Skip to main content
ข้อมูลสุขภาพ มูลนิธิหมอชาวบ้าน
menu

Login Pop

  • เข้าสู่ระบบ
    • ลืมรหัสผ่าน
search
  • เว็บหลักหมอชาวบ้าน
  • สำนักพิมพ์หมอชาวบ้าน
  • มูลนิธิหมอชาวบ้าน
  • หน้าแรก
  • ดูแลสุขภาพด้วยตัวเอง
  • บทความสุขภาพน่ารู้
  • สื่อสุขภาพ
  • คำถามสุขภาพ
  • ข่าวสาร
  • ติดต่อหมอชาวบ้าน
  • ข้อปฏิเสธความรับผิดชอบ
หน้าแรก » บทความสุขภาพน่ารู้ » ก้าวต่อไป หลังการปฏิวัติเขียว
  • ขนาดตัวอักษร  Normal size text | Increase text size by 10% | Increase text size by 20% | Increase text size by 30%

ก้าวต่อไป หลังการปฏิวัติเขียว

โพสโดย Anonymous เมื่อ 1 สิงหาคม 2550 00:00

เกือบห้าสิบปีมาแล้ว ที่การปฏิวัติเขียวได้เริ่มขึ้นเมื่อทศวรรษ 1960 ทำให้โลกได้คลายความหิวโหยลงอย่างมาก เพียงยี่สิบปีหลังจากเริ่มการปฏิวัติเขียววิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีได้เป็นเครื่องมือสำคัญของการยกระดับการผลิตทางการเกษตรทั่วโลกในรูปของปุ๋ยเคมี ยาปราบวัชพืช ยาฆ่าแมลง และฮอร์โมนสังเคราะห์สำหรับพืช จนปริมาณอาหารโดยเฉพาะกลุ่มธัญพืชได้ล้นเกิน.

นอกจากนั้นในประเทศพัฒนา การปฏิวัติเขียวได้เปลี่ยนโครงสร้างการผลิตอย่างมโหฬาร เกษตรกรในสหรัฐอเมริกาและสหราชอาณาจักรลดจำนวนลงเหลือเพียงร้อยละ 2 และ 4 ของประชากรทั้งประเทศตามลำดับ. รายจ่ายด้านอาหารของประเทศลดลงจาก 1/3 ของจีดีพี เหลือเพียง 1/10 เช่นเดียวกันโครงสร้างการตลาดของอาหารก็เปลี่ยนไป โดยปริมาณอาหารเดินทางข้ามทวีปไปมาอย่างมหาศาล. อาหารสำเร็จรูปจำพวกโปรตีน เครื่องดื่ม ไอศกรีม ขนมเค้ก นมเนย จากซีกโลกเหนือได้ไหลบ่าไปสู่ตลาดของซีกโลกใต้ จากตะวันตกไปตะวันออก กลยุทธ์ทางการตลาดและเทคโนโลยีสารสนเทศถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือทางการตลาดที่สำคัญในการส่งเสริมการบริโภค คู่ขนานไปกับการขยายตัวของธุรกิจค้าปลีกข้ามชาติ.

        
                                                                           ภาพที่ 1.

ในอีกด้านหนึ่ง การปฏิวัติเขียวได้สร้างผลกระทบเชิงลบต่อสุขภาพและระบบนิเวศน์อย่างกว้างขวาง ภาวะขาดสารอาหารซ่อนเร้น (Hidden Hunger) หรือ micronutrient deficiency ได้กลายเป็นปัญหาของประชากรโลกร้อยละ 40 หรือ 2.15 พันล้านคนโดยเฉพาะกลุ่มสตรีและเด็กในครอบครัวยากจนทั้งในประเทศพัฒนาและประเทศกำลังพัฒนา. ภาวะขาดสารอาหารซ่อนเร้นที่สำคัญ 4 กลุ่มได้แก่ การขาดธาตุเหล็ก ไอโอดีน วิตามินเอ และสังกะสี อันเป็นผลจากการกระจายอาหารไม่เป็นธรรม และอีกส่วนจากความลำเอียงของพื้นที่เพาะปลูกและกำลังการผลิตที่มุ่งเน้นธัญพืช โดยละเลยพืชตระกูลถั่ว ทำให้ปริมาณพืชตระกูลถั่วลดลงจนมีราคาแพงเกินกำลังซื้อของครัวเรือนยากจน.

ในประเทศไทย ร้อยละ 6 ของเด็กชั้นปฐมเป็นโรคคอพอก โดยที่บางพื้นที่ความชุกอาจสูงถึงร้อยละ 28 ที่เป็นโรคโลหิตจางยิ่งมีความชุกมากกว่าคือร้อยละ 12-22 ในเด็กก่อนวัยเรียน และร้อยละ 12-20 ในเด็กชั้นปฐม ใกล้เคียงกับตัวเลขในสตรีตั้งครรภ์ (ร้อยละ 9-17) สุดท้ายคือภาวะขาดวิตามินเอโดยไม่แสดงอาการมีความชุกสูงถึงร้อยละ 20 ในเด็กก่อนวัยเรียน.

อีกขั้วหนึ่งของปัญหาโภชนาการในยุคปฏิวัติเขียว คือปัญหาน้ำหนักเกินและโรคอ้วน อันเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มอาการเมตาบอลิก ก็กำลังระบาดทั่วโลกโดยเฉพาะอย่างยิ่งในสังคมเมืองที่สัมผัสกับคลื่นลูกแรกของโลกาภิวัตน์ด้านการค้าอาหารและการพัฒนาที่ส่งเสริมวิถีชีวิตนั่งกินนอนกิน ในสหราชอาณาจักรโรคกลุ่มนี้เป็นภาระต่อระบบสุขภาพคิดเป็นมูลค่าถึงหนึ่งหมื่นล้านปอนด์ต่อปี.

ในทางนิเวศวิทยา รายงานชื่อ Silent Spring ของ Carson R.เมื่อปี พ.ศ. 2505 ได้ปลุกโลกให้ตื่นตัวต่อผลกระทบทางนิเวศน์ของการปฏิวัติเขียวที่ก่อให้เกิดการปนเปื้อนของปุ๋ยเคมี ยาฆ่าแมลง ยาฆ่าวัชพืช ในสิ่งแวดล้อม จนเข้าสู่ห่วงโซ่อาหารของคนและสัตว์ คุกคามต่อเผ่าพันธุ์ของสัตว์ต่างๆเช่น นกอินทรีอันเป็นสัญญลักษณ์ของประเทศสหรัฐอเมริกา ความตื่นตัวนี้ได้ก่อให้เกิดกระแสตอบโต้ของผู้บริโภคอย่างน้อยสองประการที่เด่นชัดได้แก่ การก่อตัวของค่านิยมบริโภคอาหารปลอดสารพิษ (organic food) และการต่อต้านการใช้สารเคมีทางการเกษตร จนนำไปสู่การห้ามนำเข้าดีดีทีในหลายประเทศทั่วโลก.

โครงสร้างตลาดอาหารที่เปลี่ยนแปลง ยังหมายถึง ค่านิยมในการกินอาหารนอกบ้าน ที่รองรับด้วยการขยายตัวของภัตตาคารและร้านอาหาร ในสหราชอาณาจักรการวิจัยเผยว่า โรคอาหารเป็นพิษส่วนใหญ่เกิดจากการกินอาหารตามภัตตาคารและร้านค้าย่อย โดยสัดส่วนที่เกี่ยวข้องกับภัตตาคารมากเป็นสี่เท่าของร้านค้าย่อย ในสหรัฐฯมูลค่าความสูญเสียทางเศรษฐกิจจากโรคอาหารเป็นพิษในแต่ละปีสูงถึง 7.7-8.4 พันล้านดอลล่าร์สหรัฐ มูลค่าความสูญเสียสำหรับ salmonellosis หนึ่งรายอยู่ระหว่าง 500-1,350 ดอลล่าร์สหรัฐ ถ้าเป็น botulism ตัวเลขจะสูงถึงรายละ 322,000 ดอลล่าร์สหรัฐ.

ผลกระทบด้านลบที่กล่าวมาได้กลายเป็นกระแสกดดันให้เกิดการเรียกร้อง กระบวนทัศน์ใหม่ของการพัฒนาด้านอาหารและการเกษตรทั่วโลกที่จำเป็นต้องให้ความสำคัญกับความยั่งยืนโดยรอบด้าน จำเป็นที่ต้องบูรณาการการเกษตรและโภชนาการ นั่นคือไม่ใช่ผลิตอาหารเพียงเพื่อการค้า แต่ต้องมุ่งตอบสนองต่อการพัฒนาสุขภาพควบคู่กันไป การปนเปื้อนอาหารทั้งจากสารเคมีและเชื้อโรคได้ก่อกระแสเรียกร้องความปลอดภัยด้านอาหาร ซึ่งในด้านหนึ่งถูกบิดเบือนเพื่อประโยชน์ทางการค้าของกลุ่มอุตสาหกรรมอาหาร/การเกษตรข้ามชาติซึ่งส่วนใหญ่มีถิ่นกำเนิดในสหรัฐอเมริกาและยุโรปตะวันตก. การบิดเบือนปรากฏในรูปของการตั้งกติกาที่เรียกว่า Codex เพื่อหาทางออกให้กับข้อพิพาททางการค้าระหว่างประเทศในเรื่องการปนเปื้อนสารเคมีทางการเกษตร ฮอร์โมน สารปรุงแต่ง (additive) และการตัดแต่งพันธุกรรม. กรรมการที่ดูแลกติกาจำนวน 20 คณะ มีสมาชิกส่วนใหญ่มาจากกลุ่มประเทศสหรัฐอเมริกาและยุโรปตะวันตก รวมถึงกลุ่มอุตสาหกรรมอาหาร/เกษตรข้ามชาติ ร้อยละ 96 ของตัวแทนที่ไม่ใช่ราชการ มาจากกลุ่มอุตสาหกรรมนี้ แค่เนสท์เล่ บริษัทเดียวก็มีตัวแทนถึง 30 คนกระจายอยู่ในการประชุมของกรรมการทุกคณะ ในทางตรงกันข้ามผู้แทนของประเทศกำลังพัฒนากลับเป็นชนกลุ่มน้อย.

จะเห็นได้ว่า ในฐานะส่วนหนึ่งของประชาคมโลก สังคมไทยไม่อาจหลีกเลี่ยงกระแสโลกาภิวัตน์ การที่จะปรับตัวได้อย่างเหมาะสมจำเป็นที่สังคมไทยต้องรับรู้และเข้าใจความเป็นไป ทั้งภายในและภายนอกประเทศ. ความท้าทายส่วนหนึ่ง อาจอยู่ที่วิธีคิดทั้งในระบบราชการและภาคธุรกิจที่ถนัดในการมองภาพย่อยมากกว่าภาพรวม คุ้นเคยกับการคิดเชิงเส้นตรงมากกว่าการคิดเชิงซ้อน อันเป็นอุปสรรคสำคัญของการเรียนรู้และปรับตัวร่วมกันอย่างเป็นเอกภาพ ปัจจุบันอาจกล่าวได้ว่าไม่มีกลไกทางการใดๆที่จะประสานความคิดความร่วมมือในลักษณะบูรณาการเช่นนี้ในประเทศไทย.

อย่างไรก็ตาม มีความพยายามอย่างเป็นรูปธรรมแบบเฉพาะกิจ (ad hoc) ในการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างภาควิชาการ อย. และภาคเอกชนในการแก้ปัญหาภาวะขาดสารอาหารซ่อนเร้นด้วยการเติมสารอาหารในบะหมี่สำเร็จรูป (Triple fortification of instant noodles in Thailand) หากได้มีการขยายผลให้เป็นนโยบายที่จะส่งเสริมกลไกเชิงสถาบันรองรับการทำงานร่วมกันเช่นนี้ในระยะยาว ความหวังที่สังคมไทยจะเผชิญกับความท้าทายของกระแสโลกาภิวัตน์ด้านเกษตรและโภชนาการอย่างยั่งยืนก็จะแจ่มชัดมากขึ้น.

เอกสารประกอบการเรียบเรียง
1. Lang T. Agriculture and Human Values 1999;16:169-185.
2. Graham RD., Welch RM. Field Crops Research 60 1999 :1-10.
3. Chavasit V and Tontisirin K http://www.unu.edu/Unupress/food/V192e/ch12.htm<

ป้ายคำ:
  • คุยสุขภาพ
  • อื่น ๆ
  • ปัจฉิมพากย์
  • อ่าน 8,020 ครั้ง
  • พิมพ์หน้านี้พิมพ์หน้านี้

ข้อมูลสื่อ

272-021
วารสารคลินิก 272
สิงหาคม 2550
ปัจฉิมพากย์
Skip to Top

บทความสุขภาพน่ารู้

  • ทั้งหมด
  • การแพทย์ทางเลือก
    • แพทย์แผนไทย
      • กดจุด
      • นวดไทย
    • แพทย์แผนจีน
  • ดูแลสุขภาพ
    • การดูแลผู้สูงอายุ
    • การปฐมพยาบาล
    • การรักษาเบื้องต้น
    • การใช้ยาสมุนไพร
    • คู่มือดูแลสุขภาพ
    • ยาและวิธีใช้
    • ตรวจสุขภาพด้วยตัวเอง
      • คำนวณค่า BMI
      • วินิจฉัยโรคเบื้องต้น
      • แนะนำการตรวจสุขภาพประจำปี
    • คุยสุขภาพ
      • กรณีศึกษา
      • ถามตอบปัญหาสุขภาพ
  • สุขภาพทางเพศและครอบครัว
    • การดูแลบุตร
    • แม่และเด็ก
    • การตั้งครรภ์
    • เรียนรู้เรื่องเพศและการวางแผนครอบครัว
  • สร้างเสริมสุขภาพ 3 อ. ​และป้องกันโรค
    • อาหาร
      • อาหาร 5 หมู่
      • อาหารของผู้่ป่วยโรคเรื้อรัง
        • ความดันสูง
        • หัวใจ
        • เกาต์
        • เบาหวาน
      • อาหารที่ควรหลีกเลี่ยง
      • อาหารป้องกันมะเร็ง
      • อาหารสมุนไพร
    • ออกกำลังกาย
      • วิ่ง เดิน ปั่นจักรยาน ว่ายน้ำ แอร์โรบิค แอร์โรบอคซิ่ง รำกระบอง ไทเก็ก ชี่กง โยคะ
    • อารมณ์
      • การทำสมาธิ
      • การพักผ่อน
      • การพัฒนา EQ
      • จิตอาสา/ ฉือจี้
  • พฤติกรรมอันตราย
    • พฤติกรรมเสี่ยงต่อสุขภาพ
    • อนามัยสิ่งแวดล้อม
    • อิริยาบถ
  • โรคและอาการ
    • โรคเรื้อรัง
      • กลุ่มอาการเมตาโบลิค
      • ความดันโลหิตสูง
      • ถุงลมปอดโป่งพอง
      • มะเร็ง
      • อัมพฤกษ์ อัมพาต
      • เบาหวาน
      • โรคข้อ/เกาต์
      • โรคทางจิตเวช เครียด หวาดระแวง
      • โรคหวัด ภูมิแพ้
      • โรคหัวใจ
      • โรคหืด
      • ไขมันในเลือดสูง/ผิดปกติ
      • ไตวาย
    • โรคตามระบบ
      • ระบบทางเดินอาหาร
      • โรคจากอุบัติเหตุ สารพิษ และสัตว์พิษ
      • โรคช่องปากและฟัน
      • โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
      • โรคติดเชื้อ
      • โรคผิวหนัง
      • โรคพยาธิ
      • โรคระบบกระดูกและกล้ามเนื้อ
      • โรคระบบต่อมไร้ท่อ
      • โรคระบบทางอวัยวะเพศชาย
      • โรคระบบทางอวัยวะเพศหญิง
      • โรคระบบทางเดินปัสสาวะ
      • โรคระบบทางเดินหายใจ
      • โรคระบบประสาทและสมอง
      • โรคระบบไหลเวียนโลหิต
      • โรคหู ตา คอ จมูก
    • โรคจากการทำงาน
      • พิษภัยจากสารเคมี (ยาฆ่าเมลง/ สารตะกั่ว)
      • โรคจากฝุ่นและสารเคมีในโรงงาน
      • โรคจากสัตว์ เช่น ฉี่หนู
      • โรคจากอริยาบทที่ผิดสุขลักษณะ
      • โรคเส้นเอ็นอักเสบ/ นิ้วล็อค
  • ทันกระแสสุขภาพ
  • คลังความรู้สื่อสังคมออนไลน์
  • อื่น ๆ

ได้รับความนิยม

  • นม
  • ถั่วพู
  • คนท้อง
  • ธาลัสซีเมีย
  • ผู้สูงอายุ
  • ผักพื้นบ้าน
  • สมุนไพร

แผนผังเว็บไซต์

  • หน้าแรก
  • ดูแลสุขภาพด้วยตัวเอง
  • บทความสุขภาพน่ารู้
  • สื่อสุขภาพ
  • คำถามสุขภาพ
  • ข่าวสาร
  • ติดต่อหมอชาวบ้าน
  • ข้อปฏิเสธความรับผิดชอบ

รวมลิงค์เครือข่าย

  • มูลนิธิหมอชาวบ้าน
  • สำนักพิมพ์หมอชาวบ้าน
  • สถาบันโยคะวิชาการ

สื่อสุขภาพ

  • คลิปสุขภาพ
  • หมอชาวบ้านรายเดือน
  • คลินิกรายเดือน
  • จดหมายข่าวย้อนหลัง
  • feed หมอชาวบ้าน
  • facebook หมอชาวบ้าน
  • youtube หมอชาวบ้าน
  • feed หมอชาวบ้าน
  • facebook หมอชาวบ้าน
  • twitter หมอชาวบ้าน
  • youtube หมอชาวบ้าน
สนับสนุนโดย สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)< และสถาบัน ChangeFusion< พัฒนาระบบโดย Opendream< สัญญาอนุญาต cc by-nc-sa <