Skip to main content
ข้อมูลสุขภาพ มูลนิธิหมอชาวบ้าน
menu

Login Pop

  • เข้าสู่ระบบ
    • ลืมรหัสผ่าน
search
  • เว็บหลักหมอชาวบ้าน
  • สำนักพิมพ์หมอชาวบ้าน
  • มูลนิธิหมอชาวบ้าน
  • หน้าแรก
  • ดูแลสุขภาพด้วยตัวเอง
  • บทความสุขภาพน่ารู้
  • สื่อสุขภาพ
  • คำถามสุขภาพ
  • ข่าวสาร
  • ติดต่อหมอชาวบ้าน
  • ข้อปฏิเสธความรับผิดชอบ
หน้าแรก » บทความสุขภาพน่ารู้ » บทบาทใหม่ของหมออนามัย
  • ขนาดตัวอักษร  Normal size text | Increase text size by 10% | Increase text size by 20% | Increase text size by 30%

บทบาทใหม่ของหมออนามัย

โพสโดย somsak เมื่อ 1 พฤศจิกายน 2551 00:00

ฉบับที่แล้ว ผมได้กล่าวถึงความเป็นจิตอาสาของหมออนามัยหรือเจ้าหน้าที่ประจำสถานีอนามัยซึ่งกระจายอยู่ทั่วทุกตำบล. ฉบับนี้ขอต่อเรื่องหมออนามัยอีกครั้งหนึ่ง โดยขอคัดข้อความบางตอนจากปาฐกถาพิเศษเนื่องในวันหมออนามัยแห่งชาติประจำปี 2551 ที่ผมได้รับเชิญให้กล่าวในหัวข้อ "หมออนามัยจิตอาสา" เมี่อวันที่ 9 กันยายนที่ผ่านมา. (ดูรายละเอียดของปาฐกถานี้ได้ที่ www.mohanamaicouncil.com< )

 

"ในช่วงห้าสิบปีที่ผ่านมา เครือข่ายสถานีอนามัยทั่วประเทศได้สร้างประโยชน์หรือคุณูปการอย่างใหญ่หลวงในการควบคุมและป้องกันโรคต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านอนามัยแม่และเด็ก. ถ้าไม่มีหมออนามัยเด็กก็จะยังเป็นโรคติดต่อที่ป้องกันได้ด้วยวัคซีน ไม่ว่า ไอกรน คอตีบ บาดทะยัก โปลิโอ รวมทั้งหัดที่กำลังสูญพันธุ์ เนื่องจากคงไม่สามารถครอบคลุมการฉีดวัคซีนได้ครบ. ในเรื่องการวางแผนครอบครัวที่ประเทศไทยมีชื่อเสียงโด่งดัง ประสบผลสำเร็จก็เกิดจากน้ำมือของหมออนามัย. นี่ยังไม่ได้พูดถึงอนามัยสิ่งแวดล้อม การสุขาภิบาล และการสร้างส้วม สร้างถังเก็บน้ำในสมัยก่อน. นอกจากนี้ หมออนามัยยังได้ช่วยเหลือชาวบ้านมากมาย รวมทั้งด้านการปฐมพยาบาลและการรักษาโรคเบื้องต้น. ปัจจุบันนี้มีโรคเบาหวานเพิ่มมากขึ้น หลายครั้งที่คนไข้หมดสติเนื่องจากน้ำตาลในเลือดต่ำ ซึ่งหากนำส่งโรงพยาบาลโดยไม่ช่วยเหลือเบื้องต้นก่อน ผู้ป่วยคงตายแน่ หมออนามัยก็มีบทบาทช่วยชีวิตผู้ป่วยด้วยการฉีดกลูโคส ทำให้ผู้ป่วยฟื้นขึ้นมา รอดชีวิต อันนี้ผมเคยไปสัมผัสมาในหลายพื้นที่. แม้ในปัจจุบันปัญหาใหม่ เช่น เบาหวาน ความดันสูง หมออนามัยก็มีบทบาทในการปรับพฤติกรรมและควบคุมป้องกันโรค จึงกล่าวได้ว่าสถานีอนามัยเป็นระบบบริการปฐมภูมิที่ได้มีวิวัฒนาการตลอดมาในประวัติศาสตร์สาธารณสุขไทยในช่วงเวลาห้าสิบปีที่ผ่านมา ก่อนจะมีวาทกรรมหรือศัพท์แสงใหม่ๆ เช่น คำว่า "PCU" เช่นคำว่า Humanized care เช่นคำว่า Holistic care เช่นคำว่า จิตอาสา. สถานีอนามัย คือโซ่ข้อกลางเชื่อมต่อระหว่างโรงพยาบาลกับชุมชน เชื่อมต่อระหว่างเทคโนโลยีกับวัฒนธรรมวิถีชีวิตชุมชน เชื่อมต่อระหว่างกิจกรรมด้านการแพทย์ สาธารณสุข กับกิจกรรมด้านสังคม.ดังนั้นจะเห็นว่าหมออนามัยใช้เวลาไม่น้อยที่ไปทำกิจกรรมด้านสังคม เพื่อดูแลผู้ป่วย ดูแลประชาชนให้มีคุณภาพชีวิต ที่เรียกว่าเป็นการช่วยเหลือด้านจิตใจและสังคม หรือภาษาอังกฤษเรียกว่า "psycho-social care" ให้การดูแลด้านจิตใจสังคมของประชาชน ควบคู่กับการรักษาโรคของแพทย์.


"สุดท้ายนี้ผมจะพูดสรุป ความเป็นหมออนามัยจิตอาสาว่า ด้วยเงื่อนไขทางสังคม ประวัติศาสตร์และวิวัฒนาการของหมออนามัยดังได้กล่าวมาแล้วข้างต้น งานของหมออนามัยคืองานจิตอาสาในเนื้อในตัวของมัน พอสรุปเป็นข้อๆได้ดังนี้

" 1. หมออนามัยคือ บุคคลผู้ดูแลสุขภาพประชาชนทั้งด้านร่างกาย จิตใจ สังคม จิตวิญญาณด้วยหัวใจของความเป็นมนุษย์ โดยการให้บริการด้านส่งเสริมสุขภาพ ป้องกันควบคุมโรค รักษาพยาบาล ฟื้นฟูสภาพ ตามกลุ่มอายุ ตามกลุ่มเสี่ยงต่างๆ ในพื้นที่รับผิดชอบ. ในอนาคตหมออนามัยต้องเตรียมพร้อมในการรับภารกิจใหม่ๆ สำหรับปัญหาสุขภาพใหม่ๆ ที่มีความสลับซับซ้อนมากกว่าในอดีต เช่น โรคเรื้อรัง เบาหวาน ความดัน มีกันทุกตำบล ทุกหมู่บ้าน ซึ่งเป็นโรคที่ยังไม่สามารถดูแลได้อย่างมีคุณภาพ ไม่สามารถควบคุมพฤติกรรม และก่อให้เกิดโรคแทรกมากมาย เพียงแต่หมออนามัย ถ้ามีความรู้ มีทักษะ ก็สามารถไปแก้ไขปัญหาเหล่านี้ได้อย่างมีคุณภาพ ผมเชื่อว่าจะสร้างประโยชน์ได้อย่างใหญ่หลวงในการลดภาระให้แก่ประเทศ ที่จะต้องรักษาโรคแทรกซ้อนจากปัญหาของโรคเหล่านี้. โรคมะเร็งก็พบมากขึ้นในชุมชน ถึงแม้เราไม่สามารถวินิจฉัยรักษาโรคมะเร็งได้ แต่เราก็สามารถติดตามให้กำลังใจ ดูแลจนถึงวาระสุดท้ายของชีวิต. หมออนามัยหลายท่านในปัจจุบันเริ่มมีบทบาทในการดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้าย ซึ่งต้องดูแลที่บ้านเท่านั้น จึงจะเป็นการดูแลที่มีคุณภาพและประหยัด ดังนั้น ภารกิจอันใหม่ในอนาคตจึงควรดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้ายที่ชุมชน. นอกจากนี้ ยังมีบทบาทในการดูแลผู้ป่วยจิตเวชที่น่าสงสารอีกด้วย คนไทยเป็นโรคจิตเวชกันเยอะมากในชุมชน เช่น โรคจิตเภท โรคซึมเศร้า เป็นโรคที่สามารถควบคุมด้วยยากิน ยาฉีด ขอให้คนไข้ยอมกินยา ยอมฉีดยา ตามหมอสั่ง ก็จะสามารถมีคุณภาพชีวิตได้เช่นเดียวกับคนปกติ เหมือนโรคเบาหวาน ความดัน. ขณะนี้ปัญหาจิตเวชในชุมชนมีเพิ่มขึ้น จำเป็นต้องไปหาหมอที่โรงพยาบาลศูนย์ฯ โรงพยาบาลเฉพาะทางโรงพยาบาลจังหวัดใหญ่ๆ โรงพยาบาลชุมชนยังไม่มีหมอเฉพาะทางด้านจิตเวช เกิดปัญหาทำให้ผู้ป่วยเหล่านี้เข้าไม่ถึงการบริการ เข้าไม่ถึงยา, บทบาทใหม่ของหมออนามัยคือ ช่วยดูแลผู้ป่วยจิตเวชให้คืนศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์กลับคืนมา ด้วยการคัดกรองโรคในชุมชน ส่งต่อคนไข้เพื่อรับการตรวจรักษา ติดตามการใช้ยาและประเมินอาการ ช่วยให้เข้าถึงยา แม้กระทั่ง การไปฉีดยาถึงที่บ้านของคนไข้ รวมทั้งส่งเสริมให้ครอบครัวและชุมชนมีความรู้ความเข้าใจและช่วยดูแลคนไข้. ดังนั้น บทบาทตรงนี้ก็คือ หมออนามัยจะต้องปรับพฤติกรรมของผู้ป่วย ควบคู่ไปกับการรักษาและการใช้ยาของแพทย์ ให้การดูแลด้านจิตใจสังคมของผู้ป่วยและครอบครัว ดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้าย โดยต้องสนใจเรียนรู้วิธีส่งเสริมให้เกิดการตายอย่างมีศักดิ์ศรีและประหยัด ไม่ใช่ตายคา ICU ตายคาเครื่องมือแพทย์ด้วยราคาที่แพงมากจนเป็นหนี้สิน หมดเนื้อหมดตัว. ต้องเน้นเรื่องการป้องกันโรคใหม่ๆ เช่น ส่งเสริมกิจกรรมการออกกำลังกาย การควบคุมอารมณ์ การบริหารจิต การปฏิบัติทางศาสนา หรือการพัฒนาทางจิตวิญญาณ. หมออนามัยจะต้องมีบทบาทในการป้องกันควบคุมโรคต่างๆ. หมออนามัยต้องเรียนรู้จากสื่อต่างๆ เรียนรู้จากระบบไอทีต่างๆ และน่าจะมีเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ที่เรียกว่า "KM หรือ knowledge management" ของเครือข่ายหมออนามัยที่ระตับตำบล อำเภอ จังหวัด โดยประสานงานกับแพทย์ กับพยาบาล กับเภสัชฯ กับทันตแพทย์ กับวิชาชีพอื่นๆ ให้เป็นเครือข่ายการเรียนรู้เพื่อดูแลคนไข้ที่ชุมชนและสร้างเสริมสุขภาพของประชาชน.


"2. หมออนามัยคือ บุคคลที่เสริมพลังสร้างอำนาจให้ประชาชนและชุมชนมีความเข้มแข็งด้านการดูแลสุขภาพตนเอง พึ่งพาตนเองได้อย่างแท้จริง สำหรับคนทุกวัยตั้งแต่ปฏิสนธิจนสู่เชิงตะกอน. หมออนามัยต้องมีความรู้ในการที่จะส่งเสริมให้ประชาชนในการดูแลมนุษย์   ตั้งแต่อยู่ในครรภ์ ทำให้เด็กในครรภ์มีวิวัฒนาการที่สมบูรณ์ ทางกาย ทางสมอง ทางอารมณ์ ส่งเสริมการฝากครรภ์ การคลอดที่ปลอดภัย การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ การดูแลภาวะโภชนาการเด็ก รวมทั้งส่งเสริมการดูแลสุขภาพตนเองของกลุ่มวัยรุ่น วัยทำงาน วัยสูงอายุ จนกระทั่งถึงวาระสุดท้ายของชีวิต. ตรงนี้จะต้องมีแนวคิดว่าสุขภาพอยู่ในวิถีชีวิตของประชาชน ตั้งแต่ตื่นนอนจนเข้านอน ในเรื่องการกินอยู่หลับนอน การทำงาน การพักผ่อนหย่อนใจ โดยให้มีลักษณะที่เอื้อต่อสุขภาพกาย จิต สังคม และจิตวิญญาณ. ขณะเดียวกันหมออนามัยควรจะดูแลสุขภาพตัวเองด้วย ดูแลครอบครัวตัวเองด้วย โดยทำหน้าที่เป็นต้นแบบของประชาชน ในการเลี้ยงลูกให้ดีๆ ในการสร้างครอบครัวที่อบอุ่น เข้มแข็ง เรียนรู้วิธีผ่อนคลายความเครียด ในการพัฒนาจิตวิญญาณให้สูงส่ง เรียนรู้การเผชิญวิกฤติการณ์ชีวิตต่างๆ ในการดำเนินชีวิตแบบพอเพียง และมีความสุข. 


" 3. หมออนามัยคือ บุคคลที่ทำงานร่วมกับเครือข่ายชุมชนด้วยความรัก
ไม่ว่าจะเป็น อบต. อสม. ครู พระ ผู้นำชุมชน องค์กรชุมชนต่างๆ. การทำงานกับเครือข่ายชุมชนถือเป็นความถนัดอย่างยิ่งยวดของหมออนามัย หมออนามัยมีความเก่งด้านนี้มาก มีความโดดเด่นด้านการทำงานเครือข่ายในชุมชน เพราะสถานีอนามัยเป็นหน่วยงานที่อยู่ใกล้ชิดกับประชาชนมากที่สุด เป็นหน่วยงานที่อยู่กับชุมชนตลอดเวลา. อันนี้ถือเป็นต้นทุนทางสังคมที่มีค่าอย่างยิ่ง.


"4.หมออนามัยคือ บุคคลที่ทำงานเป็นภาคีกับวิชาชีพทุกสาขา ทั้งแพทย์ ทั้งพยาบาล ทั้งเภสัชฯ ทั้งทันตแพทย์ และอื่นๆ เพื่อช่วยกันทำงานในชุมชน เพราะหมออนามัยมีภาวะผู้นำของการทำงานเพื่อชุมชน ช่วยนำพาทีมงานทั้งหมดลงไปช่วยทำงานเพื่อชุมชน ให้บุคลากรต่างๆได้เรียนรู้ร่วมกัน ได้ไปสัมผัสปัญหา ได้สัมผัสความทุกข์ยากของผู้ป่วย ของประชาชน. ผมยังเชื่อมั่นว่าเราสามารถเสนอสิ่งเรียนรู้ให้แก่บุคคลต่างๆ แม้แต่นักเรียนนักศึกษาในการสร้างจิตสำนึก ในการสร้างคุณธรรม จริยธรรม เพราะเรามีวัตถุดิบ เรามีสื่อการเรียนรู้ที่มีชีวิตจิตใจ หมายถึงผู้ป่วยและครอบครัวที่มีปัญหาความทุกข์ยาก ซึ่งหมออนามัยรู้จักเป็นอย่างดี เอาครอบครัวผู้ป่วยเหล่านี้ เป็นสื่อที่มีชีวิตในการที่จะกระตุ้นต่อมจิตสำนึกของผู้คนต่างๆ ในสังคม. ดังนั้น เราจะมีเครือข่ายภาคีในการทำงานร่วมกันในชุมชน เพื่อประชาชนที่เรารัก รวมทั้งช่วยผลักดันนโยบายต่างๆ ให้เกิดการปฏิรูปการเปลี่ยนแปลงที่ดีทั้งการศึกษา การสาธารณสุขที่ เอื้อประโยชน์สูงสุดต่อประชาชน.


"ผมเชื่อมั่นว่าด้วยการรวมตัวของกองทัพหมออนามัย ที่อยู่ด่านหน้าของแนวรบสุขภาพของประเทศ ด้วยการเรียนรู้อย่างต่อเนื่องของหมออนามัย ในการปรับเปลี่ยนบทบาทและภารกิจใหม่ๆ ต่อการเผชิญปัญหาใหม่ๆ หมออนามัยจะสามารถสร้างคุณูปการใหม่ๆต่อการสร้างเสริมสุขภาพ และคุณภาพชีวิตของประชาชน ซึ่งจะเป็นการสร้างคุณค่าของหมออนามัยให้เป็นที่ยอมรับของสังคมยิ่งๆขึ้นไป"
 

รองศาสตราจารย์ นายแพทย์ สุรเกียรติ อาชานานุภาพ

 

ป้ายคำ:
  • คุยสุขภาพ
  • บทบรรณาธิการ
  • รศ.นพ.สุรเกียรติ อาชานานุภาพ
  • อ่าน 13,517 ครั้ง
  • พิมพ์หน้านี้พิมพ์หน้านี้

ข้อมูลสื่อ

287-001
วารสารคลินิก 287
พฤศจิกายน 2551
บทบรรณาธิการ
รศ.นพ.สุรเกียรติ อาชานานุภาพ
Skip to Top

บทความสุขภาพน่ารู้

  • ทั้งหมด
  • การแพทย์ทางเลือก
    • แพทย์แผนไทย
      • กดจุด
      • นวดไทย
    • แพทย์แผนจีน
  • ดูแลสุขภาพ
    • การดูแลผู้สูงอายุ
    • การปฐมพยาบาล
    • การรักษาเบื้องต้น
    • การใช้ยาสมุนไพร
    • คู่มือดูแลสุขภาพ
    • ยาและวิธีใช้
    • ตรวจสุขภาพด้วยตัวเอง
      • คำนวณค่า BMI
      • วินิจฉัยโรคเบื้องต้น
      • แนะนำการตรวจสุขภาพประจำปี
    • คุยสุขภาพ
      • กรณีศึกษา
      • ถามตอบปัญหาสุขภาพ
  • สุขภาพทางเพศและครอบครัว
    • การดูแลบุตร
    • แม่และเด็ก
    • การตั้งครรภ์
    • เรียนรู้เรื่องเพศและการวางแผนครอบครัว
  • สร้างเสริมสุขภาพ 3 อ. ​และป้องกันโรค
    • อาหาร
      • อาหาร 5 หมู่
      • อาหารของผู้่ป่วยโรคเรื้อรัง
        • ความดันสูง
        • หัวใจ
        • เกาต์
        • เบาหวาน
      • อาหารที่ควรหลีกเลี่ยง
      • อาหารป้องกันมะเร็ง
      • อาหารสมุนไพร
    • ออกกำลังกาย
      • วิ่ง เดิน ปั่นจักรยาน ว่ายน้ำ แอร์โรบิค แอร์โรบอคซิ่ง รำกระบอง ไทเก็ก ชี่กง โยคะ
    • อารมณ์
      • การทำสมาธิ
      • การพักผ่อน
      • การพัฒนา EQ
      • จิตอาสา/ ฉือจี้
  • พฤติกรรมอันตราย
    • พฤติกรรมเสี่ยงต่อสุขภาพ
    • อนามัยสิ่งแวดล้อม
    • อิริยาบถ
  • โรคและอาการ
    • โรคเรื้อรัง
      • กลุ่มอาการเมตาโบลิค
      • ความดันโลหิตสูง
      • ถุงลมปอดโป่งพอง
      • มะเร็ง
      • อัมพฤกษ์ อัมพาต
      • เบาหวาน
      • โรคข้อ/เกาต์
      • โรคทางจิตเวช เครียด หวาดระแวง
      • โรคหวัด ภูมิแพ้
      • โรคหัวใจ
      • โรคหืด
      • ไขมันในเลือดสูง/ผิดปกติ
      • ไตวาย
    • โรคตามระบบ
      • ระบบทางเดินอาหาร
      • โรคจากอุบัติเหตุ สารพิษ และสัตว์พิษ
      • โรคช่องปากและฟัน
      • โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
      • โรคติดเชื้อ
      • โรคผิวหนัง
      • โรคพยาธิ
      • โรคระบบกระดูกและกล้ามเนื้อ
      • โรคระบบต่อมไร้ท่อ
      • โรคระบบทางอวัยวะเพศชาย
      • โรคระบบทางอวัยวะเพศหญิง
      • โรคระบบทางเดินปัสสาวะ
      • โรคระบบทางเดินหายใจ
      • โรคระบบประสาทและสมอง
      • โรคระบบไหลเวียนโลหิต
      • โรคหู ตา คอ จมูก
    • โรคจากการทำงาน
      • พิษภัยจากสารเคมี (ยาฆ่าเมลง/ สารตะกั่ว)
      • โรคจากฝุ่นและสารเคมีในโรงงาน
      • โรคจากสัตว์ เช่น ฉี่หนู
      • โรคจากอริยาบทที่ผิดสุขลักษณะ
      • โรคเส้นเอ็นอักเสบ/ นิ้วล็อค
  • ทันกระแสสุขภาพ
  • คลังความรู้สื่อสังคมออนไลน์
  • อื่น ๆ

ได้รับความนิยม

  • นม
  • ถั่วพู
  • คนท้อง
  • ธาลัสซีเมีย
  • ผู้สูงอายุ
  • ผักพื้นบ้าน
  • สมุนไพร

แผนผังเว็บไซต์

  • หน้าแรก
  • ดูแลสุขภาพด้วยตัวเอง
  • บทความสุขภาพน่ารู้
  • สื่อสุขภาพ
  • คำถามสุขภาพ
  • ข่าวสาร
  • ติดต่อหมอชาวบ้าน
  • ข้อปฏิเสธความรับผิดชอบ

รวมลิงค์เครือข่าย

  • มูลนิธิหมอชาวบ้าน
  • สำนักพิมพ์หมอชาวบ้าน
  • สถาบันโยคะวิชาการ

สื่อสุขภาพ

  • คลิปสุขภาพ
  • หมอชาวบ้านรายเดือน
  • คลินิกรายเดือน
  • จดหมายข่าวย้อนหลัง
  • feed หมอชาวบ้าน
  • facebook หมอชาวบ้าน
  • youtube หมอชาวบ้าน
  • feed หมอชาวบ้าน
  • facebook หมอชาวบ้าน
  • twitter หมอชาวบ้าน
  • youtube หมอชาวบ้าน
สนับสนุนโดย สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)< และสถาบัน ChangeFusion< พัฒนาระบบโดย Opendream< สัญญาอนุญาต cc by-nc-sa <