นักวิจัยพบสมุนไพรเห็ดหลินจือช่วยลดอาการไข่ขาวรั่วในปัสสาวะของผู้ป่วยโรคไตได้ หนทางใหม่ในการเยียวยารักษาป้องกันผู้ป่วย เข้าสู่ภาวะไตวาย เชื่อไม่เพียงช่วยให้ผู้ป่วยไม่ทุกข์ทรมาน ยังเป็นการลดภาระการรักษา.
โรคไตเรื้อรังเนฟโฟรสิสชนิด focal segmental sclerosis คือกลุ่มผู้ป่วยโรคไตที่มีอาการบวมโดยพบมีภาวะไข่ขาวรั่วในปัสสาวะออกมามากเกินปริมาณที่มีการกำหนดไว้คือมากกว่าประมาณ 3.5 กรัม/วัน เป็นภาวะที่ร่างกายสูญเสียโปรตีน. เมื่อไข่ขาวรั่วออกมาในปัสสาวะมากๆ ก็จะทำให้โปรตีนในเลือดต่ำ ปริมาณการหมุนเวียนในเลือดไม่เพียงพอ เลือดในร่างกายจะพร่อง ข้นหนืด ก่อให้เกิดการอุดตัน และยังมีภาวะเมตาบอลิกของไขมันผิดปกติ ไขมันในเลือดสูง ภาวะต่างๆนี้ทำให้ไตมีการอักเสบ เสื่อมและถูกทำลายเข้าสู่ภาวะไตวายในที่สุด.
รองศาสตราจารย์ แพทย์หญิง ดร.นริสา ฟูตระกูล ภาควิชาสรีรวิทยา คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวถึงวิธีการรักษาว่าจากอดีตจนถึงทุกวันนี้หนทางการรักษาที่ดีที่สุดทำได้แค่ชะลอการตายของเนื้อไตให้ช้าลง ด้วยการให้ยาประเภทกดภูมิคุ้มกัน เช่น สตีรอยด์ เนื่องจากมีความเชื่อมาแต่เดิมว่าอาการที่พบนี้เกี่ยวข้องกับการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันที่ผิดปกติ. ทว่าการใช้ยากดภูมิคุ้มกันสามารถลดภาวะอาการไข่ขาวรั่วในปัสสาวะของผู้ป่วยไตเรื้อรังชนิดเนฟโฟรสิสได้เพียงกลุ่มหนึ่งเท่านั้น. ขณะที่ผู้ป่วยอีกลุ่มหนึ่งไม่มีการตอบสนองต่อยาและพยาธิสภาพของไตก็ทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ.
แม้ขณะนี้จะยังไม่มีรายงานวิจัยใดที่จะสามารถอธิบายถึงกลไกการเกิดโรคที่แท้จริงได้ว่ามีลักษณะเป็นเช่นไร แต่เราก็เชื่อว่าเหตุผลสำคัญที่ทำให้การรักษาที่ไม่ได้ผล สืบเนื่องมาจากความไม่เข้าใจในกลไกการทำลายไตอย่างถ่องแท้ ฉะนั้นจึงต้องศึกษาว่ากลไกที่ทำให้ไตถูกทำลายมีอะไรเกี่ยว ข้องอยู่บ้าง เพื่อจะนำไปสู่การรักษาที่ดีขึ้น.
การศึกษาที่ผ่านมาพบว่าผู้ป่วยไตที่มีพยาธิสภาพไม่รุนแรง เลือดที่ไปหล่อเลี้ยงไตอยู่ในเกณฑ์ดีแต่สำหรับผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรง พบว่าเลือดที่ไปหล่อเลี้ยงไตพร่องและลดลงซึ่งมีความสัมพันธ์กัน.กลุ่มวิจัยจึงได้มุ่งเป้าการศึกษาไปที่ตัวเซลล์บุผิวในหลอดเลือดจุลภาคของไตซึ่งทำหน้าที่สร้างสารต้านการแข็งตัวของเลือด สร้างสารเสริมการขยายตัวของหลอดเลือดและควบคุมกำกับการไหลของเลือดที่ไปหล่อเลี้ยงไต.
รองศาสตราจารย์ แพทย์หญิง ดร.นริสา กล่าวว่า สิ่งที่จะมีผลกระทบและก่อให้เกิดอาการอักเสบของเซลล์บุผิวในหลอดเลือดน่าจะมาจากสารพิษที่อยู่ในกระแสเลือดนั่นเอง เพราะฉะนั้นการศึกษาขั้นแรกเราจึงทำการทดลองนำเอาเซลล์บุผิวในหลอดเลือดของผู้ป่วยมาใส่ไว้ในหลอดทดลอง จากนั้นนำเอาซีรั่มของผู้ป่วยมาใส่เปรียบเทียบกับหลอดควบคุมซึ่งใส่เซลล์บุผิวหลอดเลือดกับซีรั่มของคนปกติ เพื่อดูกลไกการทำลาย.
ผลการทดลองเมื่อเอาซีรั่มของผู้ป่วยใส่หลอดทดลองพบว่า เซลล์บุผิวหลอดเลือดเกิดการตาย แต่เมื่อนำเอาซีรั่มของคนปกติมาใส่ในหลอดทดลอง กลับไม่พบว่าเซลล์บุผิวหลอดเลือดถูกทำลาย หรือตายในจำนวนที่น้อยมาก. ผลการทดลองดังกล่าวจึงบ่งชี้ ได้ว่าในกระแสเลือดน่าจะมีสารพิษซึ่งมีผลทำลายเซลล์บุผิวหลอดเลือด ดังนั้นการทดลองในขั้นต่อมาจึงเป็นการค้นหาว่าสารพิษที่ว่านี้คือสารพิษชนิดใด.
งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง พบว่า ความผิดปกติที่เกิดขึ้นมีส่วนเกี่ยวข้องกับภูมิคุ้มกัน เราจึงหันไปมองความผิดปกติของสมดุลภูมิคุ้มกัน สารไซโตคายน์ที่เสริมการอักเสบ (tumor necrosis factor alpha : TNFa)ร่วมกับสารไซโตคายน์ที่ต้านการอักเสบ (interleukin- 10 : IL-10) เนื่องจากมีหลักฐานชี้บ่งว่า TNFa สามารถทำให้เกิดการอักเสบในโรคอื่นได้.
ผลการศึกษาพบว่าซีรั่มของผู้ป่วยโรคไตมี TNFa สูงผิดปกติในขณะที่ IL-10 ไม่เปลี่ยนแปลงความผิดปกติดังกล่าวทำให้เกิดการเสริมฤทธิ์ของ TNFa ในเลือด ผู้ป่วยจะเกิดภาวะสมดุลทางภูมิคุ้มกันผิดปกติไปร่วมกับสารอนุมูลอิสระ ทำให้เกิดภาวะเป็นพิษในหลอดเลือดทำให้เซลล์บุผิวหลอดเลือดถูกทำลาย เกิดภาวะหลอดเลือดหล่อเลี้ยงไตพร่องจากการหดรัดตัวของหลอดเลือดจุลภาคของไตที่ผิดปกติ เป็นสาเหตุการตายของเนื้อไตอย่างต่อเนื่อง เป็นสาเหตุให้เกิดอาการผิดปกติหลายอย่าง รวมทั้งภาวะไข่ขาวรั่วในปัสสาวะด้วย.
องค์ความรู้ใหม่ที่ได้จากการวิจัยนี้ ได้นำมาประยุกต์แก้ปัญหาดังกล่าวในผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังเนฟโฟรซิส (FSGS) ซึ่งแต่เดิมนั้นจะให้ยากดภูมิคุ้มกัน โดยที่ยังมีข้อเสียอยู่ที่ยังไม่สามารถใช้ได้กับทุกคน จึงได้ค้นคว้าหาตัวยาที่จะมาเป็นทางเลือกอื่น เป็นทางเลือกที่ปลอดภัย ซึ่งจากการค้นคว้าตำรับยาโบราณและเอกสารข้อมูลการวิจัยที่ได้มีการอ้างอิงเอาไว้ พบว่า เห็ดหลินจือ (Ganoderma lucidum) มีบทบาทเกี่ยวกับภูมิคุ้มกัน จึงเลือกนำมาวิจัย.
โดยให้ตัวยาสกัดจากเห็ดหลินจือใช้ร่วมกับยาขยายหลอดเลือด กับผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังที่มีอาการไข่ขาวรั่วในปัสสาวะต่อเนื่องมานาน 5-10 ปี ซึ่งกำลังอยู่ในภาวะไตเสื่อมถอยลงอย่างช้าๆ ผลที่ได้หลังจากทดลองให้ยาขยายหลอดเลือดกับเห็ดหลินจือประมาณ 1 ปี พบว่า ผู้ป่วยหลังจากได้รับสมุนไพรร่วมกับยาขยายหลอดเลือด มีการทำงานของไตดีขึ้น ปริมาณเลือดที่มาหล่อเลี้ยงไตเพิ่มมากขึ้น สิ่งที่เห็นได้อย่างชัดเจนก็คือมีภาวะไข่ขาวรั่วในปัสสาวะลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งนับว่าการรักษาในรูปแบบนี้สามารถฟื้นฟูสมรรถภาพของไตให้ดีขึ้นกว่าเดิม แตกต่างไปจากการรักษาทั่วไป ที่ทำได้ดีที่สุดแค่ชะลอการตายของเนื้อไตให้ช้าลงเท่านั้น.
รองศาสตราจารย์ แพทย์หญิง ดร.นริสา กล่าวในตอนท้ายว่า " งานวิจัยที่กำลังศึกษาต่อไป คือการศึกษากลไกการทำลายไตในโรคไตเรื้อรังชนิดอื่นๆ โดยเฉพาะกลุ่มไตอักเสบจากเบาหวานที่เป็นสาเหตุสำคัญอันดับหนึ่งของภาวะไตวายเรื้อรังขั้นสุดท้ายในขณะเดียวกันก็พยายามศึกษาหาตัวดัชนีวินิจฉัยความผิดปกติของโรคแต่เนิ่น (early detection) จะ ช่วยให้เริ่มการรักษาได้เร็วขึ้นและมีประสิทธิผลเพิ่มขึ้น ".
นริสา ฟูตระกูล พ.บ.,รองศาสตราจารย์ ภาควิชาสรีรวิทยา คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ,โดยการสนับสนุนของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.)
- อ่าน 7,474 ครั้ง
- พิมพ์หน้านี้