Skip to main content
ข้อมูลสุขภาพ มูลนิธิหมอชาวบ้าน
menu

Login Pop

  • เข้าสู่ระบบ
    • ลืมรหัสผ่าน
search
  • เว็บหลักหมอชาวบ้าน
  • สำนักพิมพ์หมอชาวบ้าน
  • มูลนิธิหมอชาวบ้าน
  • หน้าแรก
  • ดูแลสุขภาพด้วยตัวเอง
  • บทความสุขภาพน่ารู้
  • สื่อสุขภาพ
  • คำถามสุขภาพ
  • ข่าวสาร
  • ติดต่อหมอชาวบ้าน
  • ข้อปฏิเสธความรับผิดชอบ
หน้าแรก » บทความสุขภาพน่ารู้ » การตรวจวินิจฉัยวิธีใหม่ด้วย PET-CT สแกน
  • ขนาดตัวอักษร  Normal size text | Increase text size by 10% | Increase text size by 20% | Increase text size by 30%

การตรวจวินิจฉัยวิธีใหม่ด้วย PET-CT สแกน

โพสโดย somsak เมื่อ 1 พฤศจิกายน 2549 00:00

ความต้องการวิธีวินิจฉัยโรคแต่เนิ่นๆ มีอยู่ตลอดเวลา PET-CT สแกนเป็นทางเลือกใหม่ในประเทศ  ไทย มีลักษณะแตกต่างจากการตรวจถ่ายภาพอื่นๆ อาทิ CT สแกนและ MRI ดังจะได้ขยายความดังต่อไปนี้
 


PET (Positron Emission Computed Tomography) สแกน คืออะไร
PET สแกนเป็นการตรวจถ่ายภาพโดยใช้สารเภสัชที่ติดสลากกับไอโซโทปที่ให้อนุภาคโพสิตรอนปริมาณเล็กน้อยเข้าไปในร่างกาย เพื่อไปจับกับความผิดปกติที่ต้องการตรวจแล้วเปล่งแสงออกมาให้เห็นโดยการถ่ายภาพด้วยเครื่อง PET สแกน. การตรวจนี้จึงเป็นการตรวจถ่ายภาพระดับโมเลกุลซึ่งจะพบ  ความผิดปกติได้ก่อนความผิดปกติทางกายวิภาคและมีความจำเพาะมากกว่า. อย่างไรก็ตามเนื่องจากภาพที่ได้จาก PET สแกนแสดงเฉพาะความผิดปกติ จึงเป็นการยากที่จะบ่งตำแหน่งที่ผิดปกติได้อย่างชัดเจน ในปัจจุบันจึงมีการนำเทคโนโลยีของเอกซเรย์คอมพิวเตอร์มารวมในเครื่องเดียวกันเป็น PET-CT สแกน.
       


PET-CT นำมาใช้ตรวจโรคอะไรได้บ้าง
สำหรับการตรวจ PET-CT ในปัจจุบัน โรงพยาบาลส่วนใหญ่จะใช้สารเภสัชรังสีคือ 18F-FDG (fluorodeoxy glucose) ซึ่งในทางคลินิกนั้นมีข้อบ่งชี้ในการตรวจดังนี้
 

1. โรคมะเร็ง จะช่วยในแง่การวินิจฉัยแยกระหว่างเนื้องอกชนิด benign และ malignant (ภาพที่ 1)

  

การตรวจหาระยะของโรคมะเร็ง (ภาพที่ 2)

   
 
การติดตามผลการรักษาเพื่อเลือกยาโดยเฉพาะยาเคมีบำบัดว่ามะเร็งมีการตอบสนองหรือไม่ (ภาพที่ 3)

                  

และสมควรเปลี่ยนยาหรือไม่โดยจะเห็นการตอบสนองก่อนการเปลี่ยนแปลงขนาดโดยอัลตราซาวนด์, เอกซเรย์คอมพิวเตอร์หรือการตรวจคลื่นสะท้อนสนามแม่เหล็ก (MRI) นอกจากนี้ยังใช้ในการติดตามเพื่อตรวจการกลับเป็นซ้ำของโรคมะเร็ง และการพยากรณ์โรค.


2. ความผิดปกติของสมอง
อาทิ Alzhei-mer 's disease, Parkinson ' s disease, Epilepsy โดยจะช่วยตรวจหาโรคหรือพยากรณ์การเกิดโรคก่อนจะตรวจพบในทางคลินิก โดยเฉพาะใน mild cognitive impairment ที่อาจเปลี่ยนไปเป็น Alzheimer (ภาพที่ 4)

               

ช่วยในการวินิจฉัยแยกระหว่างสมองเสื่อมชนิดต่างๆ (ภาพที่ 5)

               

รวมทั้งการแยกจาก pseudodementia ที่เกิดจาก depression เพื่อให้การรักษาที่ถูกวิธี ช่วยในการวินัจฉัยแยกระหว่างโรคที่ให้ความผิดปกติของการเคลื่อนไหว (movement disorder) ต่างๆ และช่วยในการตรวจหาบริเวณที่ทำให้เกิดการ   ชักในกรณีที่ผลการตรวจอื่นๆ ไม่สอดคล้องกันหรือในรายที่ MRI ให้ผลลบ รวมทั้งช่วยพยากรณ์การหายจากการชักหลังการผ่าตัดได้ เป็นต้น.

3. โรคหัวใจ จะช่วยในการวินิจฉัยว่ากล้ามเนื้อหัวใจที่มีการขาดเลือดและลดการหดตัวนั้นยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ (myocardial viability) โดยจะวินิจฉัยร่วมกับการตรวจดูเลือดไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจ (myocardial perfusion study) โดยวิธีทาง SPECT หรือ PET (ภาพที่ 6) ซึ่งหากกล้ามเนื้อหัวใจยังมีชีวิตอยู่ ก็จะให้การรักษาโดยวิธี revascularization แทนที่จะต้องไปทำการปลูกถ่ายหัวใจ (heart transplantation).

              

ในปัจจุบันสำหรับประเทศสหรัฐอเมริกานั้น การตรวจนี้สามารถเบิกค่ารักษาพยาบาลได้ในบางข้อบ่งชี้ ที่มีการศึกษาสนับสนุน1 ซึ่งในประเทศไทยโดยสมาคมเวชศาสตร์นิวเคลียร์ แห่งประเทศไทย ก็ได้เสนอให้มีการเบิกค่าตรวจตามข้อบ่งชี้คล้ายคลึงกับของต่างประเทศ ดังตารางที่ 1 (ในขณะนี้ยังอยู่ในการดำเนินการตกลงกับกรมบัญชีกลาง).
 

   


สารเภสัชรังสีที่ใช้ตรวจ
ถึงแม้สารที่ให้เป็นรังสีและให้เข้าไปในตัวผู้ป่วย แต่อย่างไรก็ตามปริมาณรังสีที่ได้รับจากไอโซโทปที่ใช้กันในปัจจุบัน 4 ชนิดคือ 11C,13N,15O,18F มีปริมาณเทียบเท่าหรือน้อยกว่าการตรวจเอกซเรย์คอมพิวเตอร์2  เนื่องจากสารเหล่านี้มีค่าครึ่งชีวิตสั้นมาก. นอกจากนี้ การตรวจ PET สแกนจะไม่มีการแพ้เนื่องจากสารเภสัชรังสีที่ให้ส่วนใหญ่เป็นสารที่เป็นหรือคล้ายคลึงกับส่วนประกอบในร่างกายหรือเป็นสารที่ร่างกายต้องใช้อยู่แล้ว การตรวจ PET สแกนจึงมี ความปลอดภัยสูง. อย่างไรก็ดี การตรวจ PET สแกนในปัจจุบันมักตรวจพร้อมกับเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ตามที่กล่าวมาแล้ว หากมีการฉีดสารทึบรังสีอาจมีการแพ้ได้.

สารเภสัชรังสีที่ใช้กันมากที่สุดในปัจจุบันคือ8F-FDG ซึ่งเป็น glucose analogue. การจับของสารนี้กับเนื้อเยื่อจะบ่งถึง metabolic activity ซึ่งจะมีมากในเซลล์มะเร็งและการอักเสบต่างๆ การตรวจนี้จึงมีความไวมากและมีความจำเพาะดีพอสมควร อย่างไรก็ดีในปัจจุบันมีการพัฒนาสารเภสัชรังสีชนิดใหม่ๆ ที่มีความจำเพาะมากขึ้น.3

 


ทำไมต้องใช้ PET สแกน
สาเหตุที่ต้องใช้ PET สแกนในการร่วมวินิจฉัยโรคในปัจจุบันเนื่องจากความสามารถของการตรวจวิธีนี้และความคุ้มค่านั่นเอง ดังรายละเอียดข้างล่างนี้

¾ ความสามารถในการวินิจฉัยโรคของ FDG-PET เมื่อเทียบกับการตรวจโดยวิธีอื่น
 ตารางที่ 2 เป็นตัวอย่างการศึกษาเปรียบเทียบ PET สแกนกับ CT สแกน. 
 

    

 

จากตารางที่ 2 จะเห็นได้ว่า PET สแกนมีความไวและความจำเพาะต่อโรคมะเร็งมากกว่า CT สแกน ทั้งในการวินิจฉัย การหาระยะของโรค และการตรวจการกลับเป็นซ้ำของโรค. และในปัจจุบันที่ใช้ PET-CT สแกนยิ่งเพิ่มความแม่นยำในการวินิจฉัย.

¾ ผลต่อการเปลี่ยนแปลง management ในโรคต่างๆ เมื่อใช้ PET สแกน พบว่าการใช้ PET สแกนเปลี่ยนแปลงวิธีการรักษาได้ตั้งแต่ร้อยละ 30-50 ในกรณีมะเร็งของหลอดอาหารและกระเพาะ 7มะเร็งของลำไส้ใหญ่8 และมะเร็งปอด9 ไปจนถึงร้อยละ 30-9310  ในกรณีมะเร็งเต้านม11 เนื่องจากช่วยให้การวินิจฉัยระยะของโรคชัดเจนมากขึ้น.

¾ ความคุ้มค่าของ PET-CT สแกน
ในโรคบางชนิดการใช้ PET-CT ร่วมในการวินิจฉัย เช่น การรักษา non-small cell lung   cancer พบว่าสามารถลดค่าใช้จ่ายในการรักษาลง 1,455  เหรียญแคนาดา เมื่อเทียบกับการใช้ CT สแกน อย่างเดียวและยังช่วยยืดอายุผู้ป่วยเพิ่มขึ้น 3.1 วัน12  ในมะเร็งตับอ่อน13  และการประเมิน metachronous liver metastasis ในมะเร็งของลำไส้ใหญ่14  ก็พบว่าลดค่าใช้จ่ายและช่วยเลือกผู้ป่วยสำหรับการรักษาที่เหมาะสม.


ข้อจำกัดของ PET สแกน
ถึงแม้ว่า PET สแกนจะมีประโยชน์ในหลายโรค ยังมีข้อจำกัดในหลายแง่ ดังต่อไปนี้

1. การเกิดผลลบลวง เช่น การวินิจฉัยและจัดระยะโรคของมะเร็งต่อมลูกหมาก15, การบ่งชี้การกลายเป็นมะเร็งของ cirrhotic nodule ในตับ16, มะเร็งที่มีขนาดน้อยกว่า 1 ซม.17, มะเร็งเต้านมชนิด lobular carcinoma5 , มะเร็งปอดชนิด bronchoalveolar cell18 และ bronchial carcinoid19 เป็นต้น.

 2. การเกิดผลบวกลวง เช่น การอักเสบจากการติดเชื้อและไม่ติดเชื้อต่างๆ เช่น tuberculosis20, histoplasmosis21, aspergillosis22, sarcoidosis23, การอักเสบหลังฉายรังสี หลังการผ่าตัด หรือหลังการให้ยาเคมีบำบัด24 เป็นต้น.


ควรจะส่งตรวจเมื่อใดภายหลังการรักษา
ถึงแม้ว่าการตรวจด้วย PET สแกนเป็นวิธีการที่ดีในการติดตามการรักษา แต่หากส่งตรวจในระยะเวลาที่ไม่เหมาะสมอาจทำให้ผลที่ได้ผิดพลาด ต่อไปนี้เป็นข้อแนะนำเกี่ยวกับระยะเวลาที่ควรเว้นก่อนส่งตรวจ17

1. ภายหลังการตัดชิ้นเนื้อเพื่อการวินิจฉัย (biopsy) : 1 สัปดาห์.

2. หลังการผ่าตัด : 6 สัปดาห์ (ขึ้นกับชนิดการผ่าตัด).
3. หลังการให้ยาเคมีบำบัด : 4-6 สัปดาห์.
4. หลังการฉายรังสี : 4-6 เดือน.
5. หลังการให้ยากระตุ้นการทำงานของไขกระดูก : 5 วัน.



สรุป
การตรวจ PET สแกนมีความไวและความจำเพาะสูงในโรคต่างๆ ที่กล่าวมา และสามารถลดการตรวจและการรักษาที่ไม่จำเป็นอื่นๆ ลงไปได้ ทำให้การวินิจฉัยและการวางแนวทางการรักษาโรคเหมาะสมกับผู้ป่วยรายนั้นๆมากขึ้น. อย่างไรก็ดี การส่งตรวจสำหรับข้อบ่งชี้อื่นๆ ที่ไม่ได้กล่าวมายังมีการศึกษาสนับสนุนจำกัดจึงต้องรอผลวิจัยความสามารถและความคุ้มค่าต่อการส่งตรวจก่อนนำมาใช้.

 

เอกสารอ้างอิง
 1. www.petscaninfo.com/zportal/portals/pat/my_pet_scan/pet_medicare<

 2. Von Schulthess GK. Radiopharmaceuticals for clinical PET, PET/CT, and SPECT/CT imaging. In : Von Schulthess GK, ed. Clinical molecular anatomic imaging. PET, PET/CT, and SPECT/CT. Philadelphia : Lippincott Williams &Wilkins, 2003:103-5. 

 3. Ametamey SM. PET radiopharmaceuticals. Alasbimn Journal 2002;5:AJ18-11.

 4. www.petscaninfo.com<

 5. Avril N, Rose CA, Schelling M, et al. Breast imaging with positron emission tomography and (fluorine-18)–fluorodeoxyglucose : use and limitation. J Clin Oncol 2000;18:3495-502. 

 6. Gambhir SS, Czernin J, Schwimmer J, et al. A tabulated summary of the FDG PET literature. J Nucl Med 2001;42 (suppl 5):1S-93S.

 7. Duong CP, Demitriou H, Weih L, et al. Significant clinical impact and prognostic stratification provided by FDG-PET in the staging of oesophageal cancer. Eur J Nucl Med Mol Imaging 2006;33:759-69.

 8. Meta J, Seltzer M, Schiepers C, et al. Impact of 18F-FDG PET on managing patients with colorectal cancer: the referring physicianีs perspective. J Nucl Med 2001;42:586-90.

 9. Gabriele P, Malinverni G, Moroni GL, et al. The impact of 18F-deoxyglucose positron emission tomography on tumor staging, treatment strategy and treatment planning for radiotherapy in a department of radiation oncology. Tumori 2004;90:579-85.

 10. Grahek D, Montravers F, Kerrou K, et al. [18F]FDG in recurrent breast cancer : diagnostic performances, clinical impact and relevance of induced changes in management. Eur J Nucl Med Mol Imaging 2004;31: 179-88.

 11. Yap CS, Seltzer MA, Schiepers C, et al. Impact of whole-body 18F-FDG PET on staging and managing patients with breast cancer: the referring physicianีs perspective. J Nucl Med 2001;42:1334-7.

 12. Sloka JS, Hollett PD, Mathews M. Cost-effectiveness of positron emission tomography for non-small cell lung carcinoma in Canada. Med Sci Monit 2004;10:MT7380.

 13. Heinrich S, Goerres GW, Schafer M, et al. Positron emission tomography/computed tomography influences on the management of resectable pancreatic cancer and its cost-effectiveness. Ann Surg 2005;242:235-43.

 14. Lejeune C, Bismuth MJ, Conroy T, et al. Use of a decision analysis model to assess the cost-effectiveness of 18F-FDG PET in the management of metachronous liver metastases of colorectal cancer. J Nucl Med 2005; 46:2020-28.

 15. Effert PJ, Bares R, Handt S, et al. Metabolic imaging of untreated prostate cancer by positron emission tomography with 18fluorine-labeled deoxyglucose. J Urol 1996;155:994-8.

 16. Khan MA, Combs CS, Brunt EM, et al. Positron emission tomography scanning in the evaluation of hepatocellular carcinoma. J Hepatol 2000;32:792-7.

 17. Lin EC, Alavi A. Interpretation of FDG PET studies. In : Lin EC, Alavi A, eds. PET and PET/CT : A clinical guide. New York : Thieme, 2005:55-63.

 18. Yap CS, Schiepers C, Fishbein MC, et al. FDG-PET imaging in lung cancer : how sensitive is it for bronchoalveolar carcinoma? Eur J Nucl Med Mol Imag 2002;29:1166-73.

 19. Erasmus JJ, McAdams HP, Patz EF Jr, et al. Evaluation of primary pulmonary carcinoid tumors using FDG PET. Am J Roentgenol 1998;170:1369-73.

 20. Goo JM, Im JG, Do KH, et al. Pulmonary tuberculoma evaluated by means of FDG PET : Findings in 10 cases. Radiology 2000;216:117-21.

 21. Croft DR, Trapp J, Kernstine K, et al. FDG-PET imaging at the diagnosis of non-small cell lung cancer in a region of high histoplasmosis prevalence. Lung cancer 2002; 36:297-301.

 22. Wilkinson MD, Fulham MJ, McCaughan BC, et al. Invasive aspergillosis mimicking stage IIIA non-small-cell lung cancer on FDG positron emission tomography. Clin Nucl Med 2003;28:234-5.

 23. Lewis PJ, Salama A. Uptake of fluorine-18-fluorodeoxy-glucose in sarcoidosis. J Nucl Med 1994;35:1647-9.

 24. Cook CJ, Wegner EA, Fogelman I. Pitfalls and artifacts in 18FDG PET and PET/CT oncologic imaging. Semin Nucl Med 2004;34:122-33.

 

สุภัทรพร เทพมงคล พ.บ., รองศาสตราจารย์ สาขาเวชศาสตร์นิวเคลียร์ ภาควิชารังสีวิทยา,คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
 

ป้ายคำ:
  • อื่น ๆ
  • นานาสาระ
  • รศ.นพ.สุภัทรพร เทพมงคล
  • อ่าน 18,125 ครั้ง
  • พิมพ์หน้านี้พิมพ์หน้านี้

ข้อมูลสื่อ

263-003
วารสารคลินิก 263
พฤศจิกายน 2549
นานาสาระ
รศ.นพ.สุภัทรพร เทพมงคล
Skip to Top

บทความสุขภาพน่ารู้

  • ทั้งหมด
  • การแพทย์ทางเลือก
    • แพทย์แผนไทย
      • กดจุด
      • นวดไทย
    • แพทย์แผนจีน
  • ดูแลสุขภาพ
    • การดูแลผู้สูงอายุ
    • การปฐมพยาบาล
    • การรักษาเบื้องต้น
    • การใช้ยาสมุนไพร
    • คู่มือดูแลสุขภาพ
    • ยาและวิธีใช้
    • ตรวจสุขภาพด้วยตัวเอง
      • คำนวณค่า BMI
      • วินิจฉัยโรคเบื้องต้น
      • แนะนำการตรวจสุขภาพประจำปี
    • คุยสุขภาพ
      • กรณีศึกษา
      • ถามตอบปัญหาสุขภาพ
  • สุขภาพทางเพศและครอบครัว
    • การดูแลบุตร
    • แม่และเด็ก
    • การตั้งครรภ์
    • เรียนรู้เรื่องเพศและการวางแผนครอบครัว
  • สร้างเสริมสุขภาพ 3 อ. ​และป้องกันโรค
    • อาหาร
      • อาหาร 5 หมู่
      • อาหารของผู้่ป่วยโรคเรื้อรัง
        • ความดันสูง
        • หัวใจ
        • เกาต์
        • เบาหวาน
      • อาหารที่ควรหลีกเลี่ยง
      • อาหารป้องกันมะเร็ง
      • อาหารสมุนไพร
    • ออกกำลังกาย
      • วิ่ง เดิน ปั่นจักรยาน ว่ายน้ำ แอร์โรบิค แอร์โรบอคซิ่ง รำกระบอง ไทเก็ก ชี่กง โยคะ
    • อารมณ์
      • การทำสมาธิ
      • การพักผ่อน
      • การพัฒนา EQ
      • จิตอาสา/ ฉือจี้
  • พฤติกรรมอันตราย
    • พฤติกรรมเสี่ยงต่อสุขภาพ
    • อนามัยสิ่งแวดล้อม
    • อิริยาบถ
  • โรคและอาการ
    • โรคเรื้อรัง
      • กลุ่มอาการเมตาโบลิค
      • ความดันโลหิตสูง
      • ถุงลมปอดโป่งพอง
      • มะเร็ง
      • อัมพฤกษ์ อัมพาต
      • เบาหวาน
      • โรคข้อ/เกาต์
      • โรคทางจิตเวช เครียด หวาดระแวง
      • โรคหวัด ภูมิแพ้
      • โรคหัวใจ
      • โรคหืด
      • ไขมันในเลือดสูง/ผิดปกติ
      • ไตวาย
    • โรคตามระบบ
      • ระบบทางเดินอาหาร
      • โรคจากอุบัติเหตุ สารพิษ และสัตว์พิษ
      • โรคช่องปากและฟัน
      • โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
      • โรคติดเชื้อ
      • โรคผิวหนัง
      • โรคพยาธิ
      • โรคระบบกระดูกและกล้ามเนื้อ
      • โรคระบบต่อมไร้ท่อ
      • โรคระบบทางอวัยวะเพศชาย
      • โรคระบบทางอวัยวะเพศหญิง
      • โรคระบบทางเดินปัสสาวะ
      • โรคระบบทางเดินหายใจ
      • โรคระบบประสาทและสมอง
      • โรคระบบไหลเวียนโลหิต
      • โรคหู ตา คอ จมูก
    • โรคจากการทำงาน
      • พิษภัยจากสารเคมี (ยาฆ่าเมลง/ สารตะกั่ว)
      • โรคจากฝุ่นและสารเคมีในโรงงาน
      • โรคจากสัตว์ เช่น ฉี่หนู
      • โรคจากอริยาบทที่ผิดสุขลักษณะ
      • โรคเส้นเอ็นอักเสบ/ นิ้วล็อค
  • ทันกระแสสุขภาพ
  • คลังความรู้สื่อสังคมออนไลน์
  • อื่น ๆ

ได้รับความนิยม

  • นม
  • ถั่วพู
  • คนท้อง
  • ธาลัสซีเมีย
  • ผู้สูงอายุ
  • ผักพื้นบ้าน
  • สมุนไพร

แผนผังเว็บไซต์

  • หน้าแรก
  • ดูแลสุขภาพด้วยตัวเอง
  • บทความสุขภาพน่ารู้
  • สื่อสุขภาพ
  • คำถามสุขภาพ
  • ข่าวสาร
  • ติดต่อหมอชาวบ้าน
  • ข้อปฏิเสธความรับผิดชอบ

รวมลิงค์เครือข่าย

  • มูลนิธิหมอชาวบ้าน
  • สำนักพิมพ์หมอชาวบ้าน
  • สถาบันโยคะวิชาการ

สื่อสุขภาพ

  • คลิปสุขภาพ
  • หมอชาวบ้านรายเดือน
  • คลินิกรายเดือน
  • จดหมายข่าวย้อนหลัง
  • feed หมอชาวบ้าน
  • facebook หมอชาวบ้าน
  • youtube หมอชาวบ้าน
  • feed หมอชาวบ้าน
  • facebook หมอชาวบ้าน
  • twitter หมอชาวบ้าน
  • youtube หมอชาวบ้าน
สนับสนุนโดย สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)< และสถาบัน ChangeFusion< พัฒนาระบบโดย Opendream< สัญญาอนุญาต cc by-nc-sa <