Skip to main content
ข้อมูลสุขภาพ มูลนิธิหมอชาวบ้าน
menu

Login Pop

  • เข้าสู่ระบบ
    • ลืมรหัสผ่าน
search
  • เว็บหลักหมอชาวบ้าน
  • สำนักพิมพ์หมอชาวบ้าน
  • มูลนิธิหมอชาวบ้าน
  • หน้าแรก
  • ดูแลสุขภาพด้วยตัวเอง
  • บทความสุขภาพน่ารู้
  • สื่อสุขภาพ
  • คำถามสุขภาพ
  • ข่าวสาร
  • ติดต่อหมอชาวบ้าน
  • ข้อปฏิเสธความรับผิดชอบ
หน้าแรก » บทความสุขภาพน่ารู้ » ข้อเท็จจริงทางการแพทย์ ตอนที่ 3 (The Fact in Medicine)
  • ขนาดตัวอักษร  Normal size text | Increase text size by 10% | Increase text size by 20% | Increase text size by 30%

ข้อเท็จจริงทางการแพทย์ ตอนที่ 3 (The Fact in Medicine)

โพสโดย somsak เมื่อ 1 เมษายน 2549 00:00

คำอธิบายเกี่ยวกับข้อเท็จจริง (ต่อ)

ข้อเท็จจริงทางการแพทย์ที่ร่างนี้อาจอธิบายได้ดังต่อไปนี้
ข้อ 7. บางสภาวะหรือบางโรคอาจดำเนินการโดยมาตรฐานทางการแพทย์ได้หลายแนวทาง

อธิบาย 
 ในการดำเนินการทางการแพทย์แผนปัจจุบันนั้นอาจมีได้หลายแนวทาง ซึ่งแต่ละแนวทางจะถือว่าได้มาตรฐานด้วยกันทั้งสิ้น ทั้งนี้อาจขึ้นอยู่กับ อายุ เพศ โรคประจำตัว สภาวะของร่างกายของผู้ป่วย ความรุนแรงของโรคหรืออาการเครื่องมือเครื่องใช้ที่มีอยู่ บุคลากรที่มีอยู่ปัจจัยอื่นๆตามภาวะวิสัยและพฤติการณ์.

ตัวอย่าง
การเกิดสภาวะเลือดออกในทางเดินอาหารบางกรณี เช่น ในกระเพาะอาหารอาจให้การรักษาโดยการผ่าตัดหรือรักษาด้วยยาก็ได้.


ข้อ 8. ในการดำเนินการทางการแพทย์บางอย่างนั้นผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมเพียงคนเดียวอาจไม่สามารถดำเนินการให้ลุล่วงไปได้ จึงจำเป็นต้องปรึกษาผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมอื่นเพื่อประโยชน์ต่อผู้ป่วย

อธิบาย
ในการดำเนินการทางการแพทย์นั้นผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมเพียงคนเดียวอาจไม่สามารถดำเนินการทางการแพทย์ให้ครอบคลุมถึงสภาวะการป่วยเจ็บ สภาวะของโรคหรือสภาวะอันเกี่ยวเนื่องได้ทั้งหมด. กรณีเช่นนี้ผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมอาจปรึกษาผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมท่านอื่นเพื่อประโยชน์ในการดำเนินการทางการแพทย์ให้ดีขึ้นหรือประโยชน์อื่นใดได้ทั้งนี้เพื่อประโยชน์ของผู้ป่วยทั้งสิ้น ซึ่งประโยชน์ดังกล่าวอาจเป็นเรื่องในปัจจุบันหรือคาดว่าจะเกิดขึ้นในภายภาคหน้าอาจแบ่งออกได้ดังนี้ 

ก. การดำเนินการทางการแพทย์ไม่อาจกระทำเพียงคนเดียวได้ 
หมายถึง การดำเนินการทางการแพทย์ต่อผู้ป่วยไม่อาจกระทำได้เพียงแพทย์หรือผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมเพียงคนเดียวเท่านั้นเพราะการดำเนินการนั้นอาจซับซ้อนหรือเกี่ยวข้องกับระบบต่างๆ ของร่างกายมากกว่าหนึ่งระบบ หรือคาบเกี่ยวกับระบบต่างๆ มากมาย. การที่จะให้การดำเนินการไม่ว่าจะเป็นการรักษา บำบัด ฯลฯ จึงจำเป็นต้องให้แพทย์ท่านอื่นเข้าร่วมในการดำเนินการด้วย. 

ข. การปรึกษาผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมท่านอื่นเพื่อประโยชน์กับผู้ป่วยทั้งสิ้น 
หมายความว่า การปรึกษาแพทย์ท่านอื่นนั้นจะต้องเพื่อประโยชน์ในการดำเนินการทางการแพทย์ต่อผู้ป่วย หรือเพื่อประโยชน์ต่อผู้ป่วยนั่นเอง มิใช่ต่อตัวแพทย์หรือต่อบุคคลที่ 3 ทั้งนี้ผู้ป่วยอาจไม่เข้าใจและไม่เห็นถึงความสำคัญในขณะนี้. 

ค. ประโยชน์นั้นอาจเป็นเรื่องในปัจจุบันหรือคาดว่าจะเกิดในภายภาคหน้า 
ในประการนี้หมายความว่า ประโยชน์ที่เกิดขึ้นนี้อาจไม่เห็นได้ชัดเจนในขณะนี้แต่อาจเกิดขึ้นในภายภาคหน้าได้ (เพราะผู้ป่วยอาจไม่เคยมีประสบการณ์ทางด้านการป่วยเจ็บ ฯลฯ เช่นนี้มาก่อน ซึ่งต่างจากแพทย์ที่ได้ประสบเหตุการณ์เช่นนี้มามากมายแล้ว จึงทราบถึงผลที่อาจเกิดขึ้นตามมาในภายภาคหน้าได้). 

ตัวอย่าง ประโยชน์ที่เห็นได้ชัดเจนในขณะนี้ 
การผ่าตัดเพื่อนำมะเร็งในลำไส้ใหญ่ออกมานั้นจำเป็นต้องทำการผ่าตัดทั้งทางหน้าท้องและทางทวารหนัก จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องให้มีแพทย์ท่านอื่นเข้ามาร่วมในการผ่าตัดด้วยเพื่อให้การผ่าตัดบรรลุถึงวัตถุประสงค์ นั่นคือเพื่อประโยชน์ต่อตัวแพทย์เองซึ่งเห็นได้ชัดเจนในขณะนี้. 

ตัวอย่าง ประโยชน์ที่เห็นได้ชัดเจนในภายภาคหน้า 
ผู้ป่วยที่ได้รับอุบัติเหตุจราจรได้รับอันตราย ต่อกายหรือจนกระทั่งมีกระดูกหัก (ซึ่งเข้าข่ายอันตรายสาหัสในทางกฎหมาย) เข้ารับการรักษาในสถานพยาบาล แพทย์ (เจ้าของไข้) ย่อมจำเป็นต้อง        ปรึกษาแพทย์ทางนิติเวชศาสตร์. ทั้งนี้เพื่อประโยชน์ต่อผู้ป่วยในภายภาคหน้าหรืออนาคตได้ แม้ว่าผู้ป่วยจะไม่เห็นความจำเป็นในการปรึกษาไม่เข้าใจถึงเหตุในการที่จะปรึกษาแพทย์นั้นและแจ้งต่อแพทย์ (เจ้า  ของไข้) ว่าไม่เอาเรื่องกับผู้ที่เกี่ยวข้องก็ตาม แต่ต้องถือว่าเป็นสิทธิของแพทย์ประการหนึ่งที่จะต้องปรึกษา เพราะผลในทางคดีที่จะเกิดขึ้นนั้นเป็นสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตและจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ป่วยในอนาคตมิใช่ในปัจจุบัน. 

ปัญหาที่เกิดขึ้นก็คือ ถ้าผู้ป่วยไม่เห็นด้วยกับการปรึกษาอย่างแน่นอน (โดยอาศัยสิทธิผู้ป่วยข้อ 3) แต่แพทย์เห็นว่ามีความจำเป็นที่จะต้องปรึกษาเพราะถือว่าเป็นหนึ่งในกระบวนการทางการแพทย์ที่จำเป็นต้องให้การดำเนินการ จะทำอย่างไร? 
ก. แพทย์ดำเนินการตามข้อ 9 ของคำประกาศนี้ 
ข. แพทย์ (เจ้าของไข้) ทำตามเจตนารมณ์ ของผู้ป่วยโดยต้องถือว่า 

1) เป็นความเสี่ยงของแพทย์ท่านนั้นเอง 
กล่าวคือ เมื่อเกิดผลที่จะต้องใช้ประโยชน์จากการดำเนินการทางการแพทย์จากแพทย์ที่ควรปรึกษาแต่มิได้ปรึกษานั้น แพทย์ท่านนั้นจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบทั้งหมด และเป็นผู้ดำเนินการเอง ลักษณะคล้ายกับว่าแพทย์ (เจ้าของไข้) มิได้ส่งตรวจในบางสิ่งเมื่อทำการตรวจผู้ป่วย ต่อมามีการอ้างถึงการประกอบวิชาชีพเวชกรรมว่าผลการตรวจเป็นอย่างไร แพทย์ (เจ้าของไข้จะต้องเป็นผู้ตอบในสิ่งนั้น) เพราะตนเองมิได้ส่งตรวจ เช่น 

ตัวอย่าง 
ผู้ป่วยได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะจากลื่นล้มในห้องน้ำ แพทย์จะขอส่งตรวจสมองด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์ (CT scan of brain) แนะนำให้ผู้ป่วยตรวจ แต่ผู้ป่วยเห็นว่าจะเป็นการสิ้นเปลืองค่าตรวจหลายพันบาทเพราะเห็นว่าไม่มีอะไรแพทย์จึงไม่ได้ส่งตรวจ. ต่อมาผู้ป่วยออกจากสถานพยาบาลไปและในที่สุดเสียชีวิตโดยมิได้มีการส่งศพเพื่อตรวจชันสูตรอีก เช่นนี้ต่อมามีการร้องเกี่ยวกับสิทธิทางประกันอุบัติเหตุ แพทย์แม้ว่าจะเชื่อว่าเกิดจากสมองกระทบกระเทือนและน่าจะมีความผิดปกติในสมอง เช่น การมีเลือดออกในโพรงกะโหลกศีรษะก็ตาม แต่ก็ไม่มีหลักฐานยืนยันอย่างชัดเจน เช่นนี้แพทย์ดังกล่าว (เจ้าของไข้) จะต้องเป็นผู้รับผิดชอบเองทั้งหมด. 

2) เป็นความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นต่อผู้ป่วยเอง
ตัวอย่าง เช่น การไม่ปรึกษาแพทย์ทางนิติเวชศาสตร์ 
หมายถึง แม้ว่าในที่สุดแพทย์ (เจ้าของไข้) จะช่วยดำเนินการในทางคดีให้กับผู้ป่วยแล้วก็ตาม เช่น การส่งพยานหลักฐาน การสอบสวน การเป็นพยานให้ก็ตาม (ซึ่งแน่นอนว่าจะต้องเสียเวลาอย่างมากและเกิดความสับสนในระดับหนึ่งแล้ว) แต่ผลที่ได้รับและผลต่อรูปคดีอาจไม่กระชับและถูกต้องเท่ากับการที่ดำเนินการโดยแพทย์ทางนิติเวชศาสตร์นั่นเอง. ผลร้ายที่เกิดขึ้นย่อมตกอยู่กับผู้ป่วยโดยปริยาย ซึ่งความเสียหายเหล่านี้ผู้ป่วยจะไม่มีทางรับทราบได้ในขณะป่วยหรือเข้ารับการรักษาและเห็นว่ามิใช่สิ่งที่จะต้องเตรียมพร้อมในการดำเนินการเลยเพราะเป็นเรื่องหรือเป็นผลในอนาคตในภายภาคหน้า จึงจำเป็นที่แพทย์ (เจ้าของไข้) จะต้องเป็นผู้ดำเนินการหรือรับความเสี่ยงเอาเอง.

 

ข้อ 9. ผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมอาจปฏิเสธการรักษาผู้ป่วยซึ่งมิใช่อยู่ในสภาวะฉุกเฉินอันจำเป็นเร่งด่วนและเป็นอันตรายต่อชีวิต ทั้งนี้เพื่อประโยชน์ต่อตัวผู้ป่วยเองได้ 
อธิบาย 
หมายถึง แพทย์ย่อมสามารถที่จะปฏิเสธไม่รับการตรวจ รักษา หรือดำเนินการใดๆ ให้กับผู้ป่วยได้ ทั้งนี้เป็นสิทธิประการหนึ่งที่แพทย์อาจทำได้ แต่มีข้อจำกัดอยู่ที่ว่าผู้ป่วยดังกล่าวจะต้องมิได้อยู่ในภาวะฉุกเฉินซึ่งจะต้องรีบรับการช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน เช่น ถ้าไม่รีบทำการช่วยเหลือแล้วหรือให้การรักษาล่าช้าแล้วอาจนำมาซึ่งอันตรายต่อชีวิตหรือร่างกายอย่างรุนแรงได้. 

ตัวอย่าง 

1) ผู้ป่วยที่มาขอรับการตรวจร่างกายเพื่อให้แพทย์ออกเอกสารรับรองว่ามีสุขภาพดีเพื่อใช้ประกอบการเข้างานนั้น แพทย์อาจปฏิเสธไม่ออกเอกสารให้ได้เพราะไม่มีกรณีแห่งความจำเป็นรีบด่วน. 

2) ผู้ป่วยต้องการให้แพทย์ตัดไฝ หูด ฯลฯให้ แพทย์ขอปฏิเสธการรักษา.
   กรณีที่แพทย์ไม่สามารถจะปฏิเสธการรักษาหรือดำเนินการทางการแพทย์ได้จะต้องเป็น 

ก. ต้องเป็นกรณีที่เร่งด่วน 
 หมายถึง ต้องเป็นการให้การช่วยเหลือในทางการแพทย์อย่างเร่งด่วนไม่อาจรอได้ต้องกระทำโดยทันที ซึ่งอาจเป็นนาทีเท่านั้น เช่น 

1. การที่ผู้ป่วยมีเศษอาหารติดหลอดลมและอุดกั้น ต้องรีบทำการนำออก หรือให้การช่วยเหลือเป็นการด่วน. 

2. การที่ผู้ป่วยจมน้ำ ต้องเร่งให้การช่วยเหลือด่วน. 
3. การที่ผู้ป่วยแพ้ยาหรือสารอื่นใดในภาวะช็อก ต้องรีบทำการช่วยเหลือเป็นการด่วน. 
 

ข. ถ้าล่าช้าจะเป็นอันตรายต่อชีวิตหรือร่างกายอย่างรุนแรงได้ 
หมายถึง การที่แพทย์ไม่รีบทำการช่วยเหลือโดยทันที โดยปฏิเสธการรักษาอาจทำให้ผู้ป่วยถึงแก่ชีวิตได้ เช่น 

ตัวอย่าง เมื่อผู้ป่วยหายใจไม่ออกแพทย์ไม่รีบทำการใส่ท่อช่วยหายใจ เพียงไม่กี่นาทีผู้ป่วยย่อมต้องถึงแก่ชีวิต หรืออาจไม่ตาย แต่ก็ทำให้สมองขาดเลือดมาเลี้ยง ทำให้มีสภาวะของสมองตายตามมาได้. 

ตัวอย่าง ผู้ป่วยปวดท้องด้านขวาล่างและมีอาการอื่นๆ อย่างชัดเจนว่าเป็นการปวดเนื่องจากไส้ติ่งอักเสบซึ่งต้องให้การรักษาด้วยการผ่าตัดเป็น การด่วน เช่นนี้แพทย์จะปฏิเสธการรักษาไม่ได้และต้องรีบดำเนินการผ่าตัดเป็นการด่วน. 

อธิบายเพิ่ม 
กรณีที่แพทย์ได้ทำการรักษาให้ขั้นต้นแล้วขอส่งตัวผู้ป่วยเพื่อการรักษาต่อ เช่นนี้ไม่เข้ากรณีที่ปฏิเสธการรักษา (แม้ว่าจะรักษาต่อได้) เนื่องจากตนเองได้ช่วยเหลือในระยะฉุกเฉินและบรรเทาอันตรายที่อาจเกิดขึ้นต่อชีวิตและร่างกายอย่างรุนแรงไปเสียแล้ว หรือ 

กรณีที่แพทย์ให้การรักษาผู้ป่วยไประยะหนึ่งแล้วเกิดความไม่เข้าใจกับผู้ป่วยหรือญาติของผู้ป่วยในกระบวนการรักษาหรือการปรึกษา (เช่นตามข้อ 8) เช่นนี้แพทย์ย่อมมีสิทธิที่จะไม่ดูแลรักษาผู้ป่วยต่อได้ แต่ทั้งนี้จะต้องมิใช่เป็นกรณีที่ยังอยู่ในภาวะฉุกเฉินซึ่งถ้าเนิ่นช้าไปหรือไม่รักษาต่อเนื่องจะเป็นอันตรายต่อชีวิตหรือร่างกายอย่างรุนแรงได้.

 

ข้อ 10. ผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมย่อมได้รับการคุ้มครองจากการกระทำอันเป็นความผิดกฎหมายเช่นเดียวกับปัจเจกชนทั่วไปตามรัฐธรรมนูญและกฎหมายอื่นๆ 
อธิบาย 

หมายความว่า แพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ทุกคนย่อมได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายต่างๆ ที่มีอยู่ในสังคมเช่นเดียวกัน เช่น 

ก. กฎหมายอาญา11 
*แพทย์ย่อมได้รับความคุ้มครองกรณีที่มีการกระทำผิด 
เช่น การดูหมิ่นแพทย์ซึ่งหน้าการหมิ่นประมาทต่อแพทย์ ผู้ที่กระทำต่อแพทย์ย่อมเป็นความผิดต้องได้รับโทษตาม 

มาตรา 326 
ผู้ใดใส่ความผู้อื่นต่อบุคคลที่สาม โดยประการที่น่าจะทำให้ผู้อื่นนั้นเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นหรือถูกเกลียดชัง ผู้นั้นกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาท ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ 

มาตรา 327 
ผู้ใดใส่ความผู้ตายต่อบุคคลที่สามและการใส่ความนั้นน่าจะเป็นเหตุให้บิดา มารดา คู่สมรส หรือ บุตรของผู้ตายเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นหรือถูกเกลียดชัง ผู้นั้นกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาท ต้องระวางโทษดังบัญญัติไว้ในมาตรา 326 

มาตรา 328 
ถ้าความผิดฐานหมิ่นประมาทได้กระทำโดยการโฆษณาด้วย เอกสาร ภาพวาด ภาพระบายสีภาพยนตร์ ภาพหรือตัวอักษรที่ทำให้ปรากฏด้วยวิธีใด แผ่นเสียงหรือสิ่งบันทึกเสียงอย่างอื่นกระทำโดยการกระจายเสียง หรือโดยกระทำการป่าวประกาศด้วยวิธีอื่นใด ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่พันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ 

มาตรา 393 
ผู้ใดดูหมิ่นผู้อื่นซึ่งหน้าหรือด้วยการโฆษณาต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งพันบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ 
*การที่แพทย์ถูกทำร้าย 

มาตรา 391 
ผู้ใดใช้กำลังทำร้ายผู้อื่นโดยไม่ถึงกับเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ 

มาตรา 295 
ผู้ใดทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจของผู้อื่นนั้น ผู้นั้นกระทำ ความผิดฐานทำร้ายร่างกาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่พันบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ 

ข. กฎหมายแพ่งและพาณิชย์ 9 
กรณีที่แพทย์ได้รับความเสียหายอันเนื่องจากการกระทำละเมิดต่อแพทย์ เช่น การผลักโต๊ะตรวจล้มลง ทำให้ของเสียหาย เช่น ปรอทวัดไข้แตก เป็นต้น. 

มีแพทย์หลายท่านเมื่อประกอบวิชาชีพเวชกรรมแล้วเห็นว่าตนเองอยู่ในฐานะที่ต้องรับทุกสิ่งทุกอย่างที่กระทำต่อตนเองในทางที่ไม่สมควรโดยปราศจากสิทธิในการโต้ตอบ เช่น การที่ผู้ป่วยด่าทอแพทย์อย่างเสียๆ หายๆ โดยไม่อาจตอบโต้ได้ ทำให้เกิดความน้อยเนื้อต่ำใจและมีความวิตกกังวลในการทำงาน (ประกอบวิชาชีพเวชกรรม) แท้ที่จริงแล้วแพทย์ย่อมได้รับความคุ้มครองในฐานะปัจเจกชนประชาชนคนหนึ่งด้วยเช่นเดียวกัน. 

ตัวอย่าง 
การที่แพทย์ถูกด่าทอ ด่าว่า หาว่าไร้ซึ่งเกียรติ ศักดิ์ศรี เช่น ถูกด่าว่า " ไอ้หมอชุ่ย" "ไอ้หมอ กักขระ"  "ไอ้หมอจัญไร" " ไอ้หมอไร้จรรยาบรรณ สมควรไปตายเสีย" มีลักษณะเป็นการดูหมิ่นอย่างชัดเจน เช่นนี้ย่อมถือว่าแพทย์เป็นผู้เสียหายในความผิดในทางอาญาได้เช่นเดียวกัน และสามารถดำเนินคดีกับผู้ที่กระทำต่อแพทย์ได้. 

ตัวอย่าง 
การที่แพทย์ตรวจผู้ป่วยแล้วถูกผลักหน้าอก  ในทำนองเอาเรื่องเพราะความไม่พอใจในการตรวจ เช่นนี้เท่ากับเป็นการทำร้ายร่างกายแพทย์แล้ว (ทำร้ายร่างกายไม่เป็นเหตุให้เกิดอันตรายต่อกายเป็นลหุโทษในประมวลกฎหมายอาญา). 

ในอดีตเมื่อแพทย์ถูกละเมิดสิทธิต่างๆ ที่ควรจะมีในสังคม แพทย์ก็ไม่ต้องการที่จะเอาเรื่องฟ้องร้อง แต่ในอนาคตอาจมีการที่แพทย์ฟ้องร้องผู้ป่วยหรือญาติผู้ป่วยที่มีพฤติการณ์ที่กระทำอันไม่เหมาะสม กับแพทย์ได้เช่นเดียวกัน ทั้งนี้เพราะความสัมพันธ์ระหว่างแพทย์และผู้ป่วยได้เปลี่ยนไปแล้วจากเดิมที่เคยเกื้อกูลช่วยเหลือซึ่งกันและกัน มีความเคารพและเชื่อมั่นในเกียรติและศักดิ์ศรี กลับกลายเป็นปฏิปักษ์และขาดความเชื่อมั่นซึ่งกันและกัน.
 

(ตอนจบอ่านต่อฉบับหน้า)

 

เอกสารอ้างอิง
 9. ไพจิตร ปุญญพันธ์ คำอธิบายประมวลกฎหมาแพ่งและพานิชย์ ลักษณะละเมิด. กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ์มหาวิทยาลัยธรรมศาตร์, 2522, 8

 10. มานิต มานิตเจริญ. พจนานุกรมไทย, พจนานุกรม ฉบับของราชบัณฑิตสถาน. กรุงเทพมหานคร : นิยมวิทยา, 2526.

 11. นคร พจนวรพงษ์, พลประสิทธิ์ ฤทธิ์รักษา. ประมวลกฎหมายอาญา. กรุงเทพมหานคร : สำนักพิมพ์นครหลวง, 2538.

 

ผู้นิพนธ์
วิสูตร ฟองศิริไพบูลย์ พ.บ., วท.ม., ว.ว. (นิติเวชศาสตร์)รองศาสตราจารย์, ภาควิชานิติเวชศาสตร์ 
คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล และกรรมการแพทยสภา

สมบูรณ์ ธรรมเถกิงกิจ พ.บ., น.บ., อ.ว. (นิติเวชศาสตร์) รองศาสตราจารย์, ภาควิชานิติเวชศาสตร์
คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล

วีรพัฒน์ สุวรรณธรรมา พ.บ. ภาควิชาศัลยศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาล รามาธิบดี, มหาวิทยาลัยมหิดล

 

ป้ายคำ:
  • อื่น ๆ
  • คำถามที่ท่านควรรู้ในเวชปฏิบัติทั่วไป
  • รศ.นพ.วิสูตร ฟองศิริไพบูลย์
  • รศ.พญ.สมบูรณ์ ธรรมเถกิงกิจ
  • นพ.วีรพัฒน์ สุวรรณธรรมา
  • อ่าน 2,579 ครั้ง
  • พิมพ์หน้านี้พิมพ์หน้านี้

ข้อมูลสื่อ

256-014
วารสารคลินิก 256
เมษายน 2549
คำถามที่ท่านควรรู้ในเวชปฏิบัติทั่วไป
นพ.วีรพัฒน์ สุวรรณธรรมา
รศ.นพ.วิสูตร ฟองศิริไพบูลย์, รศ.พญ.สมบูรณ์ ธรรมเถกิงกิจ
Skip to Top

บทความสุขภาพน่ารู้

  • ทั้งหมด
  • การแพทย์ทางเลือก
    • แพทย์แผนไทย
      • กดจุด
      • นวดไทย
    • แพทย์แผนจีน
  • ดูแลสุขภาพ
    • การดูแลผู้สูงอายุ
    • การปฐมพยาบาล
    • การรักษาเบื้องต้น
    • การใช้ยาสมุนไพร
    • คู่มือดูแลสุขภาพ
    • ยาและวิธีใช้
    • ตรวจสุขภาพด้วยตัวเอง
      • คำนวณค่า BMI
      • วินิจฉัยโรคเบื้องต้น
      • แนะนำการตรวจสุขภาพประจำปี
    • คุยสุขภาพ
      • กรณีศึกษา
      • ถามตอบปัญหาสุขภาพ
  • สุขภาพทางเพศและครอบครัว
    • การดูแลบุตร
    • แม่และเด็ก
    • การตั้งครรภ์
    • เรียนรู้เรื่องเพศและการวางแผนครอบครัว
  • สร้างเสริมสุขภาพ 3 อ. ​และป้องกันโรค
    • อาหาร
      • อาหาร 5 หมู่
      • อาหารของผู้่ป่วยโรคเรื้อรัง
        • ความดันสูง
        • หัวใจ
        • เกาต์
        • เบาหวาน
      • อาหารที่ควรหลีกเลี่ยง
      • อาหารป้องกันมะเร็ง
      • อาหารสมุนไพร
    • ออกกำลังกาย
      • วิ่ง เดิน ปั่นจักรยาน ว่ายน้ำ แอร์โรบิค แอร์โรบอคซิ่ง รำกระบอง ไทเก็ก ชี่กง โยคะ
    • อารมณ์
      • การทำสมาธิ
      • การพักผ่อน
      • การพัฒนา EQ
      • จิตอาสา/ ฉือจี้
  • พฤติกรรมอันตราย
    • พฤติกรรมเสี่ยงต่อสุขภาพ
    • อนามัยสิ่งแวดล้อม
    • อิริยาบถ
  • โรคและอาการ
    • โรคเรื้อรัง
      • กลุ่มอาการเมตาโบลิค
      • ความดันโลหิตสูง
      • ถุงลมปอดโป่งพอง
      • มะเร็ง
      • อัมพฤกษ์ อัมพาต
      • เบาหวาน
      • โรคข้อ/เกาต์
      • โรคทางจิตเวช เครียด หวาดระแวง
      • โรคหวัด ภูมิแพ้
      • โรคหัวใจ
      • โรคหืด
      • ไขมันในเลือดสูง/ผิดปกติ
      • ไตวาย
    • โรคตามระบบ
      • ระบบทางเดินอาหาร
      • โรคจากอุบัติเหตุ สารพิษ และสัตว์พิษ
      • โรคช่องปากและฟัน
      • โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
      • โรคติดเชื้อ
      • โรคผิวหนัง
      • โรคพยาธิ
      • โรคระบบกระดูกและกล้ามเนื้อ
      • โรคระบบต่อมไร้ท่อ
      • โรคระบบทางอวัยวะเพศชาย
      • โรคระบบทางอวัยวะเพศหญิง
      • โรคระบบทางเดินปัสสาวะ
      • โรคระบบทางเดินหายใจ
      • โรคระบบประสาทและสมอง
      • โรคระบบไหลเวียนโลหิต
      • โรคหู ตา คอ จมูก
    • โรคจากการทำงาน
      • พิษภัยจากสารเคมี (ยาฆ่าเมลง/ สารตะกั่ว)
      • โรคจากฝุ่นและสารเคมีในโรงงาน
      • โรคจากสัตว์ เช่น ฉี่หนู
      • โรคจากอริยาบทที่ผิดสุขลักษณะ
      • โรคเส้นเอ็นอักเสบ/ นิ้วล็อค
  • ทันกระแสสุขภาพ
  • คลังความรู้สื่อสังคมออนไลน์
  • อื่น ๆ

ได้รับความนิยม

  • นม
  • ถั่วพู
  • คนท้อง
  • ธาลัสซีเมีย
  • ผู้สูงอายุ
  • ผักพื้นบ้าน
  • สมุนไพร

แผนผังเว็บไซต์

  • หน้าแรก
  • ดูแลสุขภาพด้วยตัวเอง
  • บทความสุขภาพน่ารู้
  • สื่อสุขภาพ
  • คำถามสุขภาพ
  • ข่าวสาร
  • ติดต่อหมอชาวบ้าน
  • ข้อปฏิเสธความรับผิดชอบ

รวมลิงค์เครือข่าย

  • มูลนิธิหมอชาวบ้าน
  • สำนักพิมพ์หมอชาวบ้าน
  • สถาบันโยคะวิชาการ

สื่อสุขภาพ

  • คลิปสุขภาพ
  • หมอชาวบ้านรายเดือน
  • คลินิกรายเดือน
  • จดหมายข่าวย้อนหลัง
  • feed หมอชาวบ้าน
  • facebook หมอชาวบ้าน
  • youtube หมอชาวบ้าน
  • feed หมอชาวบ้าน
  • facebook หมอชาวบ้าน
  • twitter หมอชาวบ้าน
  • youtube หมอชาวบ้าน
สนับสนุนโดย สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)< และสถาบัน ChangeFusion< พัฒนาระบบโดย Opendream< สัญญาอนุญาต cc by-nc-sa <