รายที่ 1
ชายอายุ 50 ปี สังเกตพบผื่นนูนเป็นวงขนาดต่างๆ กันตามตัวมาประมาณ 1 ปี. การตรวจร่างกาย พบ flat-topped nodule ซึ่งขยายกว้างออกเป็นวง ตรงกลางผื่นมีผิวปกติ รอยโรคอยู่ที่บริเวณอก หลัง แขน (ภาพที่ 1) และขา ไม่มีอาการคัน หรือเจ็บ. ร่างกายทั่วไปปกติ.
คำถาม
1.จงให้การวินิจฉัยโรค.
2.จงให้การรักษา.
รายที่ 2
ชายอายุ 47 ปี ภูมิลำเนาอยู่จังหวัดตราด มาด้วยอาการไข้ หนาวสั่นมา 10 วัน. การตรวจเลือดโดยการย้อมสี Wright พบลักษณะดังภาพที่ 2.
คำถาม
1.การวินิจฉัยโรคคืออะไร
2.การรักษาที่เหมาะสมควรเป็นเช่นไร
เ ฉ ล ย ปั ญ ห า ป ร ะ จ ำ ฉ บั บ
รายที่ 1
1.การวินิจฉัยโรคคือ granuloma annulare พบได้ทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ โดยในเด็กมักจะเป็นเฉพาะที่ใดที่หนึ่ง ส่วนผู้ใหญ่มักจะกระจายทั่วตัว. ลักษณะเฉพาะจะเริ่มด้วย papule หรือ nodule สีผิว และขยายวงกว้างออกโดยรอบ กลายสภาพเป็นผื่นขอบยกนูน เหลือผิวหนังตรงกลางในสภาพปกติ ไม่มีอาการผิดปกติในระบบอื่น. บางรายพบร่วมกับเบาหวาน. จุลพยาธิวิทยาพบ necrobiosis ของใยคอลลาเจน และมีปริมาณของ mucin เพิ่มจำนวนขึ้นในชั้นหนังแท้ ล้อมรอบด้วย granuloma.
2.สาเหตุของการเกิดโรคไม่ทราบแน่ชัด หายได้เองในเวลา 2-3 ปี. การรักษาที่นิยมใช้ ได้แก่ การฉีดยาชา หรือ normal saline เข้าใต้ผิวหนังในชั้นหนังแท้, การทา corticosteroid ส่วนการกินยา dapsone, antimalarial drug, salicylate ได้ผลไม่แน่นอน.
รายที่ 2
1.การตรวจพบ ring form ของเชื้อมาลาเรียที่มีลักษณะ ameboid เม็ดเลือดแดงที่มี ring form มีขนาดใหญ่ (polychromasia) เข้าได้กับ Plasmodium vivax บางครั้ง การพบ eosinophilic Schuff- ner' s dot ในเม็ดเลือดแดงจะช่วยยืนยันการวินิจฉัยเชื้อนี้.
2.การรักษาที่เหมาะสมคือ ให้ chloroquine ขนาด 600 มก. (4 เม็ด) ในครั้งแรก 6 ชั่วโมงต่อมาให้อีก 300 มก. และให้วันละ 300 มก.ต่ออีก 2 วัน และตามด้วย primaquine ในขนาดวันละ 15 มก.อีก 14 วัน เพื่อกำจัดเชื้อในตับซึ่งช่วยลดการกลับ เป็นซ้ำในผู้ป่วยที่ขาดเอนไซม์ G-6-PD ให้ขนาดครึ่งหนึ่งนาน 6 สัปดาห์ และต้องคอยเฝ้าระวังภาวะ hemolysis อย่างใกล้ชิด.
เยาวเรศ นาคแจ้ง พ.บ., อาจารย์พิเศษ, สถาบันโรคผิวหนัง, กรมการแพทย์, กระทรวงสาธารณสุข
สมนึก สังฆานุภาพ พ.บ., ผู้ช่วยศาสตราจารย์, หน่วยโรคติดเชื้อ, ภาควิชาอายุรศาสตร์, คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี, มหาวิทยาลัยมหิดล
เจริญพิน เจนจิตรานันท์ พ.บ., อาจารย์พิเศษ, ภาควิชารังสีวิทยา, คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี, มหาวิทยาลัยมหิดล
- อ่าน 5,028 ครั้ง
- พิมพ์หน้านี้