Skip to main content
ข้อมูลสุขภาพ มูลนิธิหมอชาวบ้าน
menu

Login Pop

  • เข้าสู่ระบบ
    • ลืมรหัสผ่าน
search
  • เว็บหลักหมอชาวบ้าน
  • สำนักพิมพ์หมอชาวบ้าน
  • มูลนิธิหมอชาวบ้าน
  • หน้าแรก
  • ดูแลสุขภาพด้วยตัวเอง
  • บทความสุขภาพน่ารู้
  • สื่อสุขภาพ
  • คำถามสุขภาพ
  • ข่าวสาร
  • ติดต่อหมอชาวบ้าน
  • ข้อปฏิเสธความรับผิดชอบ
หน้าแรก » บทความสุขภาพน่ารู้ » หมอมาบตาพุด (1)
  • ขนาดตัวอักษร  Normal size text | Increase text size by 10% | Increase text size by 20% | Increase text size by 30%

หมอมาบตาพุด (1)

โพสโดย Anonymous เมื่อ 1 มิถุนายน 2550 00:00

ช่วงต้นปีพ.ศ. 2550 มีการนำเสนอข่าวเกี่ยวกับมลภาวะบริเวณรอบนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด อำเภอเมือง จังหวัดระยองอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะประเด็นการเจ็บป่วยด้วยโรคมะเร็งของประชาชนที่อาศัยโดยรอบเขตนิคมฯ และในที่สุดก็กลายเป็นประเด็น "ระดับชาติ" เป็นผลให้รองนายกรัฐมนตรีแต่งตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจ 2 ชุด ชุดหนึ่งมีภารกิจในการดำเนินการแก้ไขปัญหาการปนเปื้อนของสารเคมีจากโรงงานอุตสาหกรรมสู่สิ่งแวดล้อม ขณะที่อีกชุดหนึ่งมีภารกิจในการประเมินผลกระทบต่อสุขภาพจากการปนเปื้อนในอดีตที่ผ่านมา.

ในขณะที่คณะทำงานฯทั้งสองชุดกำลังดำเนินการอยู่นี้นั้น เป็นที่น่าสนใจว่าโรงพยาบาลมาบตาพุด ซึ่งมีที่ตั้งอยู่ในเขตนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด ได้มีบทบาทมากน้อยเพียงใดในการจัดการปัญหาสิ่งแวดล้อมดังกล่าว. อาชีวเวชศาสตร์ปริทัศน์ฉบับนี้และฉบับต่อไป จะนำเสนอการปฏิบัติงานของแพทย์ประจำโรงพยาบาลมาบตาพุด 2 คน เพื่อให้ท่านผู้อ่านได้เห็นอีกบทบาทหนึ่งของ "แพทย์อาชีวเวชศาสตร์" ในการดูแลสุขภาพประชาชนด้านโรคจากสิ่งแวดล้อม.

บริบททั่วไป
โรงพยาบาลมาบตาพุด เป็นโรงพยาบาลชุมชนขนาด 30 เตียงในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข มีเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานทั้งหมด 115 คน ซึ่งรวมทั้งทันตแพทย์ 2 คน เภสัชกร 2 คน พยาบาลวิชาชีพ 45 คน และพยาบาลเทคนิค 5 คน มีแพทย์ปฏิบัติงานประจำทั้งหมด 5 คน ผู้อำนวยการคนปัจจุบัน คือ นายแพทย์สุรทิน มาลีหวล โดยเข้ารับตำแหน่งผู้อำนวยการ ตั้งแต่ปีพ.ศ. 2541 ผ่านการอบรมแพทย์อาชีวเวช-ศาสตร์หลักสูตร 8 สัปดาห์และหลักสูตรฝังเข็ม 3 เดือนของกรมการแพทย์ ได้รับหนังสืออนุมัติสาขาเวชศาสตร์ครอบครัวจากแพทยสภา และปริญญาโทสาขารัฐประศาสนศาสตร์ (Master of Public Ad-ministration) จากสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (NIDA). สำหรับแพทย์ประจำอีก 4 คน เป็นแพทย์ที่ผ่านหลักสูตรอบรมแพทย์ประจำบ้านอาชีวเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และได้รับวุฒิบัตรแขนงอาชีวเวชศาสตร์ จากแพทยสภา จำนวน 2 คน ขณะที่แพทย์อีก 2 คนได้รับหนังสืออนุมัติสาขาเวชศาสตร์ครอบครัว เรียกได้ว่าแพทย์หนุ่มทั้ง 5 ท่านเป็น "ทีมในฝัน" สำหรับการทำงานชุมชนเขตอุตสาหกรรมทีเดียว.

เขตรับผิดชอบของโรงพยาบาลมาบตาพุดครอบคลุมพื้นที่เทศบาลมาบตาพุดและ 5 ตำบล ได้แก่ มาบตาพุด ห้วยโป่ง มาบข่า เนินพระและทับมา. ข้อมูลประชากรปีพ.ศ. 2548 ระบุว่าประชากรในเขตรับผิดชอบของโรงพยาบาลมีจำนวน 38,382 คน โดยเป็นประชากรที่มีสิทธิภายใต้โครงการหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าจำนวน 32,776 คน (ร้อยละ 85) แต่ท่านผู้อำนวยการประมาณการว่ายังมีประชากรแฝงอีกประมาณ 50,000 คน ซึ่งส่วนมากเป็นประชาชนที่อพยพจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือมาทำงานหรือติดตามมาอยู่อาศัยในแถบนี้.

ถึงแม้จะมีศูนย์สุขภาพชุมชนมาบตาพุด (PCU) ของโรงพยาบาล 1 แห่ง รวมทั้งศูนย์บริการสาธารณสุข ของเทศบาลมาบตาพุด จำนวน 5 แห่ง ร่วมให้บริการ แต่สถิติผู้มารับบริการ ณ โรงพยาบาลมาบตาพุดพบว่ามีแนวโน้มสูงขึ้นเรื่อยๆ กล่าวคือ จำนวนผู้ป่วยนอก เฉลี่ยต่อวันเพิ่มจาก 190 คนในปีพ.ศ. 2546 เป็น 212 และ 287 คนในปีพ.ศ. 2547 และพ.ศ. 2548 ตามลำดับ. ผู้เขียนและทีมงานได้เคยเก็บข้อมูลการปฏิบัติงานของแพทย์ ณ ห้องตรวจผู้ป่วยนอกเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2549 พบว่ามีผู้ป่วยนอกมารับบริการในช่วง 7 วันเฉลี่ยประมาณวันละ 500 คน นับเป็นภาระงานไม่ใช่น้อยสำหรับเจ้าหน้าที่ประมาณ 100 คน.

นอกจากการให้บริการทางการแพทย์และสาธารณสุขทั่วไปเฉกเช่นโรงพยาบาลชุมชนอื่นๆ แล้ว โรงพยาบาลมาบตาพุดยังต้องคำนึงถึงการดูแลสุขภาพพนักงานโรงงานอุตสาหกรรมในเขตนิคมอุตสาหกรรมอีกด้วย เนื่องจากมีที่ตั้งในเขตนิคมฯ.

จากอดีตจนถึงปัจจุบัน การให้บริการด้านอาชีวอนามัยของโรงพยาบาล ประกอบด้วยกิจกรรม 2 ด้านหลัก คือ การที่แพทย์และพยาบาลไปหมุนเวียนปฏิบัติงานที่สถานพยาบาลของโรงงานและการให้บริการโดยงานอาชีวอนามัยของโรงพยาบาล.

ในด้านการปฏิบัติงานที่สถานประกอบการของแพทย์นั้น แบ่งเป็นช่วงเช้า (7.00-8.00 น.) ช่วงกลางวัน (12.00-13.00 น.) และช่วงเย็น (17.00-18.00 น.) ทั้งนี้ แพทย์ทั้ง 5 คนจัดเวรกันเอง โดยมีจำนวนชั่วโมงที่ทำงานนี้ระหว่าง 5-10 ชั่วโมงต่อสัปดาห์. อย่างไรก็ตาม การปฏิบัติงานในลักษณะนี้ของแพทย์ ไม่ได้เน้นบริการอาชีวอนามัยโดยเฉพาะ กล่าวคือ แพทย์ทำหน้าที่แพทย์เวชปฏิบัติทั่วไปเท่านั้น แม้จะเป็นแพทย์ที่ผ่านการอบรมด้านอาชีวเวชศาสตร์ ก็ไม่ได้มีส่วนร่วมกับการประเมินหรือจัดการความเสี่ยงต่อสุขภาพของพนักงาน.

สำหรับบริการอาชีวอนามัยของโรงพยาบาลนั้น มีทีมพยาบาลอาชีวอนามัยจำนวน 3 คน เป็นหัวแรงสำคัญในการจัดบริการด้านอาชีวอนามัย ภายใต้การให้คำปรึกษาของแพทย์อาชีวเวชศาสตร์ ทำให้สามารถให้บริการด้านการดูแลสุขภาพพนักงานโรงงานอุตสาหกรรมได้อย่าง "พอเพียง" ครอบคลุมประมาณร้อยละ 5 ของประชากรพนักงานในนิคมฯทั้งหมด กล่าวคือ มีกิจกรรมตรวจสุขภาพเคลื่อนที่ประมาณปีละ 20 ครั้ง และการให้บริการเชิงรุกเพื่อป้องกันโรคจากการทำงาน แต่งานหลักของทีมงาน ซึ่งโดดเด่นกว่าสถานพยาบาลทั่วไป คือ การให้คำปรึกษาสถานประกอบการในประเด็นสุขภาพทุกด้าน การตรวจสุขภาพในกรณีที่พนักงานมีผลตรวจสุขภาพผิดปกติจากการตรวจประจำปีแล้วได้รับการส่งต่อมาตรวจเพิ่มเติม หรือกรณีที่ต้องการการตรวจเฉพาะทาง เช่น ตรวจเพื่อเข้าทำงานในที่อับอากาศ ตรวจพนักงาน ขับขี่ยานพาหนะ รวมทั้งการรายงานด้วยแบบรายงาน (รง.) 506/2 เมื่อตรวจพบผู้ป่วยโรคจากการทำงานหรือพนักงานที่ผลตรวจสุขภาพผิดปกติ ทำให้สำนักระบาดวิทยาได้รับรายงานโรคจากการประกอบอาชีพจากโรงพยาบาลมาบตาพุดเป็นประจำทุกปี.

และเนื่องจากตั้งแต่เดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2549 เป็นต้นมา โรงพยาบาลมีแพทย์อาชีวเวชศาสตร์ปฏิบัติงานเต็มเวลาครบ 2 คน ผู้อำนวยการจึงได้มอบหมายให้คุณหมอภานุกร นิยมตรง หนึ่งในแพทย์อาชีวเวชศาสตร์ มีภารกิจเพิ่มเติมในการดำเนินการด้านการรับอุบัติภัยสารเคมีโดยเฉพาะ เนื่องจากเหตุฉุกเฉินดังกล่าวเกิดขึ้นบ่อยมากและต้องมีการเตรียมความพร้อม รวมทั้งประสานงานกับหน่วย งานอื่นๆ อย่างสม่ำเสมอ และภายหลังจากกรณีการเจ็บป่วยจากมลภาวะเมื่อต้นปีพ.ศ.2550 ผู้อำนวยการจึงมอบหมายให้คุณหมอศุภชัย เอี่ยมกุลวรพงศ์ แพทย์อาชีวเวชศาสตร์อีกท่านมีภารกิจด้านโรคจากสิ่งแวดล้อมเป็นการเฉพาะเช่นกัน.

อุบัติภัยสารเคมี
โดยทั่วไปแล้ว อุบัติภัยสารเคมี (chemical accidents) คือ สภาวการณ์ที่มีการรั่วไหลของสารเคมีอันตรายเป็นปริมาณมากในเวลาอันรวดเร็ว จนทำให้เกิดการปนเปื้อนต่อสิ่งแวดล้อมและทำให้พนักงานผู้เกี่ยวข้อง รวมทั้งประชาชนโดยรอบได้รับสารเคมีอันตรายเหล่านั้นเข้าร่างกายเป็นปริมาณมาก จนทำให้เกิดอาการพิษเฉียบพลันหรือมีโอกาสเจ็บป่วยเรื้อรังในเวลาต่อไป เช่น กรณีรถขนส่งสารเคมีอันตรายพลิกคว่ำบนทางหลวง การรั่วไหลของก๊าซแอมโมเนียจากโรงงานน้ำแข็ง หรือการระเบิดไฟไหม้ของคลังน้ำมัน.

การลดโอกาสเจ็บป่วยของพนักงานผู้เกี่ยวข้องและประชาชนทั่วไปจากอุบัติภัยสารเคมี ประกอบด้วยการดำเนินการ 3 ส่วน คือ ในภาวะก่อนเกิดเหตุ ขณะเกิดเหตุและหลังจากเกิดเหตุ กล่าวคือ ในขณะที่ยังไม่มีเหตุเกิดขึ้นนั้น ควรได้มีการวิเคราะห์หาโรงงาน กลุ่มเสี่ยงซึ่งมีสารเคมีอันตราย เพื่อกำกับดูแลไม่ให้เกิดการรั่วไหลได้ง่าย รวมทั้งคาดการณ์ล่วงหน้าว่าถ้าเกิดการรั่วไหลขึ้นแล้ว จะดำเนินการอย่างไรให้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ เพื่อลดการปนเปื้อนต่อสิ่งแวดล้อมและลดการสัมผัสของพนักงานและประชาชนโดยรอบ ซึ่งโดยทั่วไปแล้วจะต้องมีการจัดทำและซ้อมแผนรับอุบัติภัยสารเคมีโดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างสม่ำเสมอ.

ในวินาทีที่เกิดเหตุขึ้นนั้น หากมีแผนปฏิบัติการที่มีการซ้อมอย่างดีแล้ว เจ้าหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายก็สามารถปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตั้งแต่การแจ้งเหตุ การปิดกั้นบริเวณ การเข้าระงับการรั่วไหล การตั้งจุดล้างตัวและปฐมพยาบาลสำหรับผู้สัมผัสสารเคมี การส่งผู้ป่วยไปยังโรงพยาบาล การอพยพพนักงาน และประชาชนที่อาจสัมผัสและการสื่อสารประชาสัมพันธ์กับสื่อมวลชน.

หลังจากเหตุการณ์ฉุกเฉินได้สงบลงแล้ว ภารกิจที่สำคัญหลังเกิดเหตุ คือ การล้างบริเวณเกิดเหตุ เพื่อกำจัดสารเคมีอันตราย การสำรวจการปนเปื้อนสิ่งแวดล้อม เพื่อนำไปสู่การลดการปนเปื้อนและการเฝ้าระวังในระยะยาวจนสภาพแวดล้อมกลับคืนสู่สภาวะปกติ. การสำรวจประเมินสุขภาพพนักงานและประชาชนผู้สัมผัสสารเคมีอันตราย เพื่อเป็นฐานข้อมูลสำหรับการเฝ้าระวังสุขภาพในระยะกลางและระยะยาว โดยเฉพาะกรณีที่สารเคมีอาจก่อให้เกิดโรคมะเร็งหรือพิษเรื้อรังในอนาคต.

ภารกิจโรงพยาบาล
จากกิจกรรมทั้งหมดที่กล่าวมาแล้ว โรงพยาบาลมักมีส่วนร่วมในการรับผู้ป่วยที่สัมผัสสารเคมีแล้ว มีอาการพิษเฉียบพลันและได้รับการล้างตัวพร้อมปฐมพยาบาลมาจากจุดเกิดเหตุ ซึ่งโรงพยาบาลโดยทั่วไปมักขาดแคลนทั้งบุคลากร (แพทย์พิษวิทยา แพทย์อาชีวเวชศาสตร์) อุปกรณ์ (การวินิจฉัย การตรวจทางห้องปฏิบัติการ) เครื่องมือ (การล้างตัว) และเวชภัณฑ์ (ยาต้านพิษ) ในการดูแลเฉพาะทางด้านนี้ จึงทำได้แต่เพียงการส่งต่อเพื่อไปรับการรักษาเฉพาะทางที่โรงพยาบาลระดับตติยภูมิหรือโรงพยาบาล คณะแพทย์ฯต่างๆ หรือทำการรักษาโดยขอคำปรึกษาจากศูนย์พิษวิทยา คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี หรือที่พบบ่อยคือ การให้การรักษาตามอาการ (symptomatic and supportive treat- ment) จนผู้ป่วยเสียชีวิตหรือดีขึ้นเอง.

คุณหมอภานุกรเล็งเห็นว่า โรงพยาบาลมาบตาพุดควรมีบทบาทมากกว่าโรงพยาบาลชุมชนทั่วไป จึงได้สานต่อแผนปฏิบัตการรับมืออุบัติภัยสารเคมีของจังหวัดระยอง ซึ่งแพทย์รุ่นพี่ได้จัดทำ ซ้อมและดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง. อย่างไรก็ตาม เนื่องจากโรงพยาบาลมาบตาพุดมีที่ตั้งไม่ไกลจากโรงพยาบาลระยอง การดำเนินการในปัจจุบันจึงมีลักษณะเป็นเครือข่าย โดยโรงพยาบาลมาบตาพุดเน้นการเตรียมความพร้อมก่อนเกิดเหตุร่วมกับโรงงาน และการประเมินสถานการณ์ด้านสุขภาพ การจำแนกผู้ป่วย (triage) และการปฐมพยาบาลเบื้องต้นเมื่อเกิดเหตุแล้ว ขณะที่โรงพยาบาลระยองเน้นการรับผู้ป่วยไปทำการวินิจฉัยและรักษาเมื่อเกิดเหตุ.

งานชิ้นหนึ่งที่คุณหมอภานุกรได้จัดทำขึ้น โดยถือเป็นส่วนหนึ่งของการเตรียมความพร้อมทั้งของโรงงานและโรงพยาบาล เพื่อรับมืออุบัติภัยสารเคมี คือ การศึกษาการเตรียมความพร้อมรองรับอุบัติเหตุ/อุบัติภัยจากสารเคมีของสถานประกอบการในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด.

ประชากรที่ใช้ในการศึกษา คือ สถานประกอบการในนิคมอุตสากรรมมาบตาพุดทั้งหมด จำนวน 58 แห่ง โดยใช้แบบสอบถามชนิดตอบด้วยตนเองในช่วงเดือนมีนาคม พ.ศ. 2549 ถึงเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2550 มีอัตราการตอบกลับร้อยละ 68.9 (40 สถานประกอบการ) ผลการศึกษาพบว่า อุบัติเหตุ/อุบัติภัยจากสารเคมีที่มีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดในสถานประกอบการ ได้แก่ ไฟไหม้และสารเคมีหกล้น รั่วไหล และในภาพรวมแล้วสถานประกอบการส่วนใหญ่มีแผนป้องกัน มีการทบทวนซ้อมแผน มีทีมปฏิบัติการ มีอุปกรณ์ในการป้องกัน ระงับอุบัติเหตุ/อุบัติภัยจากสารเคมี รวมทั้งบุคลากรทางการแพทย์ เครื่องมือทางการแพทย์ และเวชภัณฑ์.

อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาอย่างละเอียดพบว่า สถานประกอบการมีแผนป้องกันอุบัติเหตุ/อุบัติภัยจากสารเคมี ร้อยละ 97.5 แต่อีกร้อยละ 2.5 ไม่มีแผนแต่มีการซ้อมร่วมกับแผนระงับอัคคีภัยและอพยพหนีไฟ ขณะที่สถานประกอบการมีการทบทวนและซ้อมแผนทุก 1 ปี ร้อยละ 82.5 ทุก 3 เดือนร้อยละ 5.0 ไม่ระบุความถี่ร้อยละ 5.0 ทุก 2 เดือนร้อยละ 2.5 ทุก 6 เดือนร้อยละ 2.5.

ในด้านการป้องกันและระงับอุบัติเหตุ/อุบัติภัยจากสารเคมี พบว่า สถานประกอบการมีอุปกรณ์ตรวจวัดการรั่วไหลของก๊าซ/น้ำมัน/สารเคมี ร้อยละ 90 มีอุปกรณ์ระงับเหตุ/ดูดซับ/ปรับสภาพสารเคมีที่รั่วไหลให้ปลอดภัย ร้อยละ 87.5 มีรถดับเพลิง ร้อยละ 40 มีรถสูบ-ถ่าย/ปั๊มเคลื่อนที่สำหรับสูบ-ถ่ายน้ำมัน/สารเคมี ร้อยละ 27.5 มีเครื่องดับเพลิงชนิดที่ดับไฟจากประกายไฟฟ้าและไฟจากสารเคมี ร้อยละ 82.0 ไม่มีร้อยละ 10.3 มีทีมดับเพลิง ร้อยละ 100 มีอุปกรณ์ดับเพลิง ร้อยละ 100.

มีทีมกู้ภัยสารเคมี ร้อยละ 80 มีชุดกันสารเคมีระดับ A (ป้องกันสูงสุด) ร้อยละ 37.5 ชุดกันสารเคมีระดับ B ร้อยละ 40 ชุดกันสารเคมีระดับ C ร้อยละ 62.5 มีชุดเครื่องช่วยหายใจ/หน้ากากกรองสารเคมี ร้อยละ 95 มีรถพยาบาลพร้อมอุปกรณ์ประจำรถ ร้อยละ 47.5 มีที่ล้างตา อ่างน้ำ เพื่อให้พนักงานได้ชำระล้างอวัยวะที่บาดเจ็บก่อนทำการปฐมพยาบาล ร้อยละ 87.2 ไม่มี ร้อยละ 5.1.

นั่นคือ ยังมีสถานประกอบการจำนวนหนึ่งที่ไม่มีแม้แต่อุปกรณ์เบื้องต้นสำหรับรับมือภาวะฉุกเฉินด้านสารเคมี เช่น ที่ล้างตา ที่อาบน้ำและชุดป้องกันเบื้องต้น จึงเป็นที่น่าสนใจที่จะศึกษาเชิงลึกว่าเหตุใดสถานประกอบการจึงขาดอุปกรณ์ดังกล่าว และคุณหมอยังได้เตรียมการที่จะขยายการศึกษาให้ครอบคลุม นิคมอุตสาหกรรมอื่นๆ ในจังหวัดระยองและนำข้อมูลมาวางแผนร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป.

อาจกล่าวได้ว่า เป้าหมายสุดท้ายของการรับอุบัติภัยสารเคมี สำหรับสถานประกอบการ คือ ไม่เกิดการรั่วไหล ขณะที่เป้าหมายสำหรับสถานพยาบาล เช่นโรงพยาบาลมาบตาพุด คือ การเตรียมความพร้อม เพื่อรับมืออุบัติภัยให้สามารถประเมินความเสี่ยงต่อสุขภาพเมื่อเกิดอุบัติภัยสารเคมีให้กับพนักงานและประชาชน และสามารถจำแนกผู้สัมผัสสารเคมี เพื่อรับการดูแลรักษาต่อได้อย่างถูกต้องและรวดเร็ว ถึงแม้จะต้องใช้เวลาอีกนาน แต่ก็เชื่อมั่นว่าความตั้งใจจริงของคุณหมอจะนำไปถึงเป้าหมายดังกล่าวได้ในที่สุด.

ภานุกร นิยมตรง พ.บ.
โรงพยาบาลมาบตาพุด จังหวัดระยอง
ฉันทนา ผดุงทศ พ.บ.
DrPH in Occupational Health, สำนักโรคจากการประกอบอาชีพและสิ่งแวดล้อม,
กรมควบคุมโรค,กระทรวงสาธารณสุข
E-mail address : [email protected]

 

ป้ายคำ:
  • พิษภัยจากสารเคมี (ยาฆ่าเมลง/ สารตะกั่ว)
  • โรคจากฝุ่นและสารเคมีในโรงงาน
  • โรคจากการทำงาน
  • อาชีวเวชศาสตร์ปริทัศน์
  • พญ.ภานุกร นิยมตรง
  • พญ.ฉันทนา ผดุงทศ
  • อ่าน 7,803 ครั้ง
  • พิมพ์หน้านี้พิมพ์หน้านี้

ข้อมูลสื่อ

270-010
วารสารคลินิก 270
มิถุนายน 2550
อาชีวเวชศาสตร์ปริทัศน์
พญ.ฉันทนา ผดุงทศ
พญ.ภานุกร นิยมตรง
Skip to Top

บทความสุขภาพน่ารู้

  • ทั้งหมด
  • การแพทย์ทางเลือก
    • แพทย์แผนไทย
      • กดจุด
      • นวดไทย
    • แพทย์แผนจีน
  • ดูแลสุขภาพ
    • การดูแลผู้สูงอายุ
    • การปฐมพยาบาล
    • การรักษาเบื้องต้น
    • การใช้ยาสมุนไพร
    • คู่มือดูแลสุขภาพ
    • ยาและวิธีใช้
    • ตรวจสุขภาพด้วยตัวเอง
      • คำนวณค่า BMI
      • วินิจฉัยโรคเบื้องต้น
      • แนะนำการตรวจสุขภาพประจำปี
    • คุยสุขภาพ
      • กรณีศึกษา
      • ถามตอบปัญหาสุขภาพ
  • สุขภาพทางเพศและครอบครัว
    • การดูแลบุตร
    • แม่และเด็ก
    • การตั้งครรภ์
    • เรียนรู้เรื่องเพศและการวางแผนครอบครัว
  • สร้างเสริมสุขภาพ 3 อ. ​และป้องกันโรค
    • อาหาร
      • อาหาร 5 หมู่
      • อาหารของผู้่ป่วยโรคเรื้อรัง
        • ความดันสูง
        • หัวใจ
        • เกาต์
        • เบาหวาน
      • อาหารที่ควรหลีกเลี่ยง
      • อาหารป้องกันมะเร็ง
      • อาหารสมุนไพร
    • ออกกำลังกาย
      • วิ่ง เดิน ปั่นจักรยาน ว่ายน้ำ แอร์โรบิค แอร์โรบอคซิ่ง รำกระบอง ไทเก็ก ชี่กง โยคะ
    • อารมณ์
      • การทำสมาธิ
      • การพักผ่อน
      • การพัฒนา EQ
      • จิตอาสา/ ฉือจี้
  • พฤติกรรมอันตราย
    • พฤติกรรมเสี่ยงต่อสุขภาพ
    • อนามัยสิ่งแวดล้อม
    • อิริยาบถ
  • โรคและอาการ
    • โรคเรื้อรัง
      • กลุ่มอาการเมตาโบลิค
      • ความดันโลหิตสูง
      • ถุงลมปอดโป่งพอง
      • มะเร็ง
      • อัมพฤกษ์ อัมพาต
      • เบาหวาน
      • โรคข้อ/เกาต์
      • โรคทางจิตเวช เครียด หวาดระแวง
      • โรคหวัด ภูมิแพ้
      • โรคหัวใจ
      • โรคหืด
      • ไขมันในเลือดสูง/ผิดปกติ
      • ไตวาย
    • โรคตามระบบ
      • ระบบทางเดินอาหาร
      • โรคจากอุบัติเหตุ สารพิษ และสัตว์พิษ
      • โรคช่องปากและฟัน
      • โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
      • โรคติดเชื้อ
      • โรคผิวหนัง
      • โรคพยาธิ
      • โรคระบบกระดูกและกล้ามเนื้อ
      • โรคระบบต่อมไร้ท่อ
      • โรคระบบทางอวัยวะเพศชาย
      • โรคระบบทางอวัยวะเพศหญิง
      • โรคระบบทางเดินปัสสาวะ
      • โรคระบบทางเดินหายใจ
      • โรคระบบประสาทและสมอง
      • โรคระบบไหลเวียนโลหิต
      • โรคหู ตา คอ จมูก
    • โรคจากการทำงาน
      • พิษภัยจากสารเคมี (ยาฆ่าเมลง/ สารตะกั่ว)
      • โรคจากฝุ่นและสารเคมีในโรงงาน
      • โรคจากสัตว์ เช่น ฉี่หนู
      • โรคจากอริยาบทที่ผิดสุขลักษณะ
      • โรคเส้นเอ็นอักเสบ/ นิ้วล็อค
  • ทันกระแสสุขภาพ
  • คลังความรู้สื่อสังคมออนไลน์
  • อื่น ๆ

ได้รับความนิยม

  • นม
  • ถั่วพู
  • คนท้อง
  • ธาลัสซีเมีย
  • ผู้สูงอายุ
  • ผักพื้นบ้าน
  • สมุนไพร

แผนผังเว็บไซต์

  • หน้าแรก
  • ดูแลสุขภาพด้วยตัวเอง
  • บทความสุขภาพน่ารู้
  • สื่อสุขภาพ
  • คำถามสุขภาพ
  • ข่าวสาร
  • ติดต่อหมอชาวบ้าน
  • ข้อปฏิเสธความรับผิดชอบ

รวมลิงค์เครือข่าย

  • มูลนิธิหมอชาวบ้าน
  • สำนักพิมพ์หมอชาวบ้าน
  • สถาบันโยคะวิชาการ

สื่อสุขภาพ

  • คลิปสุขภาพ
  • หมอชาวบ้านรายเดือน
  • คลินิกรายเดือน
  • จดหมายข่าวย้อนหลัง
  • feed หมอชาวบ้าน
  • facebook หมอชาวบ้าน
  • youtube หมอชาวบ้าน
  • feed หมอชาวบ้าน
  • facebook หมอชาวบ้าน
  • twitter หมอชาวบ้าน
  • youtube หมอชาวบ้าน
สนับสนุนโดย สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)< และสถาบัน ChangeFusion< พัฒนาระบบโดย Opendream< สัญญาอนุญาต cc by-nc-sa <