เป็นการประเมินความต้องการด้านสุขภาพ ของประชาชนและชุมชนโดยประเมินว่าประชาชนมีความต้องการทางด้านสุขภาพ (health needs) อะไรบ้าง ทั้งจากข้อมูลในโรงพยาบาลและในชุมชน เพื่อหาความต้องการ (training needs) และนำมาจัดทำแผนงานโครงการและวิธีการ ทั้งนี้ เพื่อทำให้ประชาชนมีความรู้ทางด้านสุขภาพในการดูแลตนเอง ดูแลครอบครัวและชุมชน.
บุคลากรสาธารณสุขเป็นผู้มีความสำคัญในการช่วยให้ประชาชนมีสุขภาพดี โดยการดูแลประชาชนแบบผสมผสาน (comprehensive care) ทั้งกิจกรรมด้านการส่งเสริมสุขภาพ การควบคุมป้องกันโรคการรักษาพยาบาลและการฟื้นฟูสภาพ ขึ้นอยู่กับว่าสถานะทางสุขภาพของบุคคลนั้นๆ อยู่ในกลุ่มปกติ กลุ่มป่วยหรือพิการและกลุ่มเสี่ยง โดยต้องดูแบบครบถ้วนทุกเรื่องที่เรียกว่าแบบองค์รวม (holistic care) ที่ต้องทำให้ประชาชนมีสุขภาวะทั้งด้านร่างกาย จิตใจ สังคม และเชาวน์ปัญญาหรือจิตวิญญาณ. การที่บุคลากรสาธารณสุขจะดูแลแบบผสมผสานและองค์รวมได้นั้นจะต้องมีองค์ความรู้ที่พอเพียงและเหมาะสมกับปัญหาของชุมชนและประชาชนในเขตที่รับผิดชอบอย่างแท้จริง มีความสามารถวินิจฉัยชุมชนได้ และรู้ถึงความต้องการทางด้านสุขภาพของชุมชน.
แนวทางการค้นหาความต้องการด้านสุขภาพของชุมชน สามารถจัดทำได้ 2 แนวทางคือ
1. ข้อมูลจากการให้บริการในโรงพยาบาล (hospital based data) เป็นการค้นหาจากข้อมูลการให้บริการของประชาชนที่มีข้อมูลอยู่ในรูปของแฟ้มประวัติผู้ป่วยแต่ละราย ในแต่ละช่วงเวลา ที่มีภูมิลำเนาอยู่ที่ต่างๆ กัน ทั้งในกรณีของผู้ป่วยหรือผู้มารับบริการทั่วไป. ในปัจจุบันโรงพยาบาลหลายแห่งได้นำเอาโปรแกรมระบบปฏิบัติการประจำวัน (transprocessing system : TPS) ซึ่งเป็นข้อมูลที่สามารถค้นหาได้สะดวกและรวดเร็วขึ้นโดยต้องนำข้อมูลเหล่านี้มาผ่านกระบวนการประมวลผลให้ได้เป็นข่าวสารหรือสารสนเทศ (information) ในรูปของรายงานที่สำคัญต่อการบริหารจัดการ (managerial reporting system : MRS) ซึ่งจะแสดงให้เห็นได้ในรูปแบบของรายงานต่างๆ เช่น รายงาน 0110 รง.5 ซึ่งมีทั้งรายงานกิจกรรมและรายงานทางการเงิน. เมื่อนำสารสนเทศที่สำคัญมาคัดเลือกให้เป็นประโยชน์ต่อการตัดสินใจ (decision supporting system) ก็จะได้ความรู้สำคัญของประชาชนหรือชุมชนโดยเฉพาะการพิจารณา 10 อันดับของผู้ป่วยในหรือผู้ป่วยนอก และ 10 อันดับโรคที่ต้องเฝ้าระวังทางระบาดวิทยา ข้อมูลเหล่านี้จะทำให้บุคลากรทางสาธารณสุขรู้ว่าความรู้ที่สำคัญทางสุขภาพในพื้นที่มีอะไรบ้าง.
2. ข้อมูลจากการให้บริการในชุมชน (community based data) เป็นการค้นหาในชุมชนเนื่องจากโรงพยาบาลไม่ได้ดูแลแค่ผู้ป่วยแต่ต้องดูแลประชาชนทุกกลุ่มในพื้นที่. การที่จะได้มาซึ่งข้อมูลส่วนนี้คือการเยี่ยมบ้าน ซึ่งเป็นเครื่องมือสำคัญที่จะเก็บ ข้อมูลมาจัดทำให้เป็นหมวดหมู่ในรูปของแฟ้มครอบครัวและชุมชน (family & community folders) ทั้งที่เป็นแฟ้มกระดาษและแฟ้มข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ เช่น จากโปรแกรม Wintho ของกระทรวงสาธารณสุข เป็นต้น. ข้อมูลที่จะได้ก็คือข้อมูลเกี่ยวกับประชาชน (host) ข้อมูลเกี่ยวกับเชื้อโรคหรือสารก่อโรค (agent) และข้อมูลเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม (environment) ซึ่งทั้ง 3 ส่วนนี้ถือเป็นปัจจัยสำคัญของการเกิดโรคตามแนวทางของระบาดวิทยา.
ข้อมูลเหล่านี้จะทำให้บุคลากรทางสาธารณสุข รู้ว่าปัญหาของชุมชน หรือความต้องการด้านสุขภาพของชุมชนคืออะไร สามารถไปถึงความรู้ที่สำคัญทางสุขภาพในพื้นที่ว่ามีอะไรบ้าง ดังนั้น เมื่อทราบว่ามีอะไรและต้องการรู้อะไร ก็จะสามารถสร้างความรู้นั้นขึ้นมาใช้ได้.
พิเชฐ บัญญัติ พ.บ.,ผู้อำนวยการโรงพยาบาลบ้านตาก จังหวัดตาก
- อ่าน 7,714 ครั้ง
พิมพ์หน้านี้