Parkes G, Greenhalgh T, Griffin M, et al. Effect on smoking quit rate of telling patients their lung age : the Step2 quit randomised controlled trial. BMJ 2008; 336:598-600.
หนึ่งในสี่ของคนสูบบุหรี่ลงเอยด้วยโรคทางเดินหายใจอุดกั้นเรื้อรัง (COPD) ซึ่งเป็นสาเหตุการตายมากที่สุดลำดับสี่ของประชากรโลก วิธีการรณรงค์ให้นักสูบทั้งหลายเลิกสูบจึงน่าสนใจ. นักวิจัยในประเทศอังกฤษ ศึกษา randomisation controlled trial ในคนที่สูบบุหรี่จำนวน 561 คนที่มีอายุ 35 ปีขึ้นไป ร้อยละ 54 เป็นผู้หญิง สูบบุหรี่เฉลี่ยวันละ 17 มวน เฉลี่ย 33 pack-years ผู้ป่วยที่ไม่ได้รวมอยู่ในการศึกษานี้ ได้แก่ เป็นมะเร็งปอด วัณโรค แอสเบสโตสิส ซิลิโคสิส bronchiectasis หรือเคยผ่าตัดปอด.
ผู้ป่วย 561 คน ถูกแบ่งแบบสุ่มเป็น 2 กลุ่ม ทุกคนได้รับการตรวจสมรรถภาพปอด วัด FEV1 กลุ่มที่อยู่ในกลุ่มศึกษา (n = 280 คน) ได้รับการแจ้งผลทันทีด้วยวาจาและแสดงภาพที่บอก "อายุปอด" (บอกว่าค่า FEV1 ของผู้ป่วยเทียบเท่ากับอายุปอดของคนปกติวัยใด) ส่วนกลุ่มควบคุม (n = 281 คน) ไม่ได้บอกผลตรวจทันที แต่ภายใน 4 สัปดาห์หลังจากนั้นผู้ป่วยทุกคนจะได้รับจดหมายรายงานผลการตรวจ โดยในกลุ่มควบคุมมีการแจ้งผลแต่ไม่ได้มีการอธิบายเรื่องอายุปอดเหมือนในกลุ่มศึกษา แต่ทั้ง 2 กลุ่มได้รับข้อความที่เน้นถึงความสำคัญของการเลิกสูบบุหรี่และให้ติดต่อหน่วยบริการช่วยเลิกบุหรี่. ตัวชี้วัดผลการศึกษาคืออัตราการเลิกสูบบุหรี่ (ตรวจ cotinine ในน้ำลาย) และจำนวนบุหรี่ที่สูบต่อวันใน 12 เดือนต่อมา.
ผลการศึกษา ผู้วิจัยสามารถติดตามผู้ป่วยได้ร้อยละ 89 เมื่อเริ่มการศึกษา ร้อยละ 27 ของกลุ่มศึกษาและ 23 ของกลุ่มควบคุมมี FEV1 ผิดปกติ กลุ่มศึกษามีอายุปอดแก่กว่าอายุจริงเฉลี่ย 9.3 ปี กลุ่ม ที่ได้รับการบอกและอธิบายเกี่ยวกับอายุปอดมีอัตราการเลิกสูบบุหรี่สูงกว่า ( 13.6% vs. 6.4%, NNT 14) และจำนวนบุหรี่ที่สูบต่อวันน้อยลงกว่ากลุ่มควบคุม(12 vs. 14 มวนต่อวัน) อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ.
ผลการตรวจสมรรถภาพปอดและอายุปอดดังภาพที่ 1.
สรุป การบอกอายุปอดภายหลังการตรวจสมรรถภาพปอดทันทีประสบความสำเร็จในการช่วยให้คนสูบบุรี่จำนวนหนึ่งเลิกสูบได้มากกว่าการแนะนำแบบไม่ได้บอกอายุปอด.
การศึกษานี้ชี้ว่าการแนะนำให้คนสูบบุหรี่เลิกสูบ อาจเพิ่มการตรวจสมรรถภาพปอดเพื่อเป็นเป็นสิ่งกระตุ้นให้เลิกสูบบุหรี่ และรูปแบบและเนื้อหาข้อมูลที่ให้แก่ผู้สูบก็เป็นเรื่องสำคัญ.
วิชัย เอกพลากร พ.บ., Ph.D.
รองศาสตราจารย์, ศูนย์เวชศาสตร์ชุมชน, คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี
มหาวิทยาลัยมหิดล
- อ่าน 2,978 ครั้ง
พิมพ์หน้านี้