-
นิตยสารหมอชาวบ้าน
373
พฤษภาคม 2553
องค์การอนามัยโลกให้ข้อมูลว่า ในปัจจุบันโรคมะเร็งเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับ ๑ ของโลก โดยมีผู้เสียชีวิตจากโรคมะเร็งถึง ๗ ล้านคนต่อปี ส่วนในไทยมะเร็งเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับ ๑ ติดต่อกันมา ๗ ปี พบว่ามีโรคมะเร็งของอวัยวะภายในหลายชนิดที่แสดงอาการทางผิวหนัง และบางครั้งเป็นอาการที่ทำให้ผู้ป่วยมาพบแพทย์ ที่จริงแล้วมะเร็งอวัยวะภายในแทบทุกชนิดแพร่กระจายมาสู่ผิวหนังได้ ...
-
นิตยสารหมอชาวบ้าน
372
เมษายน 2553
พบว่ามีผู้ที่มีตุ่มคันที่เกิดจากหมัดกัดได้บ่อย ลักษณะของตุ่มหมัดกัดจะเป็นตุ่มคันที่เป็นตุ่มแดงนูน มีจุดตรงกลาง ตุ่มขึ้นเป็นหย่อมอยู่ใกล้เคียงกัน และมีประวัติใกล้ชิดกับสุนัข นอกจากถูกหมัดสุนัขกัดแล้ว คนเรายังถูกหมัดแมว หมัดหนู และหมัดคนกัดได้การถูกหมัดกัดนอกจากทำให้เกิดตุ่มคันแล้ว ยังนำโรคติดเชื้ออื่นๆ ได้ด้วย เช่น กาฬโรค ไข้ไทฟัสหนู และนำโรคพยาธิตัวตืดบางชนิด ...
-
นิตยสารหมอชาวบ้าน
371
มีนาคม 2553
พบบ่อยว่าอาการคันเรื้อรังอาจสัมพันธ์กับโรคทางกายภายในชนิดอื่นอีกด้วย การรักษาอาการคันเรื้อรังจึงต้องวินิจฉัยหาสาเหตุของโรคให้แน่ชัด และได้รับการรักษาที่เหมาะสมในโรคแต่ละชนิด ผู้ป่วยคันเรื้อรังร้อยละ 10-50 พบว่ามีโรคทางกายที่เป็นสาเหตุของอาการคันร่วมด้วย จึงควรได้รับการตรวจทางห้องปฏิบัติการ ...
-
นิตยสารหมอชาวบ้าน
370
กุมภาพันธ์ 2553
อาการคันเป็นความรู้สึกไม่สบายผิวหนังที่ทำให้อยากเกา ประมาณว่าผู้ป่วยที่มาพบแพทย์ด้วยอาการคันเรื้อรังร้อยละ10-50 จะตรวจพบว่ามีโรคทางกายที่เป็นสาเหตุของอาการคันร่วมด้วย คืออาการคันในผู้ป่วยโรคไต มักคันเป็นครั้งคราว หรืออาจคันต่อเนื่องทั้งวันทั้งคืน อาการคันมักกำเริบเวลากลางคืน หรือระหว่างทำการฟอกไตหรือเพิ่งทำเสร็จ และมักมีผิวแห้งทั่วไปอาการคันในผู้ป่วยโรคตับ มักคันเป็นช่วงๆ ...
-
นิตยสารหมอชาวบ้าน
369
มกราคม 2553
โรคผิวหนังอักเสบภูมิแพ้ (atopic dermatitis) เป็นโรคผิวหนังเรื้อรังที่ไม่ใช่โรคติดต่อ มักเริ่มพบในวัยเด็กโดยพบประวัติภูมิแพ้ในครอบครัวได้ถึงร้อยละ 70 เช่น ประวัติว่าพ่อแม่เป็นหืดหอบ ลมพิษ หรือน้ำมูกไหลเพราะแพ้อากาศ โรคนี้แบ่งลักษณะตามช่วงอายุได้เป็น 3 ช่วงช่วงวัยทารกเริ่มมีอาการคันและผื่นขึ้นตั้งแต่อายุประมาณ 6-8 สัปดาห์ อาการคันอาจเป็นมากจนเด็กอายุถึง 2 ขวบ ...
-
นิตยสารหมอชาวบ้าน
368
ธันวาคม 2552
...
-
นิตยสารหมอชาวบ้าน
367
พฤศจิกายน 2552
นอกจากการใช้ยาทารักษาฝ้าที่มีทั้งยาสูตรหลักที่ใช้กันมานาน และยาหรือครีมทารักษาฝ้าด้วยสารใหม่ๆ ตามที่ได้กล่าวไปแล้ว ยังมีเทคนิคเสริมเพื่อรักษาฝ้าหลายอย่างคือ1. ...
-
นิตยสารหมอชาวบ้าน
366
ตุลาคม 2552
ปัจจุบันมีการคิดค้นยาและเวชสำอางรักษาฝ้าใหม่ๆ โดยหวังจะรักษาฝ้าให้ได้ผลดี และมีผลข้างเคียงน้อยที่สุด เช่นกรดโคจิก (Kojic acid) เป็นสารที่สร้างจากเชื้อรา จากการใช้พบว่าปรับสีผิวได้น้อย และมีรายงานการแพ้ครีมชนิดนี้ประปราย ข้อควรระวังคือครีมตัวนี้ก่อความระคายเคืองสูง ...
-
นิตยสารหมอชาวบ้าน
365
กันยายน 2552
การรักษาฝ้าส่วนใหญ่ใช้ยาทาให้ฝ้าจางลง ซึ่งมีทั้งยาที่ผ่านการศึกษาและนำมาใช้กันแพร่หลาย และยาทากลุ่มใหม่ที่กำลังวิจัยและทดลองใช้ยาทารักษาฝ้า ยาทารักษาฝ้าที่ใช้กันแพร่หลาย ได้แก่1.ไฮโดรควิโนน (Hydroquinone)เป็นยาทาฝ้ากลุ่มยาลดการสร้างเม็ดสี เป็นยารักษาฝ้าที่ใช้บ่อยที่สุด ทำให้สีผิวจางลงชั่วคราว มีอยู่ทั้งในรูปครีม และในรูปสารละลายในแอลกอฮอล์ ใช้ทาฝ้าบางๆ วันละ 1-2 ครั้ง ...
-
นิตยสารหมอชาวบ้าน
364
สิงหาคม 2552
ฝ้าคืออะไรฝ้าเป็นรอยผิวหนังสีน้ำตาลหรือสีดำ พบตามบริเวณที่ผิวหนังโดนแสงแดด (เช่น ที่ใบหน้า) ไม่ได้เป็นมาตั้งแต่เกิด มักค่อยๆ เป็นมากขึ้นเรื่อยๆ แผ่นสีดำนี้มักมีลักษณะเท่าๆ กันทั้ง 2 ข้าง อาจรวมกันเป็นปื้น หรือเข้มเป็นกระจุกๆ ก็ได้บริเวณที่พบฝ้าได้บ่อยคือ ที่เหนือริมฝีปาก หนวด คาง หน้าผาก แต่บางคนก็เป็นฝ้าที่ตำแหน่งอื่นๆ ที่โดนแสงแดด (เช่น ที่หน้าอก แขน ...