ในเวลานี้ดูเหมือนว่ากำลังคนด้านสาธารณสุขจะเป็นปัญหาใหญ่ระดับชาติที่ควรได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วนปัญหาหนึ่ง.
ปัญหาที่พบก็คือการขาดแคลนกำลังคนหลากหลายสาขา โดยเฉพาะอย่างยิ่งหน่วยงานภาครัฐและหน่วยงานในต่างจังหวัดซึ่งมีปัญหาการขาดแคลนแพทย์ (ทั้งแพทย์เวชปฏิบัติครอบครัวและแพทย์เฉพาะทางสาขาหลัก) และพยาบาลอย่างรุนแรง ทั้งๆ ที่รับภาระงานบริการผู้ป่วยหนักขึ้น ภายหลังการดำเนินโครงการหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า.
ด้านแพทย์ โรงพยาบาลชุมชน (ในระดับอำเภอ) มีแพทย์อาวุโสที่รับผิดชอบงานบริหารในฐานะผู้อำนวยการโรงพยาบาลเป็นตัวยืนหลัก. ส่วนแพทย์ที่รับผิดชอบงานบริการเป็นแพทย์ใช้ทุน ซึ่งมีการหมุนเวียนทุก 1-2 ปี เพื่อรอไปเรียนต่อเมื่อหมดพันธะการใช้ทุน. ในช่วงไม่กี่ปีมานี้เกิดกระแสแพทย์ใช้ทุนลาออกก่อนหมดพันธะการใช้ทุนแล้วไปทำงานในภาคเอกชน เพื่อเก็บเงินไว้เรียนต่อ. โรงพยาบาลชุมชนน้อยแห่งที่จะมีแพทย์อาวุโสรองจากผู้อำนวยการซึ่งทำงานต่อเนื่องหลังหมดพันธะการใช้ทุน. เมื่องานบริการส่วนใหญ่อยู่ในมือของแพทย์จบใหม่ที่ยังขาดประสบการณ์และเจตคติที่ดีในการทำงาน รวมทั้งขาดระบบการสนับสนุนทางวิชาการ (การประชุมวิชาการภายในโรงพยาบาล การปรึกษาระหว่างแพทย์ด้วยกัน) ก็ย่อมกระทบต่อคุณภาพบริการของโรงพยาบาล เช่น การวินิจฉัยโรค การใช้ยาที่เหมาะสม การสื่อสารและการให้การปรึกษาแนะแนวแก่ผู้ป่วยและญาติ เป็นต้น.
ส่วนโรงพยาบาลระดับจังหวัด ก็มีปัญหาการขาดแพทย์เฉพาะทางสาขาหลักหลายสาขา รวมทั้งประสาทศัลยแพทย์ รังสีแพทย์ จิตแพทย์ พยาธิแพทย์ แพทย์ทางนิติเวช วิสัญญีแพทย์ แพทย์เวชศาสตร์ฟื้นฟู เป็นต้น ทำให้ผู้ป่วยโรคซับซ้อนที่ต้องพึ่งพาแพทย์เฉพาะทางขาดการดูแลที่มีคุณภาพ รวมทั้งมีความยากลำบากที่ต้องเดินทางไป รับบริการยังโรงพยาบาลระดับตติยภูมิที่อยู่ไกลบ้าน. ตัวอย่างเช่น ผู้ป่วยมะเร็งมักจะต้องเทียวไปรักษายังศูนย์โรคมะเร็งหรือโรงเรียนแพทย์ ซึ่งต้องรอคิวยาวนาน สิ้นเปลืองเงินทองและเวลา รวมทั้งสร้างภาระแก่ครอบครัวที่ต้องหยุดงานพาผู้ป่วยไปรักษายังสถานบริการไกลบ้าน.
ด้านพยาบาล โรงพยาบาลของรัฐแทบทุกระดับต่างมีปัญหาขาดแคลนพยาบาล. ในช่วงหลายปีมานี้ มีแต่พยาบาลที่ลาออกมากกว่าเข้าใหม่. พยาบาลจบใหม่ซึ่งเรียนด้วยทุนส่วนตัว (ไม่มีการรับทุนเรียนแบบสมัยก่อน) ส่วนใหญ่จะถูกดึงดูดเข้าสู่ภาคเอกชน ซึ่งมีค่าตอบแทนสูงกว่าภาครัฐ. นอกจากนี้ พยาบาลจำนวนหนึ่งยังถูกแบ่งให้ไปทำงานที่ศูนย์สุขภาพชุมชนตามโครงการหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ทำให้พยาบาลในโรงพยาบาลขาดแคลนหนักยิ่งขึ้นไปอีก.
การขาดแคลนกำลังคนด้านสาธารณสุข ส่วนหนึ่งเกิดจากการผลิตไม่พอ เนื่องจากในอดีตขาดการวางแผนกำลังคนที่เหมาะสม และขาดการคาดการณ์ถึงการเปลี่ยนแปลงของระบบสุขภาพ และความต้องการของสังคม ซึ่งเกิดอย่างรวดเร็วในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ทำให้ปริมาณกำลังคนที่ผลิตได้น้อยกว่าความต้องการในปัจจุบัน. อีกส่วนหนึ่งเกิดจากการกระจายตัวที่ไม่เหมาะสมโดยมีการกระจุกของกำลังคนอยู่ในกรุงเทพฯ และเมืองใหญ่ๆ และเกิดการไหลของกำลังคนสู่ภาคเอกชนที่เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงทศวรรษที่ผ่าน มา.
นอกจากนี้ ระบบตลาดเสรียังเอื้อให้กำลังคนโดยเฉพาะแพทย์มุ่งเรียนต่อในสาขาที่มีค่าตอบแทนสูงและงานสบาย ทำให้ขาดคนที่ไปเรียนสาขาที่จำเป็น แต่ค่าตอบแทนต่ำหรืองานหนัก ดังนั้น จึงทำให้ขาดความสมดุลของกำลังคนระหว่างสาขาต่างๆ ดังกล่าว ข้างต้น.
ผู้เขียนเห็นว่า จำเป็นต้องมีหน่วยงานกลางซึ่งประกอบด้วยตัวแทนจากส่วนต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ได้หันมาร่วมกันวางแผนกำลังคนด้านสาธารณสุขให้เกิดความสมดุล ตอบสนองต่อความต้องการของสังคม และเกิดคุณภาพและประสิทธิภาพของการบริการ. ทั้งนี้ควรหาวิธีที่เหมาะสมในการคาดการณ์ความต้องการของกำลังคนทุกสาขาในระดับประเทศ โดยคำนึงถึงการกระจายตัวไปยังทุกภูมิภาค โดยเฉพาะอย่างยิ่งในระดับจังหวัดและอำเภอ แสวงหาวิธีการในการผลิตกำลังคนที่มีคุณภาพและสนองต่อความต้องการของสังคม ตลอดจนสร้างระบบแรงจูงใจให้มีคนหันมาเรียนในสาขาที่ขาดแคลนและสามารถปฏิบัติงานอยู่ในพื้นที่ที่ขาดแคลนกำลังคนได้อย่างยาวนาน.
- อ่าน 3,863 ครั้ง
- พิมพ์หน้านี้