(1):1-8.
8. http://www.surgery.usc.edu/divisions/hep/radiofrequencyablation.html<
9. http://www.sirweb.org/patPub/radio-frequencyAblation.shtml<
10. http://www.geocities.com/rfacancer/<
11. http://www.springerlink.com/content/lke2vcm08qv4b9k3/fulltext.html<
12. http://www.radiologyinfo.org/en/photocat/photos_pc.cfm?image=ri-rfa-gen<. jpg& pg=rfabackground.html
13. http://www.cc.nih.gov/drd/rfa/frame-back< ground.html

ดร.ชัญชนา ตั้งวงศ์ศานต์
ภาควิชาวิศวกรรมไฟฟ้า
คณะวิศวกรรมศาสตร์
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

 

ป้ายคำ:
  • โรคเรื้อรัง
  • การรักษาเบื้องต้น
  • มะเร็ง
  • คุยสุขภาพ
  • ดูแลสุขภาพ
  • นานาสาระ
  • RFA
  • คลื่นความถี่วิทยุ
  • ดร.ชัญชนา ตั้งวงศ์ศานต์
  • อ่าน 37,390 ครั้ง
  • พิมพ์หน้านี้พิมพ์หน้านี้

ข้อมูลสื่อ

270-007
วารสารคลินิก 270
มิถุนายน 2550
นานาสาระ
ดร.ชัญชนา ตั้งวงศ์ศานต์
Skip to Top

บทความสุขภาพน่ารู้

  • ทั้งหมด
  • การแพทย์ทางเลือก
    • แพทย์แผนไทย
      • กดจุด
      • นวดไทย
    • แพทย์แผนจีน
  • ดูแลสุขภาพ
    • การดูแลผู้สูงอายุ
    • การปฐมพยาบาล
    • การรักษาเบื้องต้น
    • การใช้ยาสมุนไพร
    • คู่มือดูแลสุขภาพ
    • ยาและวิธีใช้
    • ตรวจสุขภาพด้วยตัวเอง
      • คำนวณค่า BMI
      • วินิจฉัยโรคเบื้องต้น
      • แนะนำการตรวจสุขภาพประจำปี
    • คุยสุขภาพ
      • กรณีศึกษา
      • ถามตอบปัญหาสุขภาพ
  • สุขภาพทางเพศและครอบครัว
    • การดูแลบุตร
    • แม่และเด็ก
    • การตั้งครรภ์
    • เรียนรู้เรื่องเพศและการวางแผนครอบครัว
  • สร้างเสริมสุขภาพ 3 อ. ​และป้องกันโรค
    • อาหาร
      • อาหาร 5 หมู่
      • อาหารของผู้่ป่วยโรคเรื้อรัง
        • ความดันสูง
        • หัวใจ
        • เกาต์
        • เบาหวาน
      • อาหารที่ควรหลีกเลี่ยง
      • อาหารป้องกันมะเร็ง
      • อาหารสมุนไพร
    • ออกกำลังกาย
      • วิ่ง เดิน ปั่นจักรยาน ว่ายน้ำ แอร์โรบิค แอร์โรบอคซิ่ง รำกระบอง ไทเก็ก ชี่กง โยคะ
    • อารมณ์
      • การทำสมาธิ
      • การพักผ่อน
      • การพัฒนา EQ
      • จิตอาสา/ ฉือจี้
  • พฤติกรรมอันตราย
    • พฤติกรรมเสี่ยงต่อสุขภาพ
    • อนามัยสิ่งแวดล้อม
    • อิริยาบถ
  • โรคและอาการ
    • โรคเรื้อรัง
      • กลุ่มอาการเมตาโบลิค
      • ความดันโลหิตสูง
      • ถุงลมปอดโป่งพอง
      • มะเร็ง
      • อัมพฤกษ์ อัมพาต
      • เบาหวาน
      • โรคข้อ/เกาต์
      • โรคทางจิตเวช เครียด หวาดระแวง
      • โรคหวัด ภูมิแพ้
      • โรคหัวใจ
      • โรคหืด
      • ไขมันในเลือดสูง/ผิดปกติ
      • ไตวาย
    • โรคตามระบบ
      • ระบบทางเดินอาหาร
      • โรคจากอุบัติเหตุ สารพิษ และสัตว์พิษ
      • โรคช่องปากและฟัน
      • โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
      • โรคติดเชื้อ
      • โรคผิวหนัง
      • โรคพยาธิ
      • โรคระบบกระดูกและกล้ามเนื้อ
      • โรคระบบต่อมไร้ท่อ
      • โรคระบบทางอวัยวะเพศชาย
      • โรคระบบทางอวัยวะเพศหญิง
      • โรคระบบทางเดินปัสสาวะ
      • โรคระบบทางเดินหายใจ
      • โรคระบบประสาทและสมอง
      • โรคระบบไหลเวียนโลหิต
      • โรคหู ตา คอ จมูก
    • โรคจากการทำงาน
      • พิษภัยจากสารเคมี (ยาฆ่าเมลง/ สารตะกั่ว)
      • โรคจากฝุ่นและสารเคมีในโรงงาน
      • โรคจากสัตว์ เช่น ฉี่หนู
      • โรคจากอริยาบทที่ผิดสุขลักษณะ
      • โรคเส้นเอ็นอักเสบ/ นิ้วล็อค
  • ทันกระแสสุขภาพ
  • คลังความรู้สื่อสังคมออนไลน์
  • อื่น ๆ

ได้รับความนิยม

  • นม
  • ถั่วพู
  • คนท้อง
  • ธาลัสซีเมีย
  • ผู้สูงอายุ
  • ผักพื้นบ้าน
  • สมุนไพร

แผนผังเว็บไซต์

  • หน้าแรก
  • ดูแลสุขภาพด้วยตัวเอง
  • บทความสุขภาพน่ารู้
  • สื่อสุขภาพ
  • คำถามสุขภาพ
  • ข่าวสาร
  • ติดต่อหมอชาวบ้าน
  • ข้อปฏิเสธความรับผิดชอบ

รวมลิงค์เครือข่าย

  • มูลนิธิหมอชาวบ้าน
  • สำนักพิมพ์หมอชาวบ้าน
  • สถาบันโยคะวิชาการ

สื่อสุขภาพ

  • คลิปสุขภาพ
  • หมอชาวบ้านรายเดือน
  • คลินิกรายเดือน
  • จดหมายข่าวย้อนหลัง
  • feed หมอชาวบ้าน
  • facebook หมอชาวบ้าน
  • youtube หมอชาวบ้าน
  • feed หมอชาวบ้าน
  • facebook หมอชาวบ้าน
  • twitter หมอชาวบ้าน
  • youtube หมอชาวบ้าน
สนับสนุนโดย สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)< และสถาบัน ChangeFusion< พัฒนาระบบโดย Opendream< สัญญาอนุญาต cc by-nc-sa <