Skip to main content
ข้อมูลสุขภาพ มูลนิธิหมอชาวบ้าน
menu

Login Pop

  • เข้าสู่ระบบ
    • ลืมรหัสผ่าน
search
  • เว็บหลักหมอชาวบ้าน
  • สำนักพิมพ์หมอชาวบ้าน
  • มูลนิธิหมอชาวบ้าน
  • หน้าแรก
  • ดูแลสุขภาพด้วยตัวเอง
  • บทความสุขภาพน่ารู้
  • สื่อสุขภาพ
  • คำถามสุขภาพ
  • ข่าวสาร
  • ติดต่อหมอชาวบ้าน
  • ข้อปฏิเสธความรับผิดชอบ
หน้าแรก » บทความสุขภาพน่ารู้ » ข้อเสนอสำหรับแพทยศาสตร์ศึกษาแนวใหม่
  • ขนาดตัวอักษร  Normal size text | Increase text size by 10% | Increase text size by 20% | Increase text size by 30%

ข้อเสนอสำหรับแพทยศาสตร์ศึกษาแนวใหม่

โพสโดย somsak เมื่อ 1 กรกฎาคม 2549 00:00

จากการที่ได้ทำงานในชนบทมาหลายปี ได้เรียนรู้สิ่งต่างๆ มาพอสมควร ได้พบกับแพทย์ที่จบมาจากสถาบันต่างๆ หลายแห่ง ได้เรียนรู้วิทยาการทางการแพทย์หลายอย่างที่หมุนกลับไปมาดั่งล้อเกวียน. ผมมีความเห็นว่าการศึกษาแพทยศาสตร์เพื่อประชาชนไทยน่าจะมีการปรับปรุงมากขึ้น. เราจะพบว่าความต้องการของประชาชนเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ ความเชื่อมั่นต่อแพทย์เริ่มลดลงปัญหาการฟ้องร้องแพทย์เริ่มมากขึ้น นั่นไม่ใช่เพราะหลักสูตรแพทยศาสตร์เดิมไม่ดี แต่สังคมเปลี่ยนไป. หลายครั้งที่พบว่าแพทย์จบใหม่ไม่สามารถอยู่ในชนบทได้อย่างมีความสุขอาจเนื่องมาจากการขาดเครื่องมืออุปกรณ์ การไม่เข้าใจชาวบ้าน การไม่ชินอยู่กับชีวิตชนบทเพราะเติบโตและศึกษาในเมืองใหญ่มาตลอด ทำให้บริการสุขภาพในปัจจุบันจึงไปเน้นที่ Hi tech มากกว่า Hi touch เน้นรักษาโรคมากกว่ารักษาคน ผมจึงได้ลองเสนอแนวทางการปรับเปลี่ยน ดังนี้สอนให้
1. เป็นคนก่อนเป็นหมอ.
2. รู้จักคนก่อนรู้จักไข้.
3. รู้จักสังคมชุมชนก่อนรู้จักโรงพยาบาลหรือห้องผ่าตัด.
4. รู้จักสุขภาวะก่อนรู้จักทุกขภาวะ.
5. มองภาพรวมหรือองค์รวมก่อนแยกส่วน.
6. สร้างก่อนซ่อม.
7. รู้จักโรงพยาบาลที่ขาดแคลนก่อนโรงพยาบาลที่มีพร้อม.


เพื่อให้นักศึกษาแพทย์ได้เรียนรู้คน ครอบครัว ชุมชน สังคมก่อน เนื่องจากส่วนใหญ่เด็กเรียนเก่งก็มัวแต่อ่านตำราหรือกวดวิชาอยู่ในห้องเรียน กลับบ้านมืดค่ำทำให้ขาดปฏิสัมพันธ์กับชุมชนไป. ผมคิดว่าในปีแรกของการเป็นนักศึกษาแพทย์น่าจะให้เรียนรู้เรื่องของสังคม ชุมชน ทั่วไปก่อนโดยให้อยู่ในโรงพยาบาลชุมชนและเรียนรู้หมู่บ้านก่อนพร้อมทั้งเรียนรู้แนวคิดเวชศาสตร์ชุมชนและเวชศาสตร์ครอบครัว สังคมศาสตร์ เป็นต้น. ส่วนความรู้ basic science  ก็ลดลงหรือเปลี่ยนวิธีเรียนโดยให้ศึกษาจากตำรา  หรืออินเตอร์เน็ต แล้วให้จัดทำรายงานส่งในลักษณะ ของ PBL ก็ได้ เอาเวลามาเรียนรู้ชีวิตจริงก่อนที่จะขึ้นชั้นพรีคลินิกและชั้นคลินิกต่อไป. ในปีที่ 2-6 ยังคล้ายๆ แบบเดิมแต่พยายามเปลี่ยนเป็นการเรียนแบบบูรณาการหรือ action learning และเพิ่มการเรียนรู้ชุมชนชั้นปีละ 1 เดือนเพื่อไม่ให้นักศึกษาห่างหรือลืมความเป็นชุมชน.


ผมก็คงได้แต่เสนอเท่านั้น เพราะคงไม่ค่อยมีใครสนใจนัก เนื่องจากส่วนใหญ่ก็อยากจะให้เรียนแต่ตำราแพทย์ ตำราโรคกัน ซึ่งเรียนเท่าไหร่ก็จำไม่ไหว เพราะหลายอย่างที่เรียนไปไม่ได้ใช้ ที่ใช้ไม่ได้เรียนต้องมาหาอ่านเอง ยิ่งความรู้ทางการแพทย์เพิ่มขึ้นทุกวัน อีกหน่อยถ้าเรียนแบบนี้อาจต้องเรียนแพทย์ 9 ปี10 ปีก็ได้.


ในโรงพยาบาลชุมชนจะเป็นแหล่งความรู้เรื่องต่างๆ ทางสุขภาพมากมาย ใกล้ชิดชุมชน วิชาชีพต่างๆ มีโอกาสได้ทำงานร่วมกันมาก หากมหาวิทยาลัยที่สอนทางด้านสุขภาพปรับการเรียนการสอน และใช้พื้นที่จริงในโรงพยาบาลชุมชน ก็จะทำให้นักศึกษาได้นำทฤษฎีหลักการมาฝึกใช้จริง ทำให้รู้ลึกและรู้รอบ พร้อมทั้งรู้จักประยุกต์ใช้ให้เหมาะกับสภาพที่เป็นจริงของชุมชนและสังคมมากขึ้น เพียงแต่ว่าช่วยเสริมศักยภาพในด้านการเรียนการสอน การค้นคว้าวิจัยให้กับเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลชุมชนที่มีใจรักและพร้อมจะถ่ายทอดประสบการณ์ที่ได้จากการทำงานจริงออกมา. ในการฝึกงานของนักศึกษา หากเป็นไปได้ถ้ามีทั้งนักศึกษาแพทย์ ทันตแพทย์ พยาบาล เทคนิคการแพทย์ กายภาพบำบัด เภสัชหรืออื่นๆ มาฝึกชุมชนร่วมกันในเวลาเดียวกันก็จะดี เพราะจะได้เรียนรู้การทำงานในชุมชนร่วมกันตั้งแต่เป็นนักศึกษาทำให้คุ้นเคยและทำงานร่วมกันได้ดีขึ้น.


ศาสตราจารย์ นายแพทย์จอห์น เฟรเซอร์ จากประเทศออสเตรเลียได้มาดูงานที่โรงพยาบาลชุมชน  ที่ผู้เขียนทำงาน และบอกว่าที่ออสเตรเลียใช้โรงพยาบาลขนาดเล็กสอนแพทย์เฉพาะทางด้านเวชศาสตร์ครอบครัวได้เลย และได้รับการยอมรับจากแพทยสภาของออสเตรเลียจึงทำให้แพทย์โรงพยาบาล เล็กๆ อยู่ได้นาน รู้สึกมีศักดิ์ศรีเพราะได้ทำอะไรที่ท้าทาย ได้ถ่ายทอดความรู้ ได้ทำงานวิชาการควบคู่ไปกับงานบริการ และอย่างโรงพยาบาลที่ท่านอยู่ก็เป็นแหล่งสอนนักศึกษาแพทย์ทั้งๆ ที่เป็นโรงพยาบาลเล็กๆ เพียงแต่ว่าแพทย์ที่เป็นพี่เลี้ยงจะได้ฝึกเทคนิค  การสอน การเป็นพี่เลี้ยงก่อนและได้รับการสนับสนุนทางวิชาการจากมหาวิทยาลัยนิวอิงแลนด์.


หากแพทยสภาไทยมองให้ไกล ทำใจให้กว้างมากขึ้น ก็อาจจะช่วยแก้ไขปัญหาการขาดแคลนแพทย์ได้เพราะเราให้นักศึกษาได้เรียนในชนบท ได้ใช้ชีวิตจริงตั้งแต่เรียนไม่ใช่การเรียนและเติบโตอยู่ในเมืองใหญ่ แต่พอเรียนจบต้องถูกบังคับออกมาทำงานในชนบท ก็ทำให้เกิดความอึดอัด ไม่แน่ใจและปรับตัวเข้ากับชุมชนได้ยาก และยิ่งรัฐบาลจะมีโครงการหนึ่งแพทย์หนึ่งอำเภอ (ODOD) เราน่าจะอาศัยโอกาสตรงนี้สร้างแพทย์แนวใหม่ที่มีหัวใจของการสร้างเสริม สุขภาพ มองคนทั้งคน มองแบบองค์รวม เป็นแพทย์ ของชุมชนที่คัดเลือกโดยชุมชน เรียนอยู่กับชุมชนและจบออกมาทำงานกับชุมชน จะช่วยลดการเลือกทำงานอยู่แต่ในเมืองใหญ่ และการหมุนเวียนแพทย์ในโรงพยาบาลชุมชนที่เปลี่ยนบ่อยมาก จนเกิดปัญหามาก มายตามมาไม่รู้จบ และยิ่งในสังคมยุคปัจจุบันที่กำลัง  เข้าสู่สังคมฐานความรู้ที่ต้องใช้การจัดการความรู้อย่าง เหมาะสม ก็ไม่จำเป็นต้องอาศัยการเรียนรู้จากสถานศึกษาอย่างเดียว ควรจะเป็นลักษณะของทุกคนเป็นครู ทุกที่เป็นห้องเรียน มองความรู้ที่เป็นความรู้ที่ใช้ประโยชน์ได้จริง ที่มีทั้งความรู้ในตำรา ความรู้ในคนที่เป็นประสบการณ์ ทักษะ ไม่ใช่แค่การท่องตำรามาสอบตอบให้ตรงใจครูอย่างเดียวแล้ว เพราะในโลกแห่งความเป็นจริง คำตอบที่ถูกไม่ได้มีแค่คำตอบเดียวและการเรียนรู้ก็ไม่ได้มีแค่วิธีเดียว.

 

พิเชฐ บัญญัติ พ.บ.,ผู้อำนวยการโรงพยาบาลบ้านตาก โรงพยาบาลบ้านตาก จังหวัดตาก

 

ป้ายคำ:
  • คุยสุขภาพ
  • จดหมายเหตุเวชกรรมไทย
  • นพ.พิเชฐ บัญญัติ
  • อ่าน 2,283 ครั้ง
  • พิมพ์หน้านี้พิมพ์หน้านี้

ข้อมูลสื่อ

259-005
วารสารคลินิก 259
กรกฎาคม 2549
จดหมายเหตุเวชกรรมไทย
นพ.พิเชฐ บัญญัติ
Skip to Top

บทความสุขภาพน่ารู้

  • ทั้งหมด
  • การแพทย์ทางเลือก
    • แพทย์แผนไทย
      • กดจุด
      • นวดไทย
    • แพทย์แผนจีน
  • ดูแลสุขภาพ
    • การดูแลผู้สูงอายุ
    • การปฐมพยาบาล
    • การรักษาเบื้องต้น
    • การใช้ยาสมุนไพร
    • คู่มือดูแลสุขภาพ
    • ยาและวิธีใช้
    • ตรวจสุขภาพด้วยตัวเอง
      • คำนวณค่า BMI
      • วินิจฉัยโรคเบื้องต้น
      • แนะนำการตรวจสุขภาพประจำปี
    • คุยสุขภาพ
      • กรณีศึกษา
      • ถามตอบปัญหาสุขภาพ
  • สุขภาพทางเพศและครอบครัว
    • การดูแลบุตร
    • แม่และเด็ก
    • การตั้งครรภ์
    • เรียนรู้เรื่องเพศและการวางแผนครอบครัว
  • สร้างเสริมสุขภาพ 3 อ. ​และป้องกันโรค
    • อาหาร
      • อาหาร 5 หมู่
      • อาหารของผู้่ป่วยโรคเรื้อรัง
        • ความดันสูง
        • หัวใจ
        • เกาต์
        • เบาหวาน
      • อาหารที่ควรหลีกเลี่ยง
      • อาหารป้องกันมะเร็ง
      • อาหารสมุนไพร
    • ออกกำลังกาย
      • วิ่ง เดิน ปั่นจักรยาน ว่ายน้ำ แอร์โรบิค แอร์โรบอคซิ่ง รำกระบอง ไทเก็ก ชี่กง โยคะ
    • อารมณ์
      • การทำสมาธิ
      • การพักผ่อน
      • การพัฒนา EQ
      • จิตอาสา/ ฉือจี้
  • พฤติกรรมอันตราย
    • พฤติกรรมเสี่ยงต่อสุขภาพ
    • อนามัยสิ่งแวดล้อม
    • อิริยาบถ
  • โรคและอาการ
    • โรคเรื้อรัง
      • กลุ่มอาการเมตาโบลิค
      • ความดันโลหิตสูง
      • ถุงลมปอดโป่งพอง
      • มะเร็ง
      • อัมพฤกษ์ อัมพาต
      • เบาหวาน
      • โรคข้อ/เกาต์
      • โรคทางจิตเวช เครียด หวาดระแวง
      • โรคหวัด ภูมิแพ้
      • โรคหัวใจ
      • โรคหืด
      • ไขมันในเลือดสูง/ผิดปกติ
      • ไตวาย
    • โรคตามระบบ
      • ระบบทางเดินอาหาร
      • โรคจากอุบัติเหตุ สารพิษ และสัตว์พิษ
      • โรคช่องปากและฟัน
      • โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
      • โรคติดเชื้อ
      • โรคผิวหนัง
      • โรคพยาธิ
      • โรคระบบกระดูกและกล้ามเนื้อ
      • โรคระบบต่อมไร้ท่อ
      • โรคระบบทางอวัยวะเพศชาย
      • โรคระบบทางอวัยวะเพศหญิง
      • โรคระบบทางเดินปัสสาวะ
      • โรคระบบทางเดินหายใจ
      • โรคระบบประสาทและสมอง
      • โรคระบบไหลเวียนโลหิต
      • โรคหู ตา คอ จมูก
    • โรคจากการทำงาน
      • พิษภัยจากสารเคมี (ยาฆ่าเมลง/ สารตะกั่ว)
      • โรคจากฝุ่นและสารเคมีในโรงงาน
      • โรคจากสัตว์ เช่น ฉี่หนู
      • โรคจากอริยาบทที่ผิดสุขลักษณะ
      • โรคเส้นเอ็นอักเสบ/ นิ้วล็อค
  • ทันกระแสสุขภาพ
  • คลังความรู้สื่อสังคมออนไลน์
  • อื่น ๆ

ได้รับความนิยม

  • นม
  • ถั่วพู
  • คนท้อง
  • ธาลัสซีเมีย
  • ผู้สูงอายุ
  • ผักพื้นบ้าน
  • สมุนไพร

แผนผังเว็บไซต์

  • หน้าแรก
  • ดูแลสุขภาพด้วยตัวเอง
  • บทความสุขภาพน่ารู้
  • สื่อสุขภาพ
  • คำถามสุขภาพ
  • ข่าวสาร
  • ติดต่อหมอชาวบ้าน
  • ข้อปฏิเสธความรับผิดชอบ

รวมลิงค์เครือข่าย

  • มูลนิธิหมอชาวบ้าน
  • สำนักพิมพ์หมอชาวบ้าน
  • สถาบันโยคะวิชาการ

สื่อสุขภาพ

  • คลิปสุขภาพ
  • หมอชาวบ้านรายเดือน
  • คลินิกรายเดือน
  • จดหมายข่าวย้อนหลัง
  • feed หมอชาวบ้าน
  • facebook หมอชาวบ้าน
  • youtube หมอชาวบ้าน
  • feed หมอชาวบ้าน
  • facebook หมอชาวบ้าน
  • twitter หมอชาวบ้าน
  • youtube หมอชาวบ้าน
สนับสนุนโดย สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)< และสถาบัน ChangeFusion< พัฒนาระบบโดย Opendream< สัญญาอนุญาต cc by-nc-sa <