Skip to main content
ข้อมูลสุขภาพ มูลนิธิหมอชาวบ้าน
menu

Login Pop

  • เข้าสู่ระบบ
    • ลืมรหัสผ่าน
search
  • เว็บหลักหมอชาวบ้าน
  • สำนักพิมพ์หมอชาวบ้าน
  • มูลนิธิหมอชาวบ้าน
  • หน้าแรก
  • ดูแลสุขภาพด้วยตัวเอง
  • บทความสุขภาพน่ารู้
  • สื่อสุขภาพ
  • คำถามสุขภาพ
  • ข่าวสาร
  • ติดต่อหมอชาวบ้าน
  • ข้อปฏิเสธความรับผิดชอบ
หน้าแรก » บทความสุขภาพน่ารู้ » ฉันไม่เชื่อหมอหรอก (2)
  • ขนาดตัวอักษร  Normal size text | Increase text size by 10% | Increase text size by 20% | Increase text size by 30%

ฉันไม่เชื่อหมอหรอก (2)

โพสโดย somsak เมื่อ 1 พฤษภาคม 2552 00:00

ปิยวาจาทางคลินิกฉบับที่แล้ว เราคุยกันถึงเรื่องคนไข้มีปัญหา ไม่เชื่อฟัง ไม่ยอมทำตามคำแนะนำที่คุณหมอมีให้ด้วยความปรารถนาดี คนไข้กรณีแบบนี้มักทำให้คุณหมอเกิดความหงุดหงิดรำคาญใจ พาลไม่อยากจะรักษาเอา และที่ร้ายกว่านั้น...คนไข้กลุ่มนี้มีจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ เสียด้วยสิครับ.

ที่จริงแล้วการที่คนไข้หนึ่งคนเลือกที่จะ "เชื่อ"  หรือ "ไม่เชื่อ" คุณหมอนั้น ไม่ใช่เพราะคนไข้ไม่ถูกชะตากับเรา หรือเพราะคนไข้หัวดื้อหรอกครับ แต่มีเหตุผลตั้งมากมายอย่างที่เราได้คุยกันไปแล้ว.
ปิยวาจาทางคลินิกฉบับนี้ เราจะมาคุยกันต่อครับว่า ถ้าหากคุณหมอได้พบกับคนไข้ในกรณีดังกล่าว เรามีวิธีจะรับมือได้อย่างไรบ้าง
ผมมีคำแนะนำดังนี้ครับ
1. ก่อนอื่นเลย คุณหมอคงต้องทำความเข้าใจ กับแบบแผนวิธีคิดเกี่ยวกับเรื่องความเจ็บป่วย วินิจฉัยโรคและอาการป่วยเสียก่อน ว่าตัวคนไข้เองมีการรับรู้และมีความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้อย่างไรบ้าง
ขอแนะนำให้ใช้คำถามดังต่อไปนี้ สนทนากับคนไข้ครับ
- "คุณคิดอย่างไรเกี่ยวกับอาการป่วยของคุณครับ"
- "คุณเข้าใจอย่างไรเกี่ยวกับโรคที่คุณเป็นครับ"
- "คุณอยากให้หมอช่วยอย่างไรบ้างครับ"
ถ้าคุณหมอนึกไม่ออกว่าจะเริ่มต้นคุยอย่างไร ลองดูสถานการณ์จำลองบทสนทนาระหว่างคุณหมอเทพ และคนไข้คุณบัวรินนะครับ

คุณหมอเทพ : คุณบัวรินครับ ก่อนที่เราจะตรวจรักษากันต่อไป คุณลองบอกหมอหน่อยได้ไหมว่า คุณเข้าใจเกี่ยวกับอาการไม่สบายของคุณอย่างไร บ้างครับ

คุณบัวริน : อะไรนะหมอ (น้ำเสียงประหลาดใจ) มาถามฉันได้ยังไง ฉันไม่ใช่หมอสักหน่อย

คุณหมอเทพ : ถูกครับ คุณบัวรินไม่ใช่หมอแต่ผมอยากให้คุณบัวรินลองอธิบายความเข้าใจของคุณบัวริน เกี่ยวกับอาการป่วยของตัวเองให้หมอฟัง สักข้อหรือสองข้อก็ได้ครับ

คุณบัวริน : อืม...ฉันคิดว่าฉันคงติดเชื้ออะไรสักอย่าง สงสัยจะเป็นไซนัส

คุณหมอเทพ : อืม...ไซนัสอักเสบใช่ไหมครับ ถ้าเป็นแบบนี้คุณบัวรินคิดว่าเราควรจะรักษากันอย่างไรดีล่ะ

คุณบัวริน : ฉันเคยอ่านหนังสือมาว่ากินยาแก้อักเสบก็น่าจะหายค่ะหมอ
หลังจากที่คุณหมอสนทนากับคนไข้ดังตัวอย่างข้างต้น ตอนนี้คุณหมอเทพก็พอจะทราบถึงความคิด ความเข้าใจของคนไข้มากขึ้น ในกรณีที่แนวความคิดเรื่องอาการป่วยของคนไข้ กับแนวทางการรักษาใกล้เคียงกันกับที่คุณหมอคิดเอาไว้ในใจ การดูแลคนไข้ในขั้นต่อไปก็ง่ายขึ้นแล้วละครับ อย่าลืมชมคนไข้สักนิดนะครับ เพื่อเป็นการกระชับความสัมพันธ์ระหว่างหมอกับคนไข้ให้ดีขึ้น

คุณหมอเทพ : ถูกต้องแล้วละครับคุณบัวริน คุณมีอาการของไซนัสอักเสบด้วย คุณเป็นคนไข้ที่สนใจเรื่องสุขภาพดีมากเลยนะครับ ถึงได้รู้เรื่องเกี่ยวกับไซนัสอักเสบ แต่ในขณะเดียวกันผมว่าคุณบัวรินมีอาการไอร่วมด้วย หมอฟังเสียงปอดมีเสียงครืดคราดในหลอดลม เกรงว่านอกจากไซนัสอักเสบ ยังจะมีอาการหลอดลมอักเสบร่วมด้วยอีกอย่างหนึ่ง

คุณบัวริน : แย่จังเลยนะคะ ยังไงคุณหมอช่วยจัดยาให้ฉันด้วยเลยก็แล้วกัน
ตัวอย่างข้างต้นนี้ เป็นกรณีศึกษาที่ทั้งหมอและคนไข้มีความเห็นเป็นไปในทำนองเดียวกัน แต่ถ้าหากคุณหมอและคนไข้มีความคิดเห็นสวนทางกัน อย่างเช่น กรณีศึกษาของคุณหมอสักรินทร์และคุณเพ็ญจันทร์ในฉบับที่แล้ว คุณเพ็ญจันทร์เป็นเบาหวาน เธอควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ไม่ดีเลย ต้องกลับมานอนโรงพยาบาลบ่อยๆ ด้วยอาการน้ำตาล ในเลือดขึ้นสูง.

คุณหมอสักรินทร์และพยาบาล พยายามบอกคนไข้ สอนให้คนไข้รู้ว่าอะไรกินได้ อะไรกินไม่ได้ ควรจะต้องหลีกเลี่ยงอาหารประเภทไหน คุณเพ็ญจันทร์จำทุกอย่างได้อย่างแม่นยำ เข้าใจดี แต่ไม่ยอมปฏิบัติตาม

แทนที่คุณหมอสักรินทร์จะโมโหคนไข้ที่ไม่เชื่อฟัง ผมว่าเราลองมาเปลี่ยนวิธีคิดเสียใหม่ดีไหมครับ ถ้าคุณหมอเจอคนไข้แบบคุณเพ็ญจันทร์ ผมขอแนะนำให้ลองสนทนากับคนไข้แบบนี้ครับ

คุณหมอสักรินทร์ : คุณเพ็ญจันทร์ครับดูเหมือนว่าความคิดเห็นและมุมมองเกี่ยวกับโรคเบาหวานของคุณและหมอจะไม่ตรงกันสักเท่าไหร่ แถมความคิดเรื่องการรักษาของเราก็ไม่ค่อยจะตรงกันด้วยนะครับ

คุณเพ็ญจันทร์ : หมายความว่ายังไงคะหมอ (ท่าทางของคนไข้ดูไม่ค่อยจะสบอารมณ์นัก)

คุณหมอสักรินทร์ : มุมมองของหมอ โรคเบาหวานเกิดจากการที่ร่างกายจัดการกับน้ำตาลไม่ได้ ทำให้น้ำตาลในเลือดสูง หมอจึงแนะนำให้คุณเพ็ญจันทร์ควบคุมอาหาร พร้อมไปกับการฉีดอินซูลินทุกวัน แต่ดูเหมือนตอนนี้คุณเพ็ญจันทร์คิดว่าอาการของตัวเองดีแล้ว เลยสามารถจะกินอะไรได้ทุกอย่าง โดยไม่จำเป็น ต้องคุมอาหาร ส่วนอินซูลินก็ไม่จำเป็นต้องฉีด จนกว่าน้ำตาลจะสูงขึ้นอีก แบบนี้หมอเข้าใจถูกไหมครับ

คุณเพ็ญจันทร์ : ก็ประมาณนั้น ฉันจำกัดอาหารแบบที่หมอแนะนำตลอดไปไม่ได้หรอก แม่ของฉันเป็นเบาหวาน ไม่ได้ฉีดอินซูลิน ก็อยู่สบายดีนี่คะ ไม่เห็นจะเป็นไรเลย
เห็นไหมครับว่า แทนที่จะโมโหคนไข้ เอ็ดคนไข้ แต่กลับเริ่มสนทนากับคนไข้แบบกรณีศึกษานี้ คุณหมอจะเห็นมุมมองความเข้าใจของคนไข้ต่ออาการป่วยของเขามากขึ้น เมื่อคุณหมอเห็นแล้วว่าข้อขัดแย้งทางความคิดของคุณหมอและคนไข้อยู่ที่ตรงไหนคุณหมอจะสามารถหาจุดสมดุลทางการรักษาได้ดีขึ้น

2. เมื่อเข้าใจคนไข้มากขึ้นแล้ว คุณหมอลอง ถามต่อไปถึงความคิดของคนไข้ ต่อแผนการรักษาที่คุณหมอวางเอาไว้ให้

พยายามลองหาคำตอบว่ามีอะไรเป็นข้อจำกัดหรือเปล่า ที่ทำให้คนไข้ไม่เห็นด้วย หรือไม่สามารถทำตามแผนการรักษาของคุณหมอได้ เช่น รสนิยม ลักษณะนิสัยส่วนตัว ศาสนา หรือวัฒนธรรม ความเชื่อบางประการ.

จากนั้นลองวางแผนการรักษาใหม่ คราวนี้วางร่วมกันกับคนไข้ครับ ช่วยกันกับคนไข้หาจุดสมดุลทางการรักษามองหาความเป็นไปได้ว่าจะรักษาร่วมกันอย่างไร.

เมื่อคนไข้กลับมาพบคุณหมอที่โอพีดีในครั้งถัดไป ลองถามว่าคนไข้สามารถทำตามแผนการรักษาที่วางร่วมกันได้หรือเปล่า มีอุปสรรคหรือปัญหาอะไรหรือไม่
คุณหมอสักรินทร์ : คุณเพ็ญจันทร์ครับ กลับไปบ้านฉีดยาอินซูลินและกินยาที่ผมจัดให้เมื่อคราวก่อน มีปัญหาอะไรบ้างหรือเปล่าครับ

คุณเพ็ญจันทร์ : ก็ดีนะคะหมอ

คุณหมอสักรินทร์ : มีลืมกินยา หรือลืมฉีดยาบ้างหรือเปล่าครับ เพราะคนไข้ที่มียาเยอะแบบนี้บางครั้งก็หยิบยาผิดหรือลืมไปบ้างบางมื้อก็มี

คุณเพ็ญจันทร์ : อืม...ก็มีเหมือนกันค่ะหมอ (สารภาพ) ยามื้อเย็นบางทีฉันก็ลืม

คุณหมอสักรินทร์ : ลืมบ่อยไหมครับ

คุณเพ็ญจันทร์ : สัปดาห์ละสองสามหนค่ะ

คุณหมอสักรินทร์ : ลืมสัปดาห์ละสองสามหนหรือครับ

คุณเพ็ญจันทร์ : เปล่าค่ะ ฉันกินยามื้อเย็นแค่สัปดาห์ละหนหรือสองหนเท่านั้น (รีบบอกต่อไปอย่างรวดเร็ว) แต่ยามื้อเช้าฉันกินและฉีดเป็นประจำนะคะ ไม่เคยลืมเลย
เมื่อมาถึงตรงนี้ ผมว่าคุณหมอเริ่มมองเห็นปัญหาแล้วใช่ไหมครับ

คนไข้มีปัญหาเรื่อง compliance บางอย่างแน่ๆ ที่ทำให้กินยาไม่ได้ตามเวลา เมื่อได้ข้อมูลแบบนี้คุณหมอกับคนไข้ต้องกลับมาคุยเรื่องแผนการรักษาอีกหนครับ พยายามให้คนไข้ช่วยคิดว่าทำอย่างไรเธอจึงจะไม่ลืมยากิน-ยาฉีดมื้อเย็น บางครั้งอาจจะต้องปรับจำนวนครั้งของการใช้ยาเพื่อให้คนไข้สามารถบริหารยาได้สะดวกขึ้น.

การที่คุณหมอเอาใจใส่ติดตาม ประเมินความคิด ของคนไข้เป็นระยะเช่นนี้ จะช่วยลดกรณีที่คนไข้ละทิ้งการรักษา หรือไม่เชื่อฟังคุณหมอได้เป็นอย่างดีครับ.

3. เมื่อคุณหมอพบว่าคนไข้มีปัญหาเรื่องการบริหารยาดังกรณีศึกษาข้างต้น กรุณาอย่าส่งคนไข้กลับบ้านโดยนัดให้มาพบใหม่ในเดือนถัดไป เพราะการนัดนานแบบนั้นทำให้เกิดปัญหาได้ ควรมีการติดตามคนไข้โดยการเยี่ยมบ้าน หรือติดตามผลการรักษาทางโทรศัพท์ก็ได้ครับ.

4. ก่อนที่คนไข้จะกลับบ้าน คุณหมอควรเน้น ให้คนไข้ตระหนักถึงความสำคัญของการรักษาและดูแลตนเองอีกครั้งครับ อาจใช้คำพูดง่ายๆ แสดงถึงความห่วงใยว่า "หมอเป็นห่วงนะครับ อยากให้คนไข้ดูแลสุขภาพของตัวเองอย่างจริงจัง เพื่อให้สุขภาพของคุณดีขึ้น"

เชื่อไหมครับว่าคำพูดง่ายๆ หากทว่าจริงใจเพียงประโยคเดียวของคุณหมอก็จะทำให้คนไข้ระมัดระวัง และดูแลตัวเองดีขึ้นกว่าเก่าแน่ๆ.

5. และก่อนที่คนไข้จะออกจากห้องตรวจไป  อย่าลืมทบทวนกับคนไข้ให้แน่ใจว่า เขาหรือเธอเข้าใจเรื่องการรักษาจริงๆ อาจจะลองถามให้คนไข้ลองเล่าทวนให้คุณหมอฟังอีกสักครั้งก็ได้นะครับ

6. อย่าลืมที่จะอธิบายให้คนไข้ฟังถึงผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้ของยาแต่ละชนิดที่คุณหมอจ่ายให้ไปด้วยนะครับ เพราะบ่อยครั้งที่คนไข้เลิกกินยาไปเองโดยไม่ยอมบอกให้คุณหมอรู้ เพียงเพราะว่าเกิดอาการข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ขึ้น ผมมีคนไข้หลายรายที่กินยาลดความดันบางประเภท แล้วมีอาการไอแห้งๆ น่ารำคาญ คนไข้เลยลองหยุดยาไปเอง ถ้าไม่เคยอธิบายหรือถามไถ่กัน เราจะไม่มีทางรู้ได้เลยครับว่าคนไข้หยุดยาไปเองตั้งนานแล้ว. 
 .........................................

ก่อนจากกันฉบับนี้ ผมขออนุญาตเตือนคุณหมออีกครั้งครับว่า หน้าที่ของคุณหมอไม่ใช่การ "บอก"หรือ "สั่ง" ให้คนไข้ทำอย่างนั้นอย่างนี้.

และเมื่อคนไข้ไม่ทำตามคำแนะนำที่เต็มไปด้วยความปรารถนาดีของหมอและพยาบาล คุณหมอก็อย่าเพิ่งไปโกรธเขานะครับ เพราะคนเราทุกคนย่อมมีเหตุผลในการกระทำทุกอย่าง.

คุณหมอกำลังรักษาคนครับ ไม่ได้รักษาโรคหรือรักษาผลตรวจทางห้องปฏิบัติการ คนไข้ของคุณหมอก็เป็นคนที่มีชีวิตจิตใจ มีความคิดเป็นของตัวเอง ไม่แตกต่างอะไรจากตัวของคุณหมอเลยสักนิดเดียว.

พบกันใหม่เดือนหน้าครับ.


พงศกร  จินดาวัฒนะ  พ.บ.ว.ว. (เวชปฏิบัติทั่วไป) 
อ.ว. (เวชศาสตร์ครอบครัว) ศูนย์สุขภาพชุมชน 1
กลุ่มงานเวชกรรมสังคม  โรงพยาบาลราชบุรี

 

ป้ายคำ:
  • กรณีศึกษา
  • อนามัยสิ่งแวดล้อม
  • อารมณ์
  • สร้างเสริมสุขภาพ 3 อ.​ และป้องกันโรค
  • อื่น ๆ
  • ปิยวาจาทางคลินิก
  • นพ.พงศกร จินดาวัฒนะ
  • อ่าน 4,656 ครั้ง
  • พิมพ์หน้านี้พิมพ์หน้านี้

ข้อมูลสื่อ

293-009
วารสารคลินิก 293
พฤษภาคม 2552
ปิยวาจาทางคลินิก
นพ.พงศกร จินดาวัฒนะ
Skip to Top

บทความสุขภาพน่ารู้

  • ทั้งหมด
  • การแพทย์ทางเลือก
    • แพทย์แผนไทย
      • กดจุด
      • นวดไทย
    • แพทย์แผนจีน
  • ดูแลสุขภาพ
    • การดูแลผู้สูงอายุ
    • การปฐมพยาบาล
    • การรักษาเบื้องต้น
    • การใช้ยาสมุนไพร
    • คู่มือดูแลสุขภาพ
    • ยาและวิธีใช้
    • ตรวจสุขภาพด้วยตัวเอง
      • คำนวณค่า BMI
      • วินิจฉัยโรคเบื้องต้น
      • แนะนำการตรวจสุขภาพประจำปี
    • คุยสุขภาพ
      • กรณีศึกษา
      • ถามตอบปัญหาสุขภาพ
  • สุขภาพทางเพศและครอบครัว
    • การดูแลบุตร
    • แม่และเด็ก
    • การตั้งครรภ์
    • เรียนรู้เรื่องเพศและการวางแผนครอบครัว
  • สร้างเสริมสุขภาพ 3 อ. ​และป้องกันโรค
    • อาหาร
      • อาหาร 5 หมู่
      • อาหารของผู้่ป่วยโรคเรื้อรัง
        • ความดันสูง
        • หัวใจ
        • เกาต์
        • เบาหวาน
      • อาหารที่ควรหลีกเลี่ยง
      • อาหารป้องกันมะเร็ง
      • อาหารสมุนไพร
    • ออกกำลังกาย
      • วิ่ง เดิน ปั่นจักรยาน ว่ายน้ำ แอร์โรบิค แอร์โรบอคซิ่ง รำกระบอง ไทเก็ก ชี่กง โยคะ
    • อารมณ์
      • การทำสมาธิ
      • การพักผ่อน
      • การพัฒนา EQ
      • จิตอาสา/ ฉือจี้
  • พฤติกรรมอันตราย
    • พฤติกรรมเสี่ยงต่อสุขภาพ
    • อนามัยสิ่งแวดล้อม
    • อิริยาบถ
  • โรคและอาการ
    • โรคเรื้อรัง
      • กลุ่มอาการเมตาโบลิค
      • ความดันโลหิตสูง
      • ถุงลมปอดโป่งพอง
      • มะเร็ง
      • อัมพฤกษ์ อัมพาต
      • เบาหวาน
      • โรคข้อ/เกาต์
      • โรคทางจิตเวช เครียด หวาดระแวง
      • โรคหวัด ภูมิแพ้
      • โรคหัวใจ
      • โรคหืด
      • ไขมันในเลือดสูง/ผิดปกติ
      • ไตวาย
    • โรคตามระบบ
      • ระบบทางเดินอาหาร
      • โรคจากอุบัติเหตุ สารพิษ และสัตว์พิษ
      • โรคช่องปากและฟัน
      • โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
      • โรคติดเชื้อ
      • โรคผิวหนัง
      • โรคพยาธิ
      • โรคระบบกระดูกและกล้ามเนื้อ
      • โรคระบบต่อมไร้ท่อ
      • โรคระบบทางอวัยวะเพศชาย
      • โรคระบบทางอวัยวะเพศหญิง
      • โรคระบบทางเดินปัสสาวะ
      • โรคระบบทางเดินหายใจ
      • โรคระบบประสาทและสมอง
      • โรคระบบไหลเวียนโลหิต
      • โรคหู ตา คอ จมูก
    • โรคจากการทำงาน
      • พิษภัยจากสารเคมี (ยาฆ่าเมลง/ สารตะกั่ว)
      • โรคจากฝุ่นและสารเคมีในโรงงาน
      • โรคจากสัตว์ เช่น ฉี่หนู
      • โรคจากอริยาบทที่ผิดสุขลักษณะ
      • โรคเส้นเอ็นอักเสบ/ นิ้วล็อค
  • ทันกระแสสุขภาพ
  • คลังความรู้สื่อสังคมออนไลน์
  • อื่น ๆ

ได้รับความนิยม

  • นม
  • ถั่วพู
  • คนท้อง
  • ธาลัสซีเมีย
  • ผู้สูงอายุ
  • ผักพื้นบ้าน
  • สมุนไพร

แผนผังเว็บไซต์

  • หน้าแรก
  • ดูแลสุขภาพด้วยตัวเอง
  • บทความสุขภาพน่ารู้
  • สื่อสุขภาพ
  • คำถามสุขภาพ
  • ข่าวสาร
  • ติดต่อหมอชาวบ้าน
  • ข้อปฏิเสธความรับผิดชอบ

รวมลิงค์เครือข่าย

  • มูลนิธิหมอชาวบ้าน
  • สำนักพิมพ์หมอชาวบ้าน
  • สถาบันโยคะวิชาการ

สื่อสุขภาพ

  • คลิปสุขภาพ
  • หมอชาวบ้านรายเดือน
  • คลินิกรายเดือน
  • จดหมายข่าวย้อนหลัง
  • feed หมอชาวบ้าน
  • facebook หมอชาวบ้าน
  • youtube หมอชาวบ้าน
  • feed หมอชาวบ้าน
  • facebook หมอชาวบ้าน
  • twitter หมอชาวบ้าน
  • youtube หมอชาวบ้าน
สนับสนุนโดย สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)< และสถาบัน ChangeFusion< พัฒนาระบบโดย Opendream< สัญญาอนุญาต cc by-nc-sa <