วันนี้ผมมีเรื่องที่จะคุยกับเพื่อนแพทย์อยู่ 2 เรื่องครับ เรื่องแรกได้แก่ ข่าวหมอปลอม ซึ่งได้เกิดขึ้นทั้งในต่างจังหวัดและกรุงเทพมหานคร ในเวลาติดๆกัน โดยครั้งแรก สาธารณสุขจังหวัดทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือนำตำรวจเข้าจับกุมผู้ที่ได้เปิดคลินิกตรวจรักษาผู้ป่วยมาหลายร้อยรายแล้ว โดยใช้ชื่อของแพทย์จริงคนหนึ่ง. ทันทีที่ได้ทราบข่าว ทางสำนักงานเลขาธิการแพทยสภาก็ได้ทำการตรวจสอบทันที ความจึงปรากฏชัดเจนว่า เป็นการใช้ชื่อของแพทย์ใช้ทุน ที่ขณะเกิดเหตุกำลังกำลังปฏิบัติงานอยู่ที่ภาคใต้ และคลินิก(เถื่อน) ที่ตำรวจเข้าจับกุมก็มิได้มีการขออนุญาตเปิดโดยแพทย์คนใด. ในวันนั้นผมในฐานะเลขาธิการแพทยสภา พร้อมด้วยทีมงาน ประกอบด้วย น.อ. พิเศษ นพ.อิทธพร คณะเจริญ ผู้ช่วยเลขาธิการฯ ด้านบริหารและเทคโนโลยีสารสนเทศ, นายแพทย์ไพโรจน์ บุญศิริคำชัย ผู้ช่วยเลขาธิการฯ ด้านกฎหมาย จึงได้เข้าแจ้งความต่อผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธร อำเภอเมืองนนทบุรี ตามที่เป็นข่าวไปแล้ว ทั้งนี้เพื่อให้เป็นบรรทัดฐาน โดยจะทำการตรวจสอบอย่างเข้มข้น และดำเนินการในแบบเดียวกันต่อไป ซึ่งต่อมาอีกประมาณ 3 สัปดาห์ก็ได้มีหมอปลอมปรากฏขึ้นอีก ที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งในกรุงเทพมหานคร โดยทางโรงพยาบาลแห่งนั้นได้ติดต่อขอตรวจสอบมายังแพทยสภา ว่ามีแพทย์มาสมัครงานใหม่ โดยใช้ชื่อแพทย์คนเดิมที่เคยปลอมมาแล้ว ซึ่งได้มีการแจ้งความและจับกุมหมอปลอมได้อย่างทันทีทันควันเช่นเดียวกัน ชื่อนี้ช่างฮิตจริงๆ.
ขณะนี้ทางสำนักงานเลขาธิการแพทยสภาได้ดำเนินการในเชิงรุกโดยได้พยายามตรวจสอบอย่างเต็มที่ เพราะเหยี่ยวข่าวสาว (สวย) ของเราได้สืบทราบมาว่าได้มีผู้ที่ไม่มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพจากแพทยสภาไปสมัครงานที่โรงพยาบาลเอกชน และโพลีคลินิกต่างๆ โดยใช้สำเนาใบอนุญาตปลอมด้วยวิธีการนำรูปถ่ายของตนเองมาปิดบนภาพถ่ายใบอนุญาตของแพทย์จริง แล้วถ่ายเอกสารซ้ำ ก็จะได้ภาพถ่ายใบอนุญาตปลอมและตนเองรับรองสำเนาไปสมัครงาน. ดังนั้นจึงขอให้ทางผู้ดำเนินการสถานพยาบาลทุกแห่งได้โปรดตรวจสอบและขอดูใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ เวชกรรมตัวจริงของแพทย์ทุกครั้งที่มาสมัครงาน มิฉะนั้นท่านจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบตามกฎหมายต่างๆหลายฉบับทีเดียว ซึ่งเรื่องนี้แพทยสภาได้แจ้งให้ทราบ โดยทั่วกันแล้ว.
ถัดจากเรื่องหมอปลอมไปแล้วคราวนี้มาดูเรื่องหมอจริงกันบ้าง วันนี้ (9 กรกฎาคม 2550 ผมฟังข่าววิทยุ เวลา 17.00 น. ได้ข่าวว่ามีการจับกุมแพทย์ที่คลินิกหนึ่ง {ซึ่งมีสาขาหลายแห่งตามศูนย์การค้าต่างๆ}) โดยมีการกล่าวหาว่าแพทย์กระทำอนาจารเด็กชาย ขณะเข้ารับการตรวจ ทันทีที่ได้รับข่าวผมได้ตรวจสอบไปยังสำนักงานเลขาธิการแพทยสภาก็พบว่ามีชื่อ และเลขที่ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพของแพทย์คนดังกล่าวอยู่จริง เป็นแพทย์ที่จบปี 2546 อายุ 28 ปี ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบว่าเป็นแพทย์คนนี้จริงหรือ ถูกนำชื่อมาแอบอ้าง กรณีนี้หากเป็นแพทย์จริง แพทยสภาก็จะต้องดำเนินการสอบสวนทางจริยธรรมทันที ซึ่งถ้าพบว่ามีการกระทำดังกล่าวจริง แพทย์ผู้นั้นก็จะต้องถูกลงโทษตามความยุติธรรม ซึ่งมีตั้งแต่ว่ากล่าว ตักเตือน ภาคทัณฑ์ พักใช้ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรม หรือเพิกถอนใบอนุญาต.
ผมได้ทราบข่าวหลังนี้ด้วยความไม่สบายใจเป็นอย่างยิ่ง เพราะผมคิดว่าเป็นเรื่องสำคัญ แพทยสภาจะดูแลและใส่ใจในเรื่องลักษณะนี้โดยจะหาทางป้องกันและแก้ไขต่อไป.
อำนาจ กุสลานันท์ พ.บ. น.บ., น.บ.ท.,
ว.ว. (นิติเวชศาสตร์)
ศาสตราจารย์คลินิก
เลขาธิการแพทยสภา
- อ่าน 3,150 ครั้ง
- พิมพ์หน้านี้