Skip to main content
ข้อมูลสุขภาพ มูลนิธิหมอชาวบ้าน
menu

Login Pop

  • เข้าสู่ระบบ
    • ลืมรหัสผ่าน
search
  • เว็บหลักหมอชาวบ้าน
  • สำนักพิมพ์หมอชาวบ้าน
  • มูลนิธิหมอชาวบ้าน
  • หน้าแรก
  • ดูแลสุขภาพด้วยตัวเอง
  • บทความสุขภาพน่ารู้
  • สื่อสุขภาพ
  • คำถามสุขภาพ
  • ข่าวสาร
  • ติดต่อหมอชาวบ้าน
  • ข้อปฏิเสธความรับผิดชอบ
หน้าแรก » บทความสุขภาพน่ารู้ » พิษสารเคมีทางการเกษตร
  • ขนาดตัวอักษร  Normal size text | Increase text size by 10% | Increase text size by 20% | Increase text size by 30%

พิษสารเคมีทางการเกษตร

โพสโดย somsak เมื่อ 1 กรกฎาคม 2549 00:00

ก่อนปี พ.ศ. 2544 กองระบาดวิทยา (ในขณะนั้น1) ได้กำหนดให้มีการรายงานโรคพิษยาฆ่าแมลงในรายงาน (รง.) 506 โดยถือเป็นโรคจากการประกอบอาชีพประเภทหนึ่งและเมื่อวิเคราะห์ข้อมูลจากรายงานดังกล่าว มักพบเสมอว่าเป็นโรคที่มีจำนวนผู้ป่วยมากที่สุดในบรรดาโรคจากการประกอบอาชีพ 7 ประเภทที่กำหนดให้รายงาน เช่น ในปี พ.ศ. 2547 มีผู้ป่วยด้วยพิษยาฆ่าแมลงกว่า 2,000 ราย (ร้อยละ 55 จากการรายงานทั้งหมด 4,252 รายทั่วประเทศ) และเมื่อวิเคราะห์ลึกลงไปอีก พบว่าผู้ป่วยส่วนมากกินยาฆ่าแมลงโดยเจตนาเพื่อฆ่าตัวตาย มีเพียงส่วนน้อยที่เป็นอาการเจ็บป่วยจากการใช้ยาฆ่าแมลง เช่น เกิดอาการคลื่นไส้อาเจียน หลังการฉีดพ่นยาในสวนผลไม้.


ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2544 เป็นต้นมากองระบาดวิทยาได้พัฒนาแบบรายงานชุดใหม่ เรียกว่า รง.506/2 สำหรับการรายงานโรคจากการประกอบอาชีพและ   สิ่งแวดล้อมโดยเฉพาะ. โรคพิษจากยาฆ่าแมลงเดิมได้รับการจัดกลุ่มใหม่เป็น "  โรคพิษจากสารเคมีการเกษตรและสารเคมีอื่นๆ ". นอกจากนั้น สำนักระบาดวิทยายังได้จัดทำแนวทางการวินิจฉัยเพื่อการรายงานโรคกลุ่มนี้ เพื่อให้แพทย์และผู้เกี่ยวข้องกับผู้ป่วย ได้รายงานโรคที่เกิดจากการทำงานจริงๆ ไม่รวมการกินยาฆ่าตัวตายดังที่เคยเป็นมา. ผลการทดลองใช้แบบรายงานใหม่นี้ ทำให้การรายงานโรคพิษยาฆ่าแมลงลดจำนวนลงอย่างเห็นได้ชัด เช่น ในปี พ.ศ. 2547 จากผู้ป่วยโรคจากการประกอบอาชีพทั้งหมดที่รายงานจำนวน 1,320 ราย พบว่าเป็นโรคพิษจากสารเคมีการเกษตรเพียง 48 ราย (ร้อยละ 4) เปรียบเทียบกับร้อยละ 55 จากการรายงานแบบเดิม และเชื่อว่าหากมีการวิเคราะห์ข้อมูลโดยละเอียด จะเห็นว่าเป็นผู้ป่วยจากการทำงานจริงๆ ไม่ใช่การฆ่าตัวตาย.


สารเคมีเกษตร
โดยทั่วไปแล้ว มีการใช้สารเคมีทางการเกษตรหลายประเภทในประเทศไทย แต่สารเคมีที่สำนักระบาดวิทยาถือว่ามีการใช้เป็นปริมาณมากต่อปี และมักทำให้ผู้ใช้เกิดอาการเจ็บป่วยมี 3 กลุ่มใหญ่ คือ สารกำจัดแมลง สารกำจัดหนูและสัตว์แทะ และสารกำจัดวัชพืช. โดยสารกำจัดแมลงที่ใช้บ่อย คือ สารกลุ่มออร์กาโนฟอสเฟต คาร์บาเมตและไพรีทรอยด์ ขณะที่สารกำจัดหนูที่ใช้บ่อย คือ สังกะสีฟอสไฟด์ และสารกำจัดวัชพืชที่ใช้บ่อย คือ พาราควอทและกลัยโฟเสด.


พิษออร์กาโนฟอสเฟต (organophosphate poisoning)

โรคพิษกลุ่มนี้ เกิดจากการได้รับสารฟอสเฟตอินทรีย์ซึ่งเป็นสารกำจัดศัตรูพืชและสัตว์ สามารถเข้าสู่ร่างกายได้ทางผิวหนัง ทางการหายใจหรือทางปาก (กินโดยไม่เจตนา). ผู้ที่เสี่ยงต่อการได้รับสารกลุ่มนี้ คือ คนทำงานอุตสาหกรรมผลิต บรรจุ ขนส่งและจำหน่ายสารกลุ่มนี้ เกษตรกรผู้ใช้สารเคมี และพนักงานผู้ให้บริการกำจัดแมลงตามอาคารบ้านเรือนหรือสำนักงาน. นอกจากนั้น ประชาชนทั่วไปอาจสัมผัสออร์กาโนฟอสเฟตจากสิ่งแวดล้อม เช่น การบริโภคอาหารที่ปนเปื้อน การใช้สารเคมีกำจัดแมลงในบ้านเรือน การทำสวนปลูกต้นไม้ การนำภาชนะบรรจุสารเคมีมาใช้เป็นภาชนะบรรจุอาหารและน้ำดื่ม เป็นต้น.

ลักษณะทางเวชกรรมหลังได้รับสารกลุ่มนี้ หากได้รับในปริมาณความเข้มข้นสูงในทันที ทำให้เกิดพิษเฉียบพลัน มีอาการน้ำมูก น้ำตา น้ำลายและเหงื่อออกมาก อาเจียน ปวดท้อง ท้องเสีย รูม่านตาหดเล็ก หัวใจอาจเต้นช้าหรือเร็ว และความดันเลือดอาจต่ำหรือสูง กล้ามเนื้อเป็นตะคริวและอ่อนแรง อาจมีอาการหายใจแผ่วจนถึงหยุดหายใจจากการที่กล้ามเนื้อช่วยหายใจบริเวณซี่โครงไม่ทำงาน บางรายอาจชัก ซึมหรือหมดสติ บางรายเกิดอัมพาตของเส้นประสาทสมอง โดยเริ่มมีอาการภายใน 2-5 วันหลังจากเกิดอาการเฉียบพลัน ทำให้ผู้ป่วยหยุดหายใจและเสียชีวิตได้.

การตรวจพิเศษที่นิยมใช้ คือ การตรวจระดับเอนไซม์ acetyl-cholinesterase ในเม็ดเลือดแดง โดยพบว่ามีค่าลดลงมากกว่าร้อยละ 30 (จากค่าปกติ).

 

พิษคาร์บาเมต (carbamate poisoning)
โรคพิษกลุ่มนี้ มีผู้ใช้ที่เป็นกลุ่มเสี่ยงกลุ่มเดียวกับออร์กาโนฟอสเฟต และก่อให้เกิดอาการเหมือนกัน. อย่างไรก็ตาม คาร์บาเมตมีกลไกในการยึดจับเอนไซม์ acetyl-cholinesterase ที่ไม่ถาวรเท่าออร์กาโนฟอสเฟต ทำให้ต้องรีบตรวจเลือดทันทีหลังสัมผัสและเกิดอาการ เพราะระดับเอนไซม์ลดลงสู่ระดับปกติ เร็วกว่าออร์กาโนฟอสเฟตมาก.


พิษไพรีทรอยด์ (pyrethroid)

สารไพรีทรอยด์มีอันตรายต่อร่างกายน้อยกว่า 2 กลุ่มแรก จึงนิยมใช้เป็นส่วนผสมของยากำจัดแมลงที่ใช้ฉีดพ่นหรือจุดภายในบ้านเรือน กลุ่มเสี่ยงจึงมักเป็นประชาชนทั่วไป มากกว่าผู้ทำงานในอุตสาหกรรมผลิตหรือเกษตรกรผู้ใช้สารเคมี.

โรคพิษจากสารกำจัดแมลงกลุ่มนี้ มักเกิดจากการได้รับเข้าสู่ผิวหนัง ทำให้ผิวหนังอักเสบ (irritant contact dermatitis) เป็นผื่นคัน แสบร้อน ชา บริเวณที่สัมผัส โดยเฉพาะที่ใบหน้า และไม่สามารถตรวจหาระดับเอนไซม์ acetyl-cholinesterase ได้ เนื่องจากมีกลไกการออกฤทธิ์ต่างจากยา 2 กลุ่มแรก.


พิษสังกะสีฟอสไฟด์ (zinc phosphide poisoning)

อาการพิษจากสารกลุ่มนี้ เกิดจากการกินโดยไม่เจตนา ส่วนมากเกิดขึ้นกับผู้ที่ทำงานเกี่ยวข้องกับการใช้สารเคมีกำจัดหนูหรือแมลงสัตว์แทะ รวมทั้งอาจเกิดจากการปนเปื้อนอาหารตามบ้านเรือน.
ลักษณะทางเวชกรรม ส่วนใหญ่มีผลต่อระบบทางเดินอาหาร ทำให้มีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง อย่างรุนแรง. บางรายเกิดอาการตับอักเสบเฉียบพลัน และบางรายมีอาการแน่นหน้าอก และหายใจลำบากร่วมด้วย. การส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการใช้การตรวจหาสังกะสีฟอสไฟด์ในน้ำล้างกระเพาะอาหาร.

 

พิษพาราควอท (paraquat poisoning)
เกิดจากการได้รับพาราควอทเข้าสู่ร่างกายทางปากและผิวหนัง โดยมีประวัติการทำงานเกี่ยวข้องกับการผลิต บรรจุ ขนส่งและจำหน่าย รวมทั้งเกษตรกรผู้ใช้ยานี้ในการฆ่าหญ้าและวัชพืชต่างๆ เนื่องจากยา  กลุ่มนี้เป็นยากำจัดวัชพืชที่ได้ผลดีมาก จึงนิยมใช้กันทั่วไป.

ลักษณะทางเวชกรรม แยกเป็นพิษเฉียบพลันและพิษเรื้อรัง อาการพิษเฉียบพลัน ทำให้เกิดแผลในปาก เจ็บคอ กลืนลำบาก อาเจียน ปวดท้อง แสบร้อนในอก. ระยะต่อมาอาจเกิดปัสสาวะออกน้อย ไตวาย ตับอักเสบ หายใจหอบเหนื่อย และมีอัตราการเสียชีวิตสูงจากระบบอวัยวะหลายระบบไม่ทำงาน. บางครั้ง  การสัมผัสทางผิวหนัง ทำให้เกิดผิวหนังไหม้ เป็นแผลพุพอง ปวดแสบ ปวดร้อนและเล็บเปลี่ยนเป็นสีขาวหรือเหลือง ถ้าเข้าตาอาจเกิดแผลที่กระจกตา (corneal ulcer). อาการพิษเรื้อรัง มักเกิดจากการสัมผัสทางผิวหนัง โดยมีอาการผื่นคัน ผิวหนังไหม้ ตาดำอักเสบ น้ำตาไหลมาก บางรายมีเลือดกำเดาไหล.

เนื่องจากไม่มีการตรวจทางห้องปฏิบัติการสำหรับสารเคมีกลุ่มนี้ การวินิจฉัยอาศัยประวัติการสัมผัสและอาการที่สอดคล้องดังกล่าวมาแล้ว.


พิษไกลโฟเสด (glyphosate poisoning)

กลุ่มเสี่ยงต่อการใช้สารไกลโฟเสด คือ คนรับจ้างทำสวนตามบ้านหรือสถานที่ทำงานต่างๆ และคนงานในสนามกอล์ฟ เนื่องจากต้องใช้ยากลุ่มนี้ในการกำจัดวัชพืชในสนามหญ้า อนึ่ง เนื่องจากพาราควอทมีพิษร้ายแรงจนเสียชีวิตได้ ในระยะหลังๆ ผู้ใช้ยากำจัดวัชพืช จึงหันมาใช้ยากลุ่มนี้แทน.

อาการพิษเกิดจากการได้รับไกลโฟเสดทางปากหรือผิวหนัง อาการพิษเฉียบพลัน ทำให้เกิดอาการคลื่นไส้ อาเจียน ไอแห้งๆ แน่นหน้าอก. ในรายที่เป็นรุนแรงจะมีอาเจียนปนเลือด ปัสสาวะออกน้อย ไตวายและปอดบวมน้ำ (pulmonary edema). การสัมผัสทางผิวหนังทำให้เกิดผื่นคัน แสบตา เคืองตาและ เจ็บแสบในลำคอ และอาจมีอาการพิษเรื้อรังจากการสัมผัสทางผิวหนัง โดยเป็นผื่นคัน ผิวหนังไหม้ ตาดำอักเสบ น้ำตาไหลมาก. บางรายมีเลือดกำเดาไหลการวินิจฉัยใช้ประวัติการสัมผัสเช่นเดียวกับการสัมผัสพาราควอท เนื่องจากไม่มีการตรวจทางห้องปฏิบัติการ.



ส่งท้าย
ท่านผู้อ่านอาจรู้สึกว่าโรคพิษจากสารเคมีทาง  การเกษตรเหล่านี้ไม่รุนแรง ไม่จำเป็นต้องรายงานหรือรายงานแล้วไม่เกิดผลใดๆต่อท่านหรือเกษตรกร. แต่ในความเป็นจริงแล้ว ความเจ็บป่วยจากการใช้สารเคมีทางการเกษตรเกิดขึ้นบ่อยมากและอาจมีจำนวนผู้ป่วยสูงกว่าสารเคมีทางอุตสาหกรรมเสียอีกแต่มักไม่ได้รับการวินิจฉัยจากแพทย์ ทำให้มีตัวเลขสถิติน้อยกว่าความจริง หรือมีแต่เพียงตัวเลขการตรวจระดับเอนไซม์ acetyl-cholinesterase ด้วยชุดตรวจ (test kit) ที่เจ้าหน้าที่สถานีอนามัยทำเป็นประจำแต่ยังขาดข้อมูลอาการและอาการแสดง (signs and symptoms) ที่ได้รับการวินิจฉัยจากแพทย์ โดยเฉพาะที่รุนแรงจนเสียชีวิต เช่น กรณีพาราควอท หรือที่ก่อให้เกิดอาการตามมาจนพิการหรือคุณภาพชีวิตลดลง เช่น กรณีเส้นประสาทเป็นอัมพาตจากการได้รับออร์กาโนฟอสเฟตปริมาณมาก.


หากมีข้อมูลการใช้สารกำจัดศัตรูพืช ประกอบกับผลการตรวจเอนไซม์ (ก่อนเกิดการเจ็บป่วย) และการวินิจฉัยอาการพิษจากแพทย์ จะทำให้เห็นขนาด   และความรุนแรงของปัญหาสารพิษทางการเกษตรที่ชัดเจนขึ้น นำไปสู่การสร้างมาตรการ นโยบาย แม้แต่การบังคับใช้กฎหมายที่ทำให้เกษตรกรและผู้บริโภคที่ต้องสัมผัสสารเคมีทางการเกษตรปลอดภัยมากขึ้นกว่าในปัจจุบัน.

 

เอกสารอ้างอิง
 1. แสงโฉม เกิดคล้าย, บรรณาธิการ. แนวทางการวินิจฉัยเพื่อการรายงานโรคจากการประกอบอาชีพและสิ่งแวดล้อม. พิมพ์ครั้งที่ 1. กรุงเทพฯ : สำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข, 2547 (สิงหาคม) : หน้า 48-53.


ฉันทนา ผดุงทศ พ.บ.,DrPH in Occupational Health, สำนักโรคจากการประกอบอาชีพและสิ่งแวดล้อม, กรมควบคุมโรค, กระทรวงสาธารณสุข 
E-mail address : [email protected]<

 

 

ป้ายคำ:
  • พิษภัยจากสารเคมี (ยาฆ่าเมลง/ สารตะกั่ว)
  • โรคจากการทำงาน
  • อาชีวเวชศาสตร์ปริทัศน์
  • พญ.ฉันทนา ผดุงทศ
  • อ่าน 36,058 ครั้ง
  • พิมพ์หน้านี้พิมพ์หน้านี้

ข้อมูลสื่อ

259-003
วารสารคลินิก 259
กรกฎาคม 2549
อาชีวเวชศาสตร์ปริทัศน์
พญ.ฉันทนา ผดุงทศ
Skip to Top

บทความสุขภาพน่ารู้

  • ทั้งหมด
  • การแพทย์ทางเลือก
    • แพทย์แผนไทย
      • กดจุด
      • นวดไทย
    • แพทย์แผนจีน
  • ดูแลสุขภาพ
    • การดูแลผู้สูงอายุ
    • การปฐมพยาบาล
    • การรักษาเบื้องต้น
    • การใช้ยาสมุนไพร
    • คู่มือดูแลสุขภาพ
    • ยาและวิธีใช้
    • ตรวจสุขภาพด้วยตัวเอง
      • คำนวณค่า BMI
      • วินิจฉัยโรคเบื้องต้น
      • แนะนำการตรวจสุขภาพประจำปี
    • คุยสุขภาพ
      • กรณีศึกษา
      • ถามตอบปัญหาสุขภาพ
  • สุขภาพทางเพศและครอบครัว
    • การดูแลบุตร
    • แม่และเด็ก
    • การตั้งครรภ์
    • เรียนรู้เรื่องเพศและการวางแผนครอบครัว
  • สร้างเสริมสุขภาพ 3 อ. ​และป้องกันโรค
    • อาหาร
      • อาหาร 5 หมู่
      • อาหารของผู้่ป่วยโรคเรื้อรัง
        • ความดันสูง
        • หัวใจ
        • เกาต์
        • เบาหวาน
      • อาหารที่ควรหลีกเลี่ยง
      • อาหารป้องกันมะเร็ง
      • อาหารสมุนไพร
    • ออกกำลังกาย
      • วิ่ง เดิน ปั่นจักรยาน ว่ายน้ำ แอร์โรบิค แอร์โรบอคซิ่ง รำกระบอง ไทเก็ก ชี่กง โยคะ
    • อารมณ์
      • การทำสมาธิ
      • การพักผ่อน
      • การพัฒนา EQ
      • จิตอาสา/ ฉือจี้
  • พฤติกรรมอันตราย
    • พฤติกรรมเสี่ยงต่อสุขภาพ
    • อนามัยสิ่งแวดล้อม
    • อิริยาบถ
  • โรคและอาการ
    • โรคเรื้อรัง
      • กลุ่มอาการเมตาโบลิค
      • ความดันโลหิตสูง
      • ถุงลมปอดโป่งพอง
      • มะเร็ง
      • อัมพฤกษ์ อัมพาต
      • เบาหวาน
      • โรคข้อ/เกาต์
      • โรคทางจิตเวช เครียด หวาดระแวง
      • โรคหวัด ภูมิแพ้
      • โรคหัวใจ
      • โรคหืด
      • ไขมันในเลือดสูง/ผิดปกติ
      • ไตวาย
    • โรคตามระบบ
      • ระบบทางเดินอาหาร
      • โรคจากอุบัติเหตุ สารพิษ และสัตว์พิษ
      • โรคช่องปากและฟัน
      • โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
      • โรคติดเชื้อ
      • โรคผิวหนัง
      • โรคพยาธิ
      • โรคระบบกระดูกและกล้ามเนื้อ
      • โรคระบบต่อมไร้ท่อ
      • โรคระบบทางอวัยวะเพศชาย
      • โรคระบบทางอวัยวะเพศหญิง
      • โรคระบบทางเดินปัสสาวะ
      • โรคระบบทางเดินหายใจ
      • โรคระบบประสาทและสมอง
      • โรคระบบไหลเวียนโลหิต
      • โรคหู ตา คอ จมูก
    • โรคจากการทำงาน
      • พิษภัยจากสารเคมี (ยาฆ่าเมลง/ สารตะกั่ว)
      • โรคจากฝุ่นและสารเคมีในโรงงาน
      • โรคจากสัตว์ เช่น ฉี่หนู
      • โรคจากอริยาบทที่ผิดสุขลักษณะ
      • โรคเส้นเอ็นอักเสบ/ นิ้วล็อค
  • ทันกระแสสุขภาพ
  • คลังความรู้สื่อสังคมออนไลน์
  • อื่น ๆ

ได้รับความนิยม

  • นม
  • ถั่วพู
  • คนท้อง
  • ธาลัสซีเมีย
  • ผู้สูงอายุ
  • ผักพื้นบ้าน
  • สมุนไพร

แผนผังเว็บไซต์

  • หน้าแรก
  • ดูแลสุขภาพด้วยตัวเอง
  • บทความสุขภาพน่ารู้
  • สื่อสุขภาพ
  • คำถามสุขภาพ
  • ข่าวสาร
  • ติดต่อหมอชาวบ้าน
  • ข้อปฏิเสธความรับผิดชอบ

รวมลิงค์เครือข่าย

  • มูลนิธิหมอชาวบ้าน
  • สำนักพิมพ์หมอชาวบ้าน
  • สถาบันโยคะวิชาการ

สื่อสุขภาพ

  • คลิปสุขภาพ
  • หมอชาวบ้านรายเดือน
  • คลินิกรายเดือน
  • จดหมายข่าวย้อนหลัง
  • feed หมอชาวบ้าน
  • facebook หมอชาวบ้าน
  • youtube หมอชาวบ้าน
  • feed หมอชาวบ้าน
  • facebook หมอชาวบ้าน
  • twitter หมอชาวบ้าน
  • youtube หมอชาวบ้าน
สนับสนุนโดย สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)< และสถาบัน ChangeFusion< พัฒนาระบบโดย Opendream< สัญญาอนุญาต cc by-nc-sa <