Skip to main content
ข้อมูลสุขภาพ มูลนิธิหมอชาวบ้าน
menu

Login Pop

  • เข้าสู่ระบบ
    • ลืมรหัสผ่าน
search
  • เว็บหลักหมอชาวบ้าน
  • สำนักพิมพ์หมอชาวบ้าน
  • มูลนิธิหมอชาวบ้าน
  • หน้าแรก
  • ดูแลสุขภาพด้วยตัวเอง
  • บทความสุขภาพน่ารู้
  • สื่อสุขภาพ
  • คำถามสุขภาพ
  • ข่าวสาร
  • ติดต่อหมอชาวบ้าน
  • ข้อปฏิเสธความรับผิดชอบ
หน้าแรก » บทความสุขภาพน่ารู้ » ความเจ็บป่วย = โรค + ความทุกข์
  • ขนาดตัวอักษร  Normal size text | Increase text size by 10% | Increase text size by 20% | Increase text size by 30%

ความเจ็บป่วย = โรค + ความทุกข์

โพสโดย somsak เมื่อ 1 กันยายน 2552 00:00

ในการมองปัญหาผู้ป่วยแบบองค์รวมที่เชื่อมโยงมิติทางกาย-จิต-สังคม (bio-psycho-social) เข้าด้วยกันนั้น ในแง่ปฏิบัติมีการเสนอให้ใช้สมการง่ายๆ ดังนี้ 

ตัวอย่างผู้ที่เจ็บป่วยด้วยโรคเรื้อรัง หรือร้ายแรง (เช่น เอดส์ มะเร็ง ไตวายระยะท้าย อัมพาต ผู้พิการ เป็นต้น) นอกจากมีความทุกข์ทางกายแล้ว ยังมีความทุกข์ใจมหันต์ (กลัว กังวล โกรธแค้น ซึมเศร้า มีปมด้อย ไร้ศักดิ์ศรี คิดฆ่าตัวตาย) เกิดความทุกข์ทางสังคม (ออกจากงาน ขาดรายได้ เสียทรัพย์ในการรักษา) กระทบต่อครอบครัวให้เกิดความทุกข์ใจและแบกรับภาระในการดูแลผู้ป่วย (เช่น ลาหรือออกจากงาน หรือโรงเรียนเพื่อมาดูแลผู้ป่วย แบกรับค่าใช้จ่ายต่างๆ กระทบต่อเศรษฐกิจของครอบครัว) รวมทั้งเป็นที่รังเกียจเดียดฉันท์ของเพื่อนบ้าน (เช่น ผู้ป่วยเอดส์ โรคเรื้อน โรคจิต).

แพทย์และบุคลากรสาธารณสุข จำเป็นต้องเข้าใจความเจ็บป่วย (โรค + ความทุกข์) ของผู้ป่วยและครอบครัวเพื่อวางแผนให้การบำบัดรักษาและดูแลช่วยเหลืออย่างครบวงจร (บูรณาการ) จึงจะเกิดคุณภาพบริการที่ดีและสมบูรณ์.

แต่ถ้าผู้ให้บริการสนใจแต่เรื่อง  " โรค " เพียงอย่างเดียว ไม่ใส่ใจ " ความทุกข์ " ของผู้ป่วย ก็อาจจะให้การดูแลไม่ได้เต็มที่ ขาดคุณภาพ รวมทั้งอาจสร้างผลกระทบต่างๆ ตามมาได้.

ตัวอย่างผู้ป่วยเบาหวาน หากเป็นโรคในระยะแรก (ก่อนเกิดภาวะแทรกซ้อน) ผู้ป่วยมัก ไม่มีอาการแสดง แม้มีระดับน้ำตาลสูงเกินปกติ (FPG อยู่ระหว่าง 126-200 มก./ดล.) ก็ยังรู้สึกสบายดี จึงไม่รู้สึกเดือดร้อนหรือมีความทุกข์. แพทย์เราซึ่งสนใจ  " โรค " มากกว่า  " ความทุกข์ " มักรู้สึกเดือดร้อนแทนและพยายามหาทางรักษาเพื่อคุมระดับน้ำตาลให้อยู่ในเกณฑ์เป้าหมายให้ได้. บางครั้งคุมจนน้ำตาลต่ำเกิดอาการผิดปกติ ผู้ป่วยรู้สึกเป็นทุกข์ กลัว กังวล จึงแอบลดหรืองดยา ปล่อยให้ระดับน้ำตาลสูงเกินนิดๆ จะพอใจและเป็นสุขมากกว่าการลดระดับน้ำตาลให้ได้ตามความคาดหวังของแพทย์. การดูแลผู้ป่วยเบาหวาน จึงมักเกิด " สภาพผู้ป่วยดื้อ " (non-compliance) สร้างความหงุดหงิดไม่พอใจแก่ผู้ให้บริการอยู่เนืองๆ บางครั้งก็อาจดุว่าผู้ป่วย (ด้วยความหวังดี) ก่อให้เกิดความสัมพันธ์ที่ไม่ราบรื่น ระหว่างผู้ให้และผู้รับบริการ.

ถ้าหากผู้ให้บริการเข้าใจว่าผู้ป่วยเบาหวาน (ระยะแรก) มีแต่โรค แต่ไม่มีความทุกข์ และพยายามสื่อสารให้เข้าใจมุมมองของผู้ป่วยและญาติ พร้อมทั้งชี้ให้พวกเขาเห็นเส้นทางเดินของโรคนี้ที่จะนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนที่จะก่อทุกข์มหันต์ตามมาในอนาคต จนสร้างความตระหนัก (รู้แจ้ง) ต่อโรคที่เป็น ก็น่าจะสร้างแรงจูงใจให้ผู้ป่วยหันมารับการดูแลรักษาอย่างจริงจังได้.


ในทางตรงข้าม มีโรคบางโรค เช่น ไมเกรน อาการเจ็บป่วยทางกายที่เกิดจากจิต (psychosomatic disorder) ซึ่งเป็นโรคที่ไม่มีอันตราย บางครั้งผู้ให้บริการอาจมองว่า  " ไม่ใช่โรค " จึงให้แต่ยาบรรเทา โดยไม่ได้ให้ความสนใจต่อ " ความทุกข์ " (อาการเจ็บป่วยทรมาน เสียงานเสียการ วิตกกังวล สูญเสียคุณภาพชีวิต) และไม่พยายามสืบหาเหตุปัจจัยของปัญหาการเจ็บป่วย เพื่อให้อาการทุเลาห่างหายจากความทุกข์. ผู้ป่วยกลุ่มนี้มักจะมีพฤติกรรมเปลี่ยนผู้รักษาไปเรื่อยๆ จนกว่าจะได้รับการดูแลแบบองค์รวมจากผู้ที่เข้าใจเรื่อง " ความเจ็บป่วย ".

ในการประกอบเวชปฏิบัติ จำเป็นต้องเข้าใจผู้ป่วยอย่างเป็นองค์รวม โดยการเข้าใจสมการแห่งความเจ็บป่วยดังกล่าว. วิธีง่ายๆ ก็คือ พยายามเข้าใจมุมมองของผู้ป่วยและครอบครัว โดยการให้เวลาพูดคุยซักถามใน 4 ประเด็นหลักๆ ได้แก่

¾ Idea :   เข้าใจในความคิด ความรู้ ความเชื่อต่อโรค/อาการเจ็บป่วยที่เป็น ผลกระทบที่เกิดขึ้น เป็นต้น.

¾Feeling  : เข้าใจในความรู้สึกที่ผู้ป่วยและ ญาติมีต่อโรค/อาการเจ็บป่วย มีความเดือดเนื้อร้อนใจ ทุกข์ใจ ความลำบากในการเดินทางมารับบริการอย่างไรหรือไม่ เป็นต้น.

¾Function : เข้าใจในบทบาทหน้าที่ของผู้ป่วยในครอบครัว สังคม การทำงาน การประกอบอาชีพ การเจ็บป่วยกระทบต่อบทบาทเหล่านี้อย่างไรหรือไม่ เป็นต้น.

¾Expectation : เข้าใจในความคาดหวังของผู้ป่วยและญาติที่มีต่อการบำบัดรักษาโรค/อาการเจ็บป่วย อยากให้ระบบบริการดูแลช่วยเหลือปัญหาด้านใดบ้าง ผู้ป่วยและญาติต่างคาดหวังซึ่งกันและกันอย่างไร เป็นต้น.

การเข้าใจมุมมองของผู้ป่วยและญาติสามารถกระทำโดยการพูดคุยแบบสองทาง (dialogue) ผู้ให้ บริการจะต้องใส่ใจฟังมากกว่าสอน

ถ้าจำเป็นอาจต้องมีทีมสหวิชาชีพในการให้คำปรึกษาแนะแนว (counseling) และ/หรือเยี่ยมบ้านผู้ป่วย. โดยเฉพาะอย่างยิ่งควรส่งเสริมให้บุคลากรที่หน่วยบริการปฐมภูมิใน ชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมในการดูแลช่วยเหลือผู้ป่วยและครอบครัว เนื่องเพราะมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดและมีความเข้าใจ-เข้าถึงผู้ป่วยและครอบครัวเป็นพื้นฐาน
 

รศ.นพ.สุรเกียรติ อาชานานุภาพ
 

ป้ายคำ:
  • คุยสุขภาพ
  • บทบรรณาธิการ
  • รศ.นพ.สุรเกียรติ อาชานานุภาพ
  • อ่าน 10,577 ครั้ง
  • พิมพ์หน้านี้พิมพ์หน้านี้

ข้อมูลสื่อ

297-001
วารสารคลินิก 297
กันยายน 2552
บทบรรณาธิการ
รศ.นพ.สุรเกียรติ อาชานานุภาพ
Skip to Top

บทความสุขภาพน่ารู้

  • ทั้งหมด
  • การแพทย์ทางเลือก
    • แพทย์แผนไทย
      • กดจุด
      • นวดไทย
    • แพทย์แผนจีน
  • ดูแลสุขภาพ
    • การดูแลผู้สูงอายุ
    • การปฐมพยาบาล
    • การรักษาเบื้องต้น
    • การใช้ยาสมุนไพร
    • คู่มือดูแลสุขภาพ
    • ยาและวิธีใช้
    • ตรวจสุขภาพด้วยตัวเอง
      • คำนวณค่า BMI
      • วินิจฉัยโรคเบื้องต้น
      • แนะนำการตรวจสุขภาพประจำปี
    • คุยสุขภาพ
      • กรณีศึกษา
      • ถามตอบปัญหาสุขภาพ
  • สุขภาพทางเพศและครอบครัว
    • การดูแลบุตร
    • แม่และเด็ก
    • การตั้งครรภ์
    • เรียนรู้เรื่องเพศและการวางแผนครอบครัว
  • สร้างเสริมสุขภาพ 3 อ. ​และป้องกันโรค
    • อาหาร
      • อาหาร 5 หมู่
      • อาหารของผู้่ป่วยโรคเรื้อรัง
        • ความดันสูง
        • หัวใจ
        • เกาต์
        • เบาหวาน
      • อาหารที่ควรหลีกเลี่ยง
      • อาหารป้องกันมะเร็ง
      • อาหารสมุนไพร
    • ออกกำลังกาย
      • วิ่ง เดิน ปั่นจักรยาน ว่ายน้ำ แอร์โรบิค แอร์โรบอคซิ่ง รำกระบอง ไทเก็ก ชี่กง โยคะ
    • อารมณ์
      • การทำสมาธิ
      • การพักผ่อน
      • การพัฒนา EQ
      • จิตอาสา/ ฉือจี้
  • พฤติกรรมอันตราย
    • พฤติกรรมเสี่ยงต่อสุขภาพ
    • อนามัยสิ่งแวดล้อม
    • อิริยาบถ
  • โรคและอาการ
    • โรคเรื้อรัง
      • กลุ่มอาการเมตาโบลิค
      • ความดันโลหิตสูง
      • ถุงลมปอดโป่งพอง
      • มะเร็ง
      • อัมพฤกษ์ อัมพาต
      • เบาหวาน
      • โรคข้อ/เกาต์
      • โรคทางจิตเวช เครียด หวาดระแวง
      • โรคหวัด ภูมิแพ้
      • โรคหัวใจ
      • โรคหืด
      • ไขมันในเลือดสูง/ผิดปกติ
      • ไตวาย
    • โรคตามระบบ
      • ระบบทางเดินอาหาร
      • โรคจากอุบัติเหตุ สารพิษ และสัตว์พิษ
      • โรคช่องปากและฟัน
      • โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
      • โรคติดเชื้อ
      • โรคผิวหนัง
      • โรคพยาธิ
      • โรคระบบกระดูกและกล้ามเนื้อ
      • โรคระบบต่อมไร้ท่อ
      • โรคระบบทางอวัยวะเพศชาย
      • โรคระบบทางอวัยวะเพศหญิง
      • โรคระบบทางเดินปัสสาวะ
      • โรคระบบทางเดินหายใจ
      • โรคระบบประสาทและสมอง
      • โรคระบบไหลเวียนโลหิต
      • โรคหู ตา คอ จมูก
    • โรคจากการทำงาน
      • พิษภัยจากสารเคมี (ยาฆ่าเมลง/ สารตะกั่ว)
      • โรคจากฝุ่นและสารเคมีในโรงงาน
      • โรคจากสัตว์ เช่น ฉี่หนู
      • โรคจากอริยาบทที่ผิดสุขลักษณะ
      • โรคเส้นเอ็นอักเสบ/ นิ้วล็อค
  • ทันกระแสสุขภาพ
  • คลังความรู้สื่อสังคมออนไลน์
  • อื่น ๆ

ได้รับความนิยม

  • นม
  • ถั่วพู
  • คนท้อง
  • ธาลัสซีเมีย
  • ผู้สูงอายุ
  • ผักพื้นบ้าน
  • สมุนไพร

แผนผังเว็บไซต์

  • หน้าแรก
  • ดูแลสุขภาพด้วยตัวเอง
  • บทความสุขภาพน่ารู้
  • สื่อสุขภาพ
  • คำถามสุขภาพ
  • ข่าวสาร
  • ติดต่อหมอชาวบ้าน
  • ข้อปฏิเสธความรับผิดชอบ

รวมลิงค์เครือข่าย

  • มูลนิธิหมอชาวบ้าน
  • สำนักพิมพ์หมอชาวบ้าน
  • สถาบันโยคะวิชาการ

สื่อสุขภาพ

  • คลิปสุขภาพ
  • หมอชาวบ้านรายเดือน
  • คลินิกรายเดือน
  • จดหมายข่าวย้อนหลัง
  • feed หมอชาวบ้าน
  • facebook หมอชาวบ้าน
  • youtube หมอชาวบ้าน
  • feed หมอชาวบ้าน
  • facebook หมอชาวบ้าน
  • twitter หมอชาวบ้าน
  • youtube หมอชาวบ้าน
สนับสนุนโดย สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)< และสถาบัน ChangeFusion< พัฒนาระบบโดย Opendream< สัญญาอนุญาต cc by-nc-sa <