ในปัจจุบันแพทย์และผู้ประกอบวิชาชีพด้านสุขภาพสาขาอื่นๆ รวมทั้งสถานพยาบาลต่างๆ ทั้งของรัฐและเอกชน ต่างก็กำลังมีปัญหาจากการถูกฟ้องร้องเรียกค่าสินไหมทดแทน เมื่อเกิดภาวะไม่พึงประสงค์ขึ้นจากการรักษาพยาบาลตามพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีผู้บริโภค พ.ศ. 2551 ซึ่งมีวิธีการและรายละเอียดในการดำเนินคดีที่ทำให้มีการฟ้องร้องได้ง่ายมาก เช่น สามารถฟ้องร้องได้ด้วยวาจา โดยไม่จำเป็น ต้องมีทนายความ มีอายุความที่ยาวนานขึ้น ศาลสามารถพิพากษาให้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนได้เกินกว่าจำนวนเงินที่ฟ้อง ศาลสามารถแก้ไขคำพิพากษาใหม่ได้แม้ตัดสินคดีไปแล้ว การฟ้องร้องไม่ต้องมีเงินวางศาลเหมือนคดีแพ่งทั่วไป ดังนั้น จึงมีการฟ้องร้องตามพระราชบัญญัติฉบับนี้มากขึ้นทุกวัน จนแพทย์หลายคนต้องปิดคลินิกตนเองเนื่องจากรับความเสี่ยงไม่ไหว บางคนก็ไปทำอาชีพอื่นแทนโดยบอกกับผมว่าทนต่อความเครียดไม่ได้ เพราะแต่เดิมเครียดจากความกลัวว่าผู้ป่วยในภาวะวิกฤติจะเป็นอันตรายก็แย่แล้ว นี่ยังเจอปัญหาการถูกฟ้องร้องอีกทั้งทางคดีอาญา คดีแพ่งทั่วไป และคดีผู้บริโภคอีก ไม่ไหวแล้วขอลาไปก่อนดีกว่าซึ่งคดีผู้บริโภคนี้ กระทรวงสาธารณสุข ได้ยื่นคำขอให้ท่านประธานศาลอุทธรณ์วินิจฉัยแล้วว่าสถานพยาบาล (โดยเฉพาะอย่างยิ่งของรัฐ) อยู่ภายใต้บังคับของพระราชบัญญัติฉบับนี้หรือไม่.
หลังจากวันวาเลนไทน์หนึ่งสัปดาห์ คือวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2552 ก็จะมีของขวัญ ชิ้นใหม่เกิดขึ้นอีกแล้ว นั่นคือ จะเป็นวันที่กฎหมายฉบับใหม่เริ่มใช้บังคับ ซึ่งมีชื่อว่า "พระราชบัญญัติความรับผิดต่อความเสียหายที่เกิดขึ้นจากสินค้าที่ไม่ปลอดภัย พ.ศ. 2551 ซึ่งยังเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ในหมู่นักกฎหมายว่า จะ ใช้บังคับกับผู้ประกอบวิชาชีพด้านสุขภาพและสถานพยาบาลได้หรือไม่ ซึ่งถ้าได้ก็จะมีผลกระทบต่อแพทย์และผู้ประกอบวิชาชีพด้านสุขภาพอื่นๆ อย่างแน่นอน ดังนั้น ผมจึงนำข้อความบางส่วนของพระราชบัญญัติฉบับนี้มาเรียนให้ทราบพอได้ไอเดียดังนี้ครับ
มาตรา 4 ในพระราชบัญญัติฉบับนี้
"สินค้า" หมายความว่า สังหาริมทรัพย์ทุกชนิดที่ผลิตหรือนำเข้าเพื่อขาย รวมทั้งผลิตผลเกษตรกรรมและให้หมายความรวมถึงกระแสไฟฟ้า ยกเว้นสินค้าตามที่กำหนดไว้ในกฎกระทรวง
"ความเสียหาย" หมายความว่า ความเสียหายที่เกิดขึ้นจากสินค้าไม่ปลอดภัยไม่ว่าจะเป็นความเสียหายต่อชีวิต ร่างกาย สุขภาพอนามัย จิตใจ หรือทรัพย์สิน ทั้งนี้ไม่รวมถึงความเสียหายต่อจิตใจอย่างอื่นที่มีลักษณะทำนองเดียวกัน
"ความเสียหายต่อจิตใจ" หมายความว่า ความเจ็บปวด ความทุกข์ทรมาน ความหวาดกลัว ความวิตกกังวล ความเศร้าโศกเสียใจ ความอับอาย หรือความเสียหายต่อจิตใจอย่างอื่นที่มีลักษณะทำนองเดียวกัน
มาตรา 5 ผู้ประกอบการทุกคนต้องร่วมกันรับผิดต่อผู้เสียหายในความเสียหายที่เกิดจากสินค้าที่ไม่ปลอดภัย และสินค้านั้นได้มีการขายให้แก่ผู้บริโภคแล้วไม่ว่าความเสียหายนั้นจะเกิดจากการกระทำโดยจงใจหรือประมาทเลินเล่อของผู้ประกอบการหรือไม่ก็ตาม
มาตรา 9 ข้อตกลงระหว่างผู้บริโภคกับผู้ประกอบการที่ได้ทำไว้ล่วงหน้าก่อนเกิดความเสียหายและประกาศหรือคำแจ้งความของผู้ประกอบการเพื่อยกเว้น หรือจำกัดความรับผิดของผู้ประกอบการต่อความเสียหายอันเกิดจากสินค้าที่ไม่ปลอดภัย จะนำมาอ้างเพื่อเป็นข้อยกเว้นหรือจำกัดความรับผิดไม่ได้
เพื่อประโยชน์แห่งมาตรานี้ ผู้บริโภคมีความหมายเช่นเดียวกับนิยามคำว่า "ผู้บริโภค" ตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองผู้บริโภค
ผมมีความเห็นว่าการประกอบวิชาชีพด้านสุขภาพไม่น่าจะอยู่ภายใต้บังคับของกฎหมายฉบับนี้ เพราะเราไม่ได้เป็นผู้ขายสินค้า หากแต่เป็นผู้ประกอบวิชาชีพด้านสุขภาพ และสถานพยาบาลก็เป็นผู้ให้บริการทางด้านการแพทย์ซึ่งจะต้องมีจริยธรรมในการดำเนินการ.
อำนาจ กุสลานันท์ พ.บ. ,น.บ., น.บ.ท., ว.ว. (นิติเวชศาสตร์)
ศาสตราจารย์คลินิก เลขาธิการแพทยสภา
- อ่าน 10,776 ครั้ง
พิมพ์หน้านี้