คุณหมอ Ludmerer ตีพิมพ์บทความเกี่ยวกับแพทยศาสตร์ศึกษาในสหรัฐอเมริกา1 ผมอ่านแล้วก็อดตั้งคำถามไม่ได้ว่า เนื้อเรื่องในบทความนี้สะท้อนความเป็นจริงเกี่ยวกับแพทยศาสตร์ศึกษาในประเทศไทยสักเพียงใด.
นับเป็นเวลากว่าร้อยปีแล้วที่ไทยได้ก้าวตามรอยเท้าแพทยศาสตร์ศึกษาในสหรัฐอเมริกา ตั้งแต่ครั้งเกิดโรงเรียนแพทย์ที่โรงพยาบาลศิริราชโดยการสนับสนุนอย่างสำคัญจากมูลนิธิร็อกกี้เฟลเลอร์ อิทธิพลทางความคิดของอเมริกันจึงหยั่งรากฝังลึกในระบบแพทยศาสตร์ศึกษาไทยอย่างลึกซึ้ง.
ตลอดระยะเวลาดังกล่าวมีความพยายามอย่างต่อเนื่องน้อยใหญ่เพื่อปรับปรุงหรือปฏิรูปแพทยศาสตร์ศึกษาไทย แต่ดูเหมือนกลิ่นอายของอเมริกันยังคุกรุ่นอยู่ไม่จืดจางจะมากหรือน้อย ลองหันมาพิจารณาสาระที่ Ludmerer พยายามชี้ออกมา.
ทุกวันนี้ นักเรียนแพทย์คือพวกปลายแถว หรือเกือบจะเป็นส่วนเกินของโรงเรียนแพทย์ หมายความว่า ทุกวันนี้แพทยศาสตร์ศึกษามิได้เป็นเครื่องประเทืองปัญญา ไม่ได้เป็นประสบการณ์แห่งการเรียนรู้อันน่าตื่นเต้นสนุกสนานมีชีวิตชีวาอีกต่อไป.
โรงเรียนแพทย์มิใช่สิ่งแวดล้อมที่เอื้อต่อการหล่อหลอม แพทย์ที่กระตือรือร้น ใฝ่รู้และสามารถเรียนรู้ด้วยตนเองชั่วชีวิต.
คุณสมบัติในประการหลังสุดหมายถึง ความสามารถในการ...คิดอย่างมีวิจารณญาณ...โยงภาพย่อยไปสู่ภาพใหญ่...แสวงหาและประเมินค่าของสารสนเทศ.
ในสายตาของ Ludmerer การหล่อหลอมแพทย์ในลักษณะดังกล่าวต้องการการสอนชนิดที่เหมาะสมเฉพาะตัวของผู้เรียน ซึ่งต้องการการคิดค้นอย่างพิถีพิถันจากครูแพทย์ (thoughtful & personalized teaching).
ในศตวรรษที่ผ่านมา ความพยายามปฏิรูปหลักสูตรนำไปสู่การเติมเนื้อหาวิชาใหม่ๆ ยกเลิกความรู้อันล้าสมัย และพัฒนาวิธีการสอนใหม่ๆ ซึ่งล้วนเกาไม่ถูกที่คัน เพราะความพยายามเหล่านี้ไม่ได้สนองต่อหลักการเรียนรู้ที่ยึดผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง.
สภาพเช่นนี้เกิดขึ้นท่ามกลางการทุ่มเทความสนใจและทรัพยากรในการบริหารจัดการโรงเรียนแพทย์ที่เน้นการวิจัยและบริการมากเกิน ทั้งระดับปรีคลินิกและคลินิกจึงเกิดสภาพที่หาครูแพทย์ที่ทุ่มเทกายใจให้กับการเรียนรู้ของนักเรียนแพทย์ได้ยากยิ่ง ไม่ต้องพูดถึงการวิจัยเพื่อพัฒนาแพทยศาสตร์ศึกษาอย่างเป็นระบบ.
ระบบใหญ่ที่ครอบงำโรงเรียนแพทย์เป็นระบบที่ให้ผลตอบแทนทั้งที่จับต้องได้และจับต้องไม่ได้ เช่น งานวิจัยและบริการ จึงเข้าใจได้ไม่ยากว่าเหตุใดโรงเรียนแพทย์จึงมีพฤติกรรมเช่นนั้น.
ถึงที่สุด ก็พอคาดเดาใจ Ludmerer ได้ว่า ในสายตาของเขา ระบบคุณค่าที่ให้ความสำคัญกับผลตอบแทนทางวัตถุ และเป็นกระแสหลักในสังคมอเมริกันนั่นเองที่กำหนดทิศทางความเป็นไปของแพทยศาสตร์ศึกษา.
ทางออกจากวังวนแห่งวิวัฒนาการทางแพทยศาสตร์ศึกษา ที่นับวันมุ่งเข้าสู่บรรยากาศอันหนาวเหน็บของการเรียนรู้ที่ไม่ต่างจากฤดูหนาวแห่งอาร์คติคคืออะไร.
Ludmerer ปลุกระดมให้ผู้มีจิตวิญญาณต่อการส่งเสริมการเรียนรู้ที่ยึดผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง ช่วยกันส่งเสียงดังๆ ให้สังคมได้รับรู้และช่วยผลักดันการเคลื่อนย้ายความสนใจและทรัพยากรของโรงเรียนแพทย์มาสู่แพทยศาสตร์ศึกษาเสียใหม่.
เมื่อร้อยปีที่แล้ว โรงเรียนแพทย์ที่ the Johns Hopkins เป็นแม่แบบของแพทยศาสตร์ศึกษาปัจจุบันของสหรัฐ มาวันนี้โรงเรียนแพทย์แห่งใดในประเทศไทยจะเป็นแม่แบบแห่งการเรียนรู้บนหลักผู้เรียนเป็นศูนย์กลางอย่างแท้จริง ถ้าเชื่อว่าแพทยศาสตร์ศึกษาไทยก็อีหรอบเดียวกับที่ Ludmerer พรรณนาไว้.
(รองศาสตราจารย์ นายแพทย์ไพบูลย์ สุริยะวงศ์ไพศาล)
- อ่าน 1 ครั้ง
- พิมพ์หน้านี้